บางคนเจอปัญหาเล็กน้อยกลับแพ้พ่าย แต่บางคนแม้เจอปัญหาหนักหนาสักเท่าใดกลับไม่เคยแพ้ภัย
ในเมื่อสวรรค์เบื้องบนเมตตาให้ชีวิตได้เกิดเป็นคน ความอดทนย่อมต้องมีให้มากสักหน่อยจึงจะดี
ชีวิตนี้ที่ต้องดิ้นรนย่อมเป็นเรื่องสามัญของปุถุชน คำว่ายอมแพ้ต่อชะตาไม่มีในตำราของสตรีนามว่าหรงเอ๋อร์
ย้อนกลับไปสิบห้าปี ในตลาดกลางเมืองจินซานที่ห่างไกลปกครองตนเองยังคงมีฝูงชนคลาคล่ำเต็มท้องถนน
สาวน้อยมองไปทางใดล้วนเห็นแต่ผู้คนเดินขวักไขว่ ทว่าผักสดและของป่าที่นำมาขายกลับขายไม่หมดเสียที
หรงเอ๋อร์นั่งเท้าคางนับพวงเงินที่มีอย่างเบื่อหน่าย สุดท้ายก็กลับบ้านอย่างหงุดหงิด คิดเพียงอยากมีเงินเยอะๆ จะได้ออกไปใช้ชีวิตตัวคนเดียว ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้ใด ไฉนจึงยากเย็นนัก
หญิงสาวนำของป่าและตะกร้าผักไปเก็บในครัว เดินกลับเข้าเรือนส่วนตัวที่ไม่เคยได้อยู่แบบส่วนตัวเท่าใด สายตาพลันเห็นมารดาแต่งกายงดงามเดินนวยนาดออกมา
“ท่านแม่” หรงเอ๋อร์ทักทาย
ลิ่งซือทำหน้าดุ “เหตุใดกลับมาช้านักเล่า ไหนดูสิ ได้เงินมาเท่าใด เอามาให้ข้า”
หรงเอ๋อร์ยื่นถุงเงินให้
“ทั้งหมด!”
มารดาตะคอกหรงเอ๋อร์จึงล้วงออกมาอีกหนึ่งพวง
ลิ่งซือกระชากเงินทั้งหมดมายัดใส่สาบเสื้อตนลวกๆ พลางโบกมือไล่ “ไปๆ เข้าห้องไปช่วยน้องสาวเจ้าแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลย”
หรงเอ๋อร์นิ่วหน้า นางไปขายของไม่ได้เที่ยวเล่นนี่นา กลับมาเหนื่อยๆ ยังต้องช่วยแต่งตัวอันใดอีก ยังไม่ทันขยับ ลิ่งซือพลันผลักไหล่ของนางจนแทบกระเด็น
“อย่ามัวยืนบื้อ น่ารำคาญจริง ข้าไม่น่ารับเจ้ามาเป็นลูกบุญธรรมเลย ใช้งานสิ่งใดไม่เคยได้ดังใจ เข้าไปเสียทีสิ! ข้ายังต้องเตรียมตัวเดินทางไปงานเลี้ยงอีก”
ดวงตาหรงเอ๋อร์ทอประกายกร้าววูบหนึ่ง
รับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมหรือเป็นทาสรับใช้กันแน่ แม้คิดเช่นนั้นแต่ก็ต้องเดินเข้ามาช่วยน้องสาวแต่งตัวอยู่ดี อีกฝ่ายย่อมได้ไปร่วมงานเลี้ยงกับมารดา
ในขณะที่นางต้องทำแต่งานและงาน ทำเองทุกอย่างทั้งในบ้านนอกบ้านเพราะไม่มีเงินจ้างสาวใช้
ในห้องด้านใน น้องสาวหันมาแย้มยิ้มเฉิดฉาย “มาแล้วหรือพี่หญิง เร็วเข้า ช่วยปักปิ่นให้ข้าที”
หรงเอ๋อร์เดินมาหยิบปิ่นในมือหรูอี้ ค่อยๆ ปักลงไปในมวยผมดำขลับนั้น
อันที่จริง นางอยากปักลงไปในลำคออีกฝ่ายให้เลือดสาดมากกว่า เสื้อผ้างดงามจนน่าอิจฉาจะได้เปื้อนไปซะ
คิดอย่างหงุดหงิดแต่ทำอันใดมิได้แม้แต่นิด
หรูอี้ผู้เป็นน้องสาวย่อมรับรู้ได้ถึงความหงุดหงิดนั้น แต่แล้วอย่างล่ะ รอยยิ้มของนางยิ่งเหยียดกว้าง “จุ๊ๆ พี่สาว เจ้าอย่าได้ทำสีหน้าท่าทางเช่นนี้ต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่เชียว แม้พวกเราจะเป็นลูกติดเหมือนกัน แต่เจ้าเป็นแค่ลูกบุญธรรมของมารดา ส่วนข้าเป็นถึงลูกในไส้ของบิดานะ เจ้าเทียบข้าไม่ได้หรอก อ้อ...แล้วอย่าลืม ข้าวของเครื่องใช้รวมถึงเสื้อผ้าเครื่องประดับเหล่านี้ ล้วนเป็นของข้าทั้งหมด เจ้าไม่มีสิทธิ์ทั้งสิ้น จำไว้”
หรงเอ๋อร์นิ่งเงียบไม่ต่อคำ เพียงก้มมองเสื้อผ้าเก่าๆ บนเรือนร่างของตนนิ่งๆ
ลิ่งซือได้แต่งงานกับเหวินอี้ที่รักใคร่บุตรสาวมาก นางจึงเอาอกเอาใจสามีโดยการตามใจบุตรสาวของเขาอย่างไร้เหตุผลเสมอ เงินที่ได้จากหรงเอ๋อร์ก็นำไปปรนเปรอหรูอี้ ทั้งเสื้อผ้าปิ่นปักผม แม้กระทั่งขนมที่กินกับน้ำชา
ส่วนหรูอี้ที่คิดว่าตัวเองมีดีเหนือกว่าจึงชอบกดข่มหรงเอ๋อร์ตลอดเวลา
นางกลัวพี่สาวนอกสายเลือดไร้สกุลคนนี้มาแย่งชิงทรัพย์สินเงินทองในบ้าน
หรงเอ๋อร์มองมารดากับน้องสาวพากันออกจากบ้านด้วยท่าทางสมัครสมานรักใคร่ปรองดองไปจนลับตา
งานเลี้ยงในหมู่บ้านนิยมดื่มกินตอนพลบค่ำ ลากยาวไปจนดึก หรงเอ๋อร์จึงจำต้องเข้าครัวทำกับข้าวง่ายๆ ที่ทำได้กินคนเดียวเงียบๆ แม้ไม่อร่อยแต่ท้องก็อิ่มพอให้มีแรงสู้ต่อ
คืนนั้น ใครจะคาด ขณะที่ลิ่งซือกับหรูอี้ยังไม่กลับ หรงเอ๋อร์ซึ่งเหน็ดเหนื่อยจากงานกำลังนอนหลับบนเตียง เหวินอี้ที่ไปทำการค้าต่างเมืองนานร่วมเดือนจะกลับมาพอดี
เขารู้ระหว่างทางกลับเข้าบ้านว่าสกุลตู้มีงานเลี้ยง ภรรยาและบุตรสาวไปร่วมงานรื่นเริงนั้น ยามนี้ยังไม่กลับ หรงเอ๋อร์อยู่บ้านคนเดียว จับจังหวะดีมาก หาได้ยากยิ่ง
ลูกติดภรรยาผู้นั้นเป็นบุปผาที่เริ่มเบ่งบานเต็มทีแล้ว ยิ่งเติบโตเต็มวัยยิ่งมีใบหน้าที่พิลาสล้ำ งดงามพรั่งพร้อม
เสียงประตูดังแอ๊ดเมื่อถูกเปิดออกอย่างไม่แรงไม่เบา อาจเพราะรีบกลับและรีบเข้ามาจึงลืมผ่อนกำลังที่ฝ่ามือ เมื่อเข้าห้องของลูกเลี้ยงมาได้ เหวินอี้รีบปิดประตูดังปึก ลั่นดาลลงกลอนอย่างแน่นหนา
รอยยิ้มชั่วร้ายผุดวาบบนใบหน้าคล้ำแดด
ในห้องที่เข้า เรือนร่างอรชรที่มีส่วนโค้งเว้างามงอนของหรงเอ๋อร์กำลังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงอย่างเดียวดาย
อาจเพราะงานหนักที่ต้องออกแรงทั้งวัน ทั้งเก็บผักหาของป่าและนำไปเร่ขายตลอดทั้งวันใช้พลังมากเกินไป นางจึงไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังมีสิ่งใดเข้ามา
เภทภัยที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตสตรีกำลังกล้ำกลาย
ผ้าห่มถูกเปิดออกจากกายบาง ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นสูง ฝ่ามือร้อนผ่าวล้วงเข้ามา ลูบไล้จากปลายเท้าเล็กน่ารัก ไต่ระดับความลึกล้ำขึ้นมาถึงโคนขาอ่อนที่เนียนลื่นนั้น
หรงเอ๋อร์เริ่มรู้สึกไม่สบายตัว ครั้นได้สติตื่นขึ้นมาพลันพบว่าเหวินอี้กำลังขึ้นคร่อมทาบทับบนกายนาง
“หรงเอ๋อร์คนงาม เป็นของข้าเถิดนะ”
เสียงกระเส่าแหบพร่าอันน่ารังเกียจนั้นทำหลิ่งหลินตื่นเต็มตาในเสี้ยวเวลา ตรงกับจังหวะเดียวกับที่สายรัดเอวถูกมือใหญ่คลำมาเจอและกำลังจะกระตุกเพื่อกระชากออก
หรงเอ๋อร์เบิกตากว้าง เข้าใจเรื่องราวบัดสีได้ทันใด แน่นอนว่านางไม่มีทางยอม เจ้าชั่ว!