“มีคุณชายน้อยผู้หนึ่ง บุกรุกเย่วซินสาขาใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
“คุณชายน้อย...”
ผู้พูดค่อยๆ ละสายตาจากกระดาษแผ่นใหญ่ ตรงหน้านั้นปรากฏภาพภูเขาสูงชันสลับซับซ้อนแต่กลับมีดอกไห่ถังงอกเงยออกมาอย่างโดดเด่น เพียงวางพู่กันลงเจ้าของร่างสูงสง่าก็ยกผลงานภาพวาดของตนขึ้นมาชื่นชมคล้ายพอใจคล้ายไม่พอใจ แต่ยิ่งมองนานเท่าไร แววตานิ่งสงบดุจผิวน้ำไร้ระลอกคลื่นกลับถูกพัดรุนแรง สุดท้ายภาพวาดนั้นก็ถูกขยำจนกลายเป็นก้อนกลม ทิ้งลงไปบนพื้นได้ใบหน้าคมคายไร้จุดด่างดำจึงเผยโฉมให้เห็นเต็มตา เรียกได้ว่าหล่อเหลางดงามแถมยังมีเสน่ห์ดึงดูดชนิดร้ายกาจอย่างที่ไม่มีวันพานพบจากบุรุษอื่น
องค์ชายหก หรือ เฟยหลิง สายเลือดของฮ่องเต้เฟยหมิงกับนางกำนัลชั้นต่ำที่ใครๆ ต่างก็ร่ำลือกันนักหนาว่าไม่เป็นที่โปรดปรานนัก ทว่าทุกอย่างกลับหล่อหลอมให้องค์ชายผู้นี้เป็นบุรุษรูปงาม ฉลาดปราดเปรื่อง เชี่ยวชาญการศึก พิณ หมาก วาดภาพ ล้วนเป็นหนึ่งไม่มีสอง แต่น่าเสียดายด้วยชาติกำเนิดต่ำต้อย แถมยังเป็นที่ขัดตาขัดใจขององค์ฮองเฮาและองค์รัชทายาทยิ่ง ทำให้สุดท้ายแล้วเมื่อสามปีก่อน มีข่าวแพร่สะพัดออกมาว่า องค์ชายหกป่วยหนัก ขยับลุกจากเตียงไม่ได้ ทำได้เพียงประคับประคองให้ชีวิตรอดพ้นจากความตาย และเมื่อมีข่าวเช่นนี้ออกมา แถมยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง จึงทำให้องค์ชายหกรอดพ้นจากการถูกลอบสังหาร
แต่ใครจะรู้ว่าความจริงแล้ว องค์ชายหกผู้ใกล้ตายคนนี้ กลับยังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายเล่า ก็แค่ไม่โผล่เข้าไปวุ่นวายในราชสำนัก แล้วก็ไม่ไปขัดแข้งขัดขาองค์รัชทายาทอย่างออกนอกหน้าเท่านั้น เบื้องลึกเบื้องหลังขององค์ชายผู้นี้ คนที่รู้ดีที่สุดก็คือคนทะลุมิติเข้ามา แต่ก็นั่นแหละ องค์ชายหกก็ไม่รู้สักหน่อยว่าบัดนี้ชีวิตและความลับของตนกำลังหกคะเมนตีลังกาเข้าให้แล้ว
ท่วงท่าดูสบายนั้นไม่ได้อนาทรร้อนใจเลยสักนิด เฟยหลิงสั่งด้วยใบหน้าไร้รอยยิ้ม
“ฆ่า!”
“น้อมรับคำสั่ง”
แต่พอองครักษ์กำลังจะหมุนตัวจากไป ชายหนุ่มกลับยกมือห้ามไว้ “ไม่สิ ข้าจะไปดูสักหน่อยว่าคุณชายน้อยคนไหนช่างกล้าหาญชาญชัยนัก”
สิ้นคำสั่งองครักษ์เงาอย่างซือจงกับซือจิ้นก็พลิ้วกายลงมาจากขื่อคาน ทั้งคู่คุกเข่าทำความเคารพอย่างหวั่นเกรง พริบตาเดียวซือจงก็พูดขึ้น
“ให้บ่าวไปดูก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายได้โปรดอย่าเพิ่งเสด็จด้วยพระองค์เองเลย บุคคลผู้นี้อยู่ๆ ก็มาปรากฏตัวในห้องขายความลับ โดยที่ไม่ได้ติดต่อกับคนของเราล่วงหน้า แถมยังเข้าไปในห้องนั้นได้อย่างง่ายดาย เกรงว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายผิวเผินอย่างที่เราเห็น บางทีอาจมีคนอยู่เบื้องหลังก็เป็นได้ ถ้าหากฐานะขององค์ชายถูกเปิดเผย จะมีผลต่อแผนการของเรา”
เฟยหลิงลูบปลายคางที่ไร้หนวดเคราเบาๆ “ซือจง เจ้าอย่ากังวลนักเลย บัดนี้ใครๆ ก็รู้ว่าข้าป่วยใกล้ตาย อีกอย่างข้าไม่ได้คิดปรากฏตัวในฐานะองค์ชายสักหน่อย ชื่อเสียงของคุณชายเจ้าสำราญหลิงเซินก็มีให้ใช้ไม่ใช่หรือ”
“แต่...”
เมื่อองครักษ์เงาทำท่าจะคัดค้าน ดวงตาของเฟยหลิงพลันเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ขึ้น “หรือเจ้าคิดขัดคำสั่ง”
“บ่าวไม่กล้า”
ครานี้เฟยหลิงเพียงโบกมือครั้งเดียว องครักษ์เงาทั้งสองก็พลิ้วกายหายไป และใครคนหนึ่งก็เดินออกมาจากมุมห้องหลังชั้นหนังสือ “องค์ชายของบ่าวช่างพิโรธได้น่ารักนัก” ซือโฉวยิ้มน้อยๆ ให้กับผู้เป็นนาย เขาไม่เหมือนกับองครักษ์เงาเหล่านั้น เขาไม่กลัวแววตาที่ปาดเนื้อเฉือนหนังของผู้เป็นนาย เพราะความสนิทสนมของเขากับองค์ชายหกมีมากกว่าพวกนั้นหลายเท่าตัวนัก “ในเมื่อองค์ชายจะเสด็จด้วยตนเอง ครั้งนี้จะขาดกระหม่อมได้อย่างไร”
เฟยหลิงไม่พูดอะไร ทำเพียงสะบัดชายเสื้อแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้หนังสือ ปัดมือเพียงครั้งก็ทำให้ประตูบานใหญ่เปิดออกได้อย่างง่ายดาย ทางลับนี้ตาแก่เซินโฮ่วสร้างไว้ตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มๆ ตอนนี้ถูกใช้งานมานับสิบปีแล้ว มันเป็นเส้นทางที่ทำให้เขาสามารถโผล่ไปยังห้องขายความลับในร้านเยว่ซินทุกสาขาได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้จะมีเส้นทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวมากสักหน่อย แต่เพราะวิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็กเขาจึงรู้ดีว่า เส้นทางไหนที่จะทำให้โผล่ไปยังร้านเยว่ซินสาขาใหญ่
หนึ่งก้านธูปไม่ขาดไม่เกิน ลู่เพ่ยในชุดบุรุษก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว พื้นกระดานตรงหน้าค่อยๆ ขยับเปิดออก ให้เห็นแสงสว่างเพียงวอมแวม นางจ้องประตูลับบนพื้นด้วยสายตานิ่งสงบ นางรู้อยู่แล้วว่าใครจะมาแล้วจะตื่นกลัวไปทำไม ถ้าจะให้แจกแจงเส้นทางลับในแคว้นแห่งนี้ นางรู้ลึกรู้ดียิ่งกว่าใครทั้งหมดเสียอีก แต่ตอนนี้จู่ๆ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของนางก็เต้นแรงขึ้น จนชักจะห้ามความอยากรู้ของตัวเองเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว องค์ชายหกในหนังสือกับองค์ชายหกที่นางจะได้เห็นตัวเป็นๆ นี้ จะเหมือนหรือแตกต่างกัน ยิ่งคิดหัวใจก็พลันบีบรัดแน่น เพียงเงาร่างสูงสง่ามาทาบทออยู่ตรงหน้าให้เห็นชัด ดวงตาของนางก็พลันเบิกกว้างอย่างยากจะห้ามปราม ทว่าครู่เดียวก็ต้องตัวแข็งทื่อ เพราะอีตานี่แค่ปรากฏตัวกระบี่วาววับสีเงินก็พาดอยู่บนคอสวยๆ ของนางเสียแล้ว