“คุณหนู...”
มี่เจี๋ยเรียกได้เพียงแค่นั้น ก็ถูกมือดีฟาดคอจนหล่นไปกองกับพื้น และคำเรียกขานสั้นๆ นั่นได้เปิดโปงความลับของนางเข้าให้ อีตาองค์ชายหกขยับไม่กี่วินาทีก็ปัดปิ่นปักผมจนหล่นแตกหักอยู่กับพื้น ปล่อยให้เส้นผมดำขลับราวกับแพรไหมทิ้งตัวหล่นลงมาคลุมจนถึงบั้นท้ายกลมกลึง พอเงยหน้าขึ้นก็เผยให้เห็นเครื่องหน้างดงามราวกับเทพธิดานางหนึ่ง
แต่น่าเสียดายที่เทพธิดานางนี้กำลังกัดฟันกรอดๆ ถลึงตาใส่องค์ชายหกอย่างดื้อรั้นและไม่ยินยอม
“องค์ชายหก ท่านช่างไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเลยสักนิด”
จู่ๆ ฐานะที่ปิดบังอำพรางมาหลายปีถูกสตรีรูปร่างเล็กบอบบางราวกับกิ่งหลิวเปิดโปงเช่นนี้ ไม่เพียงแต่องครักษ์ที่มีท่าทีตื่นตกใจ แม้แต่เฟยหลิงก็ยังต้องหรี่ตาลงน้อยๆ ใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวในการพิจารณาอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นับตั้งแต่เขาใช้ฐานะของคุณชาย หลิงเซินเข้ามาควบคุมดูแลร้านสมุนไพรเยว่ซิน ก็ไม่เคยมีใครรู้ความลับนี้มาก่อน ทว่าสตรีนางหนึ่งบุกเข้ามาในห้องขายความลับ และเปิดโปงความลับของเขาออกมาเช่นนี้ ช่างน่าฆ่าให้ตายนัก!
สององครักษ์สบตากันเพียงเล็กน้อย กระบี่คมกริบก็ค่อยๆ กรีดเนื้อบริเวณลำคอของหญิงงาม โดยไม่คิดไถ่ถามว่าอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร และไม่สนใจด้วยว่านางจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน พวกเขารู้แค่เพียงว่า คนที่รู้ความลับนี้ต้องตาย เพราะคนที่เก็บความลับได้ก็มีแค่คนตายเท่านั้น
แต่พวกเขายังไม่ได้ตวัดกระบี่ให้ลึกกว่านั้น เสียงดีดลูกแก้วก็ทำให้กระบี่หลุดจากมือ จึงได้แต่เงยหน้าสบตากับผู้เป็นนาย เพียงสบกับนัยน์ตาดำขลับดุจบ่อน้ำลึกคู่นั้น โดยไม่ต้องรอให้ผู้เป็นนายเอ่ยปาก ซือจงกับซือจิ้นก็พลิ้วกายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งให้ในห้องเหลือเพียง องค์ชายหก คนสนิทอย่างซือโฉว แล้วก็เจ้าของใบหน้าเชิดรั้นถือดีของสตรีนางหนึ่งที่นั่งกุมคอห้ามเลือดอยู่บนเก้าอี้เท่านั้น แม้ตัวเองจะบาดเจ็บแต่นางกลับไม่ส่งเสียงโอดครวญออกมาให้ได้ยินแม้เพียงครึ่งคำ
“คุณหนูรองแห่งจวนเสนาบดีลู่ช่างแตกต่างจากคำร่ำลือนัก”
ถ้อยคำของซือโฉว ทำให้เฟยหลิงต้องหันไปมอง มุมปากพลันยกยิ้มน้อยๆ เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หญิงสาวในห้องหับที่ต้องอยู่แต่ในเรือนจู่ๆ ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ แถมยังรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขาอีกด้วย ท่านเสนาบดีใหญ่เลี้ยงลูกสาวคนรองได้อย่างคาดไม่ถึงจริงๆ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายรนมาหาที่ตาย เขาก็คงทำได้เพียงสนองให้อย่างถึงใจเท่านั้น
ยังไม่ทันที่ลู่เพ่ยจะเอ่ยปากอะไร เพราะเอาแต่กุมคอที่มีบาดแผลของตัวเอง นางก็ต้องสะดุ้งน้อยๆ กับถ้อยคำสั่งการที่เหี้ยมโหด
“ฆ่านางซะ!”
ก่อนที่มีดสั้นจากมือของซือโฉวจะปักตัดขั้วหัวใจ จู่ๆ มุมปากอิ่มหวานของลู่เพ่ยก็ยกยิ้มน้อยๆ เสียงหัวเราะก้องกังวานราวกับระฆังใสบนแดนสวรรค์ดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง ทำให้องค์ชายหกกับคนสนิทต้องสบตากันอย่างไม่เข้าใจนัก สตรีในห้องหับผู้นี้กลัวตายจนบ้าไปแล้วใช่หรือไม่ จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา ถ้าเป็นคนอื่นคงทรุดลงไปกองกับพื้น ตัวสั่น อ้อนวอนขอชีวิตแล้ว แต่นางกลับ...
ลู่เพ่ยหยิบผ้าเช็ดหน้ามามัดคอเพื่อห้ามเลือด หลังจากนั้นก็เอนหลังพิงเก้าอี้ รินน้ำชาดื่มด้วยท่วงท่าสบายยิ่ง ถึงแม้ภายในใจจะเต้นระทึกเพราะความตายอยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังสามารถดึงรอยยิ้มจืดเจื่อนประดับมุมปาก ตอนนี้นางตายไม่ได้ ตายไปแล้วไอ้เรื่องทะลุมิติมาแสดงบทบาทเองของนางก็จบกันสิ แบบนี้จะทะลุมาให้มันได้ประโยชน์อะไรเล่า
“ถ้าข้าตายไป สามวันหลังจากนี้ แผนที่ลับของร้านเยว่ซินจะถูกเผยแพร่ไปทั่วทั้งแคว้น ฐานะของคุณชายหลิงเซินที่องค์ชายหกสวมอยู่ก็เกรงว่าจะไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว”
“เจ้า!” เป็นครั้งแรกที่ซือโฉวอยากฆ่าหญิงงามแล้วสับเป็นหมื่นชิ้น
“ถ้าเจ้าอยากฆ่าข้า ก็เชิญเลย” นางพริ้มตาหลับลงอย่างว่าง่าย แต่พอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตากลมโตคู่นั้นกลับวาววับราวกับพบเจอเรื่องสนุก “แต่ถ้าข้าไม่กลับเรือนละก็ ทุกๆ ความลับขององค์ชายหก คงถูกส่งถึงมือองค์รัชทายาทเป็นแน่ น่าเสียดายๆ อุตส่าห์วางแผนมาเป็นสิบปี ทุกอย่างกลับต้องล้มเหลวในชั่วข้ามคืน”
เวลานี้ลู่เพ่ยพยายามทำใจแข็งให้อีกฝ่ายเชื่อคำขู่ของตน เรื่องเปิดเผยความลับมีที่ไหนกันเล่า นางยังไม่ได้วางแผนทำอะไรอย่างนั้นสักหน่อย ก็แค่จวนตัวใกล้ตายจึงได้เอ่ยออกมา หวังว่าอีตานี่จะเชื่อนางนะ
ท่าทีสบายอกสบายใจของอีกฝ่ายทำให้เฟยหลิงต้องทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง ยกชาขึ้นจิบ แล้วโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ ปล่อยให้ลมหายใจอุ่นร้อนที่มีกลิ่นชาหอมสดชื่นของตนพาดผ่านแก้มบางใสของนาง เขาก็อยากจะรู้นักว่าหญิงสาวตัวเท่ากิ่งหลิวต้องลมอย่างนางจะเฉลียวฉลาดสักปานใด หรือจะเป็นได้แค่สตรีที่อวดเก่งไปอย่างนั้น
“ในเมื่อเจ้าอุตส่าห์หนีออกจากเรือนมาถึงที่นี่ ลองบอกมาหน่อยซิ ว่าเจ้าต้องการอะไร”
“แสดงว่าองค์ชายหก ไม่คิดฆ่าคนปกปิดความลับ”
เฟยหลิงถอนหายใจออกมายืดยาว คล้ายเป็นกังวลหนักหนา “ถ้าหากข้าจะลงมือกับเจ้ามันก็ช่างง่ายดายนัก แต่ถ้าเจ้าตายไปคงน่าเสียดายไม่น้อย เพราะรูปร่างหน้าตาแบบนี้ เหมาะกับการส่งไปซ่องทหารตามชายแดนมากกว่า ถ้าพวกนั้นได้ลิ้นรสเนื้อบุตรีคนหนึ่งของเสนาบดีลู่ เรี่ยวแรงในการรบทัพจับศึกก็คงจะมีเพิ่มมากมายนัก”