ตอนที่7
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
รินรดากำลังจะไปเรียนในขณะที่อีกคนเพิ่งกลับถึงบ้านหลังจากที่หายไปหลายวัน เพราะตอนนี้เธอลงบันไดมาเกือบครึ่งทางได้จึงเลี่ยงเขาไม่ทันเสียแล้วล่ะ
“คุณโอม...” รินรดาเรียกเขาเสียงเบาหวิวเช้า ๆ แบบนี้กลัวมารดาเธอจะออกมาเห็นเหลือเกิน
“แค่จับแขนก็สะดุ้งแล้ว?”
“อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” หญิงสาวพยายามดึงแขนตัวเองกลับแต่จู่ ๆ เขาก็ปล่อยมือจากแขนของเธอทำให้คนที่ตั้งตัวไม่ทันเสียหลักจนเกือบตกบันได
เธอมองเขาสายตาแข็งกร้าวแต่เขากลับมองเธอด้วยสายตาเย้ยหยัน
“มองหน้าฉันมีปัญหา?”
“...” รินรดาเลือกไม่ให้ค่ากับคนอย่างเขา เธอเลิกสนใจคนชอบหาเรื่องและหันกลับจะเดินลงไปชั้นล่างต่อ
“ท้าทายฉันหรอรินรดา”
“รินรดา!” องศาคำรามลั่นจนบรรดาสาวใช้บริเวณนั้นผวา ยิ่งเธอไม่สนใจเขายิ่งโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
“อ๊ะ! ปล่อยรินนะคะ”
“อย่าแตะต้องยัยรินนะ!” มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้ม เขาปั่นหัวคนลูกไม่ได้แต่ปั่นหัวคนแม่ได้แน่นอน มือที่จับแขนของหญิงสาวยิ่งออกแรงบีบแน่นหวังให้รินรดาแสดงความเจ็บปวดออกมา
“รินไม่เป็นไรค่ะแม่”
“คุณโอม ปล่อยลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้”
“โอ๊ย!” เสียงร้องเพียงนิดของลูกสาวทำให้เอมอรที่จ้องหาเรื่องเป็นทุนเดิมสติหลุด เธอปรี่เข้ามากระชากแขนเขาให้ปล่อยมือจากลูกสาวของเธอแต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด ทั้งสามยื้อยุดกันอย่างนั้นอยู่หลายนาทีก่อนที่ในเหตุการณ์นี้จะมีสองคนร่วงตกลงจากบันไดจนถึงพื้นชั้นล่างสุด
“ยัยริน!”
องศากับรินรดากองทับกันอยู่ที่พื้นเบื้องล่าง เขากับเธอเผลอกอดกันตอนกลิ้งลงมาด้วยกันก่อนจะถูกจับแยกด้วยฝีมือของเอมอร
เขาลุกขึ้นนั่งถึงได้เห็นว่าหน้าผากของรินรดามีเลือดไหลอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เขาเองก็เช่นกัน ปากเขากระแทกกับอะไรสักอย่างจนได้เลือด
“อย่าคิดใช้ยัยรินมาทำร้ายฉันเด็ดขาด”
“เป็นใครมาสั่ง?”
“เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของพ่อแกไงไอ้เด็กเหลือขอ!”
“แม่คะ!”
“หึ นี่หรอคุณหญิงผู้ดีเก่า”
“คนอย่างแกไม่จำเป็นต้องใช้ความเป็นผู้ดีด้วยหรอก แล้วก็จำด้วยนะว่าที่แกเจ็บแบบนี้เพราะแกทำตัวเอง” คนถูกด่าทอดุนลิ้นดันกระพุ้งแก้มมองสองแม่ลูกสลับกันไปมา ผู้หญิงคนนี้สนแค่ชัยชนะ เธอต้องการทำร้ายเขา แม้ว่ารินรดาต้องเจ็บไปด้วยก็ตาม
“แม่...”
“แผลแค่นี้ปิดด้วยพลาสเตอร์ก็พอแล้ว” หญิงสาวมองแผ่นหลังมารดาแววตาเศร้า รู้อยู่แล้วว่าเธอจะไม่ได้รับความห่วงใยเหมือนลูกคนอื่น ๆ
รินรดาฝืนความระบมของร่างกายลุกขึ้นยืนเก็บกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่คิดว่าจะเดินออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“คุณ..คุณรินไม่ทำแผลก่อนเหรอคะ” รินรดาแค่นยิ้มก่อนจะส่ายหน้าตอบจนเส้นผมพริ้วไหวตาม
“แผลแค่นี้เองค่ะ” เธอใช้ทิชชูที่มีติดกระเป๋าสะพายกดซับมันไว้และเดินออกไปโดยที่ไม่ได้เรียกใช้คนขับรถของที่นี่
“แล้วคุณโอม...”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร”
คนเจ็บอีกคนเปลี่ยนเป้าหมายจากเดิมที่จะกลับมานอนกลายเป็นขับรถคู่ใจออกมาอีกทั้งที่เพิ่งกลับเข้ามา
“ขึ้นรถ!”
“หูแตกหรือไงวะบอกให้ขึ้นรถ!”
เอี๊ยด! คราวนี้องศาจอดรถทิ้งไว้และลงมากระชากแขนเธอ
“ไปขึ้นรถ”
“วันนี้รินเหนื่อย... คุณโอมค่อยหาเรื่องรินวันหลังได้มั้ยคะ” คนได้ฟังถึงกับไปไม่เป็นทั้งที่ความจริงแล้วเขาควรจะยิ้มที่ได้ยินคำนั้นสิ
“จะเอาแผลนี่ไปเรียกความน่าสงสารจากไอ้ต่อใช่มั้ย”
“พี่ต่อเขามีแฟนแล้วคุณโอมอย่าพูดแบบนี้อีกนะคะ”
“ก็พูดไปอย่างที่เห็นมา มันกับเมียมันทะเลาะกันเพราะเธอกี่ครั้งแล้ว เธอกับแม่ของเธอมันก็ไม่ต่างกันมากหรอก”
“รินเป็นแบบนั้นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณโอมด้วยคะ”
“ก็ไม่เกี่ยวหรอก แต่เห็นแล้วมันหมั่นไส้ว่ะ ระวังนานาจะลากไปตบแล้วอับอายมาถึงพ่อฉันเถอะ” คำพูดของเขาเสียดแทงหัวใจแต่การกระทำกลับทำให้ใจของเธอสั่นหวิว เขาใช้ผ้าอะไรสักอย่างกดเบาๆ ที่หน้าผากของเธอไว้ ระยะห่างเพียงคืบทำให้เธอเห็นว่าเขาเองก็ได้เลือดเหมือนกัน
“จะไปเรียนทั้งที่หัวแตกอย่างนี้เหรอ”
“เลือดออกเยอะหรอคะ รินคิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ดูเสื้อตัวเองหรือยังว่ามันควรจะใส่ไปเรียนอยู่หรือเปล่า” รินรดาก้มมองเสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดตาแต่ตอนนี้มันกลับแต่งแต้มไปด้วยหยดเลือดดูสกปรกสิ้นดี
“ไปกับฉัน”
“ไม่ค่ะ”
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า สภาพยับเยินขนาดนี้” ดวงตาของรินรดามองมาที่เขาราวกับบอกทางสายตาว่าเขานั่นแหละที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ ก่อนที่จู่ ๆ เธอจะวิ่งหนีเขากลับทางเดิมที่เธอเพิ่งเดินออกมา
หญิงสาวทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มหลังจากที่โทรบอกเพื่อนแล้วว่าเธอไปเรียนไม่ทัน แผลแค่นี้มันเล็กน้อยสำหรับเธอแต่หากมีพ่ออยู่ใกล้ ๆ เขาคงจะเป่าให้เธอหายเจ็บอย่างที่เคยทำแน่นอน
“คิดถึงพ่อจังเลยค่ะ” เปลือกตาคู่สวยปิดลงด้วยความเหนื่อยล้า แม้ว่าตอนนี้ชีวิตจะสุขสบายกับสิ่งที่แม่ทะเยอทะยานเอามันมาแต่ก็ยังโหยหาความอบอุ่นของพ่ออยู่ดี
“ห้ามให้คุณจรัญรู้เรื่องพ่อแกเด็ดขาดนะยัยริน”
“แม่โกหกเขาหรอคะ”
“ไม่ใช่เรื่องที่แกต้องรู้ แกมีหน้าที่ทำตามที่แม่สั่ง”
.....
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
รินรดาสวมชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ที่หน้าผากปิดเพียงพลาสเตอร์ตามที่มารดาบอก เธอสะพายกระเป๋าผ้าคู่ใจเดินออกจากบ้านเกียรติพิพัฒน์โดยไม่เรียกใช้คนขับรถตามที่มารดาเคยสั่งไว้
“ระหว่างที่รอรถคันใหม่ก็เรียกใช้คนขับรถไปก่อน ฉันตะเกียกตะกายให้แกอยู่อย่างสบายก็อย่าใฝ่ต่ำให้มันมาก”
บ้านเช่าซอมซ่อขนาดเล็กจนมองแทบไม่ออกว่าเป็นบ้านที่มีคนอาศัยอยู่ ทางเดินก็คับแคบเสียจนเดินสวนกันได้ลำบาก หมู่บ้านนี้แวดล้อมไปด้วยน้ำเน่าและขยะที่ลอยมาตามน้ำ ผิดกับหน้าตาผิวพรรณราวกับผู้ดีอย่างรินรดายิ่งนัก
“คุณ... มาหาใครครับ” ดวงตาของรินรดาเอ่อคลอหยาดน้ำตา ก่อนจะรีบถอดสิ่งที่ปกปิดใบหน้าของเธอออกที่คนที่สวมเสื้อผ้ามอมแมมจะเห็นชัดว่าเธอคือรินรดา
“พ่อจ๋า...”
“รินจริง ๆ เหรอลูก หนะ..หนูมาที่นี่ทำไม” ชายวัยกลางคนกระเถิบถอยหลังไม่ยอมให้ลูกสาวเข้าใกล้ เนื้อตัวเขามีแต่กลิ่นสาปไม่อยากให้มันแปดเปื้อนเธอ
“รินคิดถึงพ่อ... ให้รินกอดหน่อยได้มั้ยคะ”