บทที่ ๗ ของหมั้น(๒)

987 คำ
“ของล้ำค่าขนาดนี้ องค์ชายมอบให้หม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ” “มันคือตัวแทนคำสัญญาระหว่างเรา” ลู่เพ่ยมองปิ่นมุกตรงหน้าอย่างลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยอมรับไว้ “ในเมื่อองค์ชายมอบให้ หม่อมฉันก็จะเก็บไว้” “จำไว้ ถ้าเจ้าถูกพิษหรือมีอันตรายถึงชีวิต กินมุกเลือดเม็ดนั้น แล้วเจ้าจะหายเป็นปกติ” นางไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ทำไมจะไม่รู้ว่ามุกเม็ดมันวาวเลอค่าที่อยู่บนปิ่นนี้มีประโยชน์อะไรบ้าง แต่ก็นั่นแหละเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นต้องบอกเขา ทำเพียงแบมือไปตรงหน้า เอียงคอมองแล้วกะพริบตาปริบๆ “ความจริงองค์ชายไม่ได้คิดจะมอบองครักษ์แล้วก็ปิ่นมุกเท่านั้น องค์ชายยังเหลืออีกสิ่งหนึ่งที่ต้องมอบให้หม่อมฉันไม่ใช่หรือเพคะ” “ดูเหมือนเจ้าจะรู้หลายเรื่อง ข้าอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นคนอื่นที่เจ้าไปขอร้องให้ช่วยเหลือ ข้าคงมีศัตรูที่ร้ายกาจยากจะรับมือ” ถึงจะโอดครวญออกมาเช่นนั้น แต่เฟยหลิงก็ยังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับส่งขวดหยกสีชมพูให้ “นี่เป็นยาพิษขนานหนึ่งที่ข้าขอมาจากท่านตา เจ้ากินแล้วสามวันเจ็ดวันต่อจากนี้ เจ้าจะขี้เหร่ขึ้น แต่อย่าห่วงเลย ตอนนี้เจ้าก็ขี้เหร่อยู่แล้ว เพิ่มอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร” “คำชมขององค์ชาย หม่อมฉันไม่กล้ารับจริงๆ เพคะ” “เพ่ยเอ๋อ เมื่อเจ้าไม่ได้เป็นสาวงามแล้ว ชาตินี้คงไม่มีใครอยากแต่งให้เจ้าอีก” “ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่เพคะ หม่อมฉันขอแค่มีทรัพย์สมบัติมากหน่อย มีคนคุ้มครองอีกสักหลายคน ต่อให้ไม่ได้แต่งงานไปชั่วชีวิตหม่อมฉันก็หาได้เสียใจไม่” “มีแต่คนอยากเป็นสนมชายา เห็นทีคงมีแต่เจ้านี่แหละที่อยากอยู่คนเดียว” “ตำหนักในของฝ่าบาทมีสาวงามหลายพันหลายหมื่นคน เว้นหม่อมฉันสักคนเถิดเพคะ” “แล้วตำหนักในของข้าเล่า” ลู่เพ่ยอดสบสายตาคนพูดไม่ได้จริงๆ แม้ใจนางจะแกว่งไกวอย่างน่าประหลาดแต่สุดท้ายก็หลุบตาลง เผยให้อีกฝ่ายเห็นเพียงแพขนตาโค้งงอนไร้การตกแต่งใดๆ “องค์ชายเป็นเชื้อพระวงศ์ ในตำหนักขององค์ชายหาได้แตกต่างจากฝ่าบาท หม่อมฉันไม่...” “เอาเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าคงต้องกลับก่อน” เฟยหลิงเลือกตัดบท เขายังไม่ปรารถนาจะได้ยินคำปฏิเสธใดๆ จากสตรีตรงหน้า สิ่งที่เขาต้องการคงเป็นเวลา เขาอยากให้เวลานางได้คิดมากหน่อย และตัวเขาเองก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนเช่นกัน ตอนนี้จึงขยับตัวลุกขึ้นแล้วกดตัวนางลงบนเตียง ดึงรั้งผ้าห่มมาคลุมให้ “ดึกแล้ว เจ้าพักผ่อนเถอะ” “เพคะ” เห็นความว่าง่ายของนางแล้ว เฟยหลิงก็เดินออกไปหยุดอยู่ริมหน้าต่างพลางเอ่ยลอยๆ “ยาพิษนั่น ถ้าเจ้ากินแล้วเจ้าต้องอดทนกับความน่ารำคาญของมันสักหน่อย แต่รับรองว่านอกจากตาเฒ่าสารพัดพิษและข้าแล้ว บนโลกใบนี้จะไม่มีใครรักษาเจ้าได้” “ทราบแล้วเพคะ” เขาเงียบไปเผยให้เห็นเพียงแผ่นหลังที่ดูทรงพลังแล้วก็คล้ายมีความอ้างว้างปะปนบางส่วน “รอข้า...” แม้น้ำเสียงจะแผ่วเบานัก แต่ลู่เพ่ยกลับได้ยินอย่างชัดเจน นางมองตามเงาของเขา กะพริบตาเพียงครั้งทุกอย่างพลันว่างเปล่า เพียงขยับตัวก็มีดอกบัวสีชมพูสดนับร้อยดอกถูกจัดเป็นพุ่มมาวางตรงหน้า พอจะมองคนที่นำมาให้ก็เห็นเพียงเงาดำจางๆ วูบหายไป ครั้งนี้ไม่มีแจกัน แต่ปริมาณดอกบัวกลับเพิ่มขึ้น และที่สำคัญความรู้สึกของนางที่มอบให้เขาก็พลันเพิ่มขึ้นเช่นกัน เมื่อภายในเรือนกลับมาสงบ ไร้เงาว่างเปล่าของเขา คล้ายเขาเคยมาและก็ไม่เคยมา นางก็ทำเพียงหอบดอกบัวมาวางไว้บนโต๊ะ จ้องมองความงดงามของดอกบัวที่ค่อยๆ แย้มกลีบสีชมพูให้เห็นนานขึ้น รินน้ำชาให้ตัวเองแล้วก็จ้องมองขวดหยกในมือนิ่งนาน สุดท้ายก็ตัดสินใจเทยาทั้งขวดลงคอแล้วดื่มน้ำชาตาม กว่าคนรับใช้ใกล้ชิดจะตื่นขึ้นมาก็เห็นเพียงคุณหนูรองนั่งเขี่ยขอบถ้วยชาเท่านั้น “คุณหนูเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” ทั้งมี่ฮวน มี่เจี๋ย หรือแม้แต่ป้าเฉิงก็ล้วนจ้องมองมาที่นางทั้งสิ้น ลู่เพ่ยยิ้มน้อยๆ แล้วเทน้ำชาลงคอจนหมดถ้วย “คืนนี้ในเรือนใจสงบไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น” ทั้งสามคนลอบสบตากันแล้วเป็นป้าเฉิงที่พูดขึ้น “ดอกบัวที่ซื้อมาจากตลาดในยามเช้านี้งดงามนัก พวกเจ้ายกไปประดับแจกัน เดี๋ยวข้าจะปรนนิบัติคุณหนูเข้านอน” “บ่าวทราบแล้ว” ทั้งมี่ฮวน กับมี่เจี๋ยรับคำพร้อมกัน พอประคองคุณหนูขึ้นมานอนบนเตียงได้ ป้าเฉิงก็เหน็บชายผ้าห่มเอ่ยด้วยแววตาทอประกายรักยิ่ง “บ่าวเชื่อใจคุณหนู ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บ่าวจะอยู่เคียงข้างคุณหนูเจ้าค่ะ” “รออีกหน่อยเถอะ แล้วข้าจะเล่าให้ป้าเฉิง มี่ฮวน กับมี่เจี๋ยฟังเอง” รอยยิ้มของป้าเฉิงมีมากขึ้นเป็นเท่าตัว นางลูบผ้าห่มเบาๆ “คุณหนูพักเถิดเจ้าค่ะ” ลู่เพ่ยไม่ยอมพูดอะไร ทำเพียงข่มตาหลับอย่างว่าง่าย เห็นคุณหนูยอมนอนพักผ่อน ป้าเฉิงก็หมุนกายออกไป เพียงแสงเทียนในห้องดับลง เงาดำสายหนึ่งก็หายออกไปจากจวน ปรากฏตัวอีกครั้งก็กำลังคุกเข่าถวายรายงานให้ผู้เป็นนายได้ทราบ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม