เสียงหัวเราะดังขึ้นในมื้อค่ำ ลลิสาเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี แต่ที่ทำให้เจ้าของบ้านนึกแปลกใจ ก็ตรงที่ลลิสาไม่ยอมค้างที่บ้านของธาวิศนั่นเอง
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณป้า ลิลเป็นดารานะคะมาค้างอ้างแรมที่บ้านผู้ชายไม่ได้ค่ะ ขืนทำแบบนั้นพรุ่งนี้คงได้ลงข่าวหน้าหนึ่งแน่เลยค่ะ” ลลิสาเป็นคนสวยและแต่งตัวดูดีในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นตอนที่มาเยี่ยมบุพการีของคนรัก หญิงสาวก็ยังสวมชุดสุภาพ แต่เรียบหรูสมราคา คำพูดคำจาก็ฉะฉานน่าฟัง
“แต่บ้านเราก็มีหลายห้องนะหนูลิล พ่อกับแม่ก็อยู่”
“ลิลจองโรงแรมในตัวจังหวัดไว้แล้วครับคุณแม่ เดี๋ยวผมขับรถไปส่งแล้วค่อยกลับมานี่” ธาวิศพูดช่วยคนรักอีกแรง
“ไกลนะตาภูมิ” คนเป็นพ่อเริ่มไม่เห็นด้วย
“ต้องทำแบบนี้ครับคุณพ่อ พวกนักข่าวชอบแอบตามเป็นเงา ถ้ารู้ว่าผมไปส่งที่โรงแรม เขาก็จะไม่กล้าเขียนข่าวเสียหายครับ แต่ถ้ามานอนนี่ รับรองลิลถูกยำเละเป็นโจ๊กแน่นอน”
“จริงของภูมิค่ะคุณลุงคุณป้า ลิลต้องกราบขออภัยด้วยนะคะหากทำให้ทุกคนต้องลำบาก”
“ไม่เป็นไรครับลิลคุณพ่อคุณแม่ท่านเข้าใจ จริงไหมครับ”
“จ้ะป้าเข้าใจหนูลิล ไม่ต้องคิดมากนะ” เหตุผลของคนเป็นลูก ทำให้บุพการีทั้งสองคนต้องหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มให้ทั้งคู่เหมือนเข้าใจ ทั้งที่ก็ห่วงเรื่องที่ต้องขับรถ เข้าไปส่งคนรักในตัวจังหวัด
กินข้าวกันอิ่มหมดทุกคนแล้ว ลลิสาก็ขอลากลับไปยังโรงแรมเลย เนื่องจากเกรงว่าธาวิศจะขับรถขากลับมืดจนเกินไป ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้
“หกสิบกิโลไปกลับก็ร้อยยี่สิบแล้วนะคุณนุ” นางเมธาวีบ่นอุบ หลังจากลูกชายขับรถไปส่งคนรัก เข้าพักที่โรงแรมในตัวจังหวัด
“คนรักกันมันก็ต้องดูแลกันถูกแล้วนี่คุณมด”
“แต่ลูกเรานี่เหนื่อยกำลังสองเลยนะคุณนุ ขับรถมาจากกรุงเทพฯ แทนที่จะได้พักผ่อนนี่อะไร ต้องขับไปส่งหนูลิลอีก ไหนจะกลับมาอีกมืดกันพอดี” คนเป็นแม่ก็ยังเป็นห่วงไม่เลิก
“เอาน่าลูกเราโตแล้ว ว่าแต่ทำไมวันนี้ไม่เห็นหนูภาเลยล่ะยายหนึ่ง ยังไม่ได้ถามเลยว่าเป็นไงบ้างไปฝากท้อง” นายอนุสรณ์หันไปถามยายหนึ่ง ซึ่งกำลังทยอยเก็บจานเข้าไปในครัว
“เห็นว่าปวดหัวค่ะ ยายเลยให้นอนพักผ่อน ถูกเจาะเลือดตั้งแต่เช้า แถมไปรอนานอีกเลยดูเหมือนคนไม่มีแรง”
“งั้นก็ให้พักไปน่ะดีแล้ว ต่อไปนี้เวลาหนูภามีฝากท้องก็ไม่ต้องให้มาทำงานต่อนะ ให้พักผ่อนไปเลยดีไหมคุณมด”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ ตอนฉันท้องฉันแทบไม่ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ มีแต่คุณทำให้ทุกอย่าง แต่ยัยภาโชคร้ายผัวไม่รับผิดชอบ ไม่มีคนดูแล เราก็ต้องช่วยกันดูแลนี่แหละ”
“คุณคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว คิดว่าหนูภาเป็นลูกเป็นหลานเราคนหนึ่งก็ได้ อนาคตจะได้มีคนคอยดูแลไง ดูท่าแล้วลูกสะใภ้คุณ คงไม่มีเวลามาดูแลแม่ผัวหรอก”
“คุณนุ นี่แช่งฉันทำไม”
“ผมแช่งที่ไหนคุณผมพูดความจริง ก็เห็น ๆ กันอยู่”
เสียงทะเลาะกันเล็ก ๆ ทำให้ยายหนึ่งถือจานชุดสุดท้ายเข้าครัวไปด้วยรอยยิ้ม แค่ลูกชายกลับบ้านมา ทั้งคู่ก็ดูจะมีเรื่องชวนคุยกันมากกว่าทุกวัน น่าเสียดายที่ธาวิศไม่สามารถมาอยู่ที่นี่ได้แบบถาวร ไม่อย่างนั้นบรรยากาศของบ้านหลังนี้ คงจะมีความสุขอยู่ไม่น้อย
สองสามีภรรยานั่งรอลูกชายกลับบ้านด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากเวลาเกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว แต่สักพักหนึ่งรถของธาวิศก็แล่นเข้ามาจอด ท่ามความโล่งอกของทุกคน
“เป็นแบบนี้พ่อกับแม่เป็นห่วงนะตาภูมิ”
“อะไรกันครับคุณแม่ ผมโทรมาบอกแล้วนะครับจะห่วงทำไมก็แค่ขับรถไปกลับแค่นี้เอง ไกลกว่านี้ก็เคยไปมาแล้ว” ธาวิศเข้าไปนั่งด้านข้างกับมารดา แล้วกอดเอาใจท่าน
“จ้ะพ่อคนเก่ง แล้วจะอยู่นี่นานไหม”
“ไม่นานครับ กะว่าอีกสองวันก็กลับแล้ว ลิลเขาติดงานน่ะครับ”
“ตอนไม่มีแฟนนะอยู่ได้เป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ พอตอนนี้อยู่ได้สองสามวัน ดูลูกชายคุณสิคุณนุ”
“อ้าว มาโยนให้ผมอีกแล้วนะคุณมด ลูกชายคุณเหมือนกันนั่นแหละ”
“โอ๋ ๆ อย่าทะเลาะกันสิครับ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือนก็คิดถึงผมมากขนาดนี้เลยเหรอครับ” คนเป็นแม่ยังไม่ทันได้ตอบยายหนึ่งก็เดินถือน้ำอัญชันเข้ามาให้ทั้งสามคน
“น้ำอัญชันค่ะ”
“สีสวยจังเลยนะครับ แต่ว่าผมไม่เคยเห็นยายหนึ่งทำน้ำอัญชันเลยนะครับ ทั้งที่มันก็บานเต็มรั้วแบบนั้นมาหลายปีแล้ว” ธาวิศยกแก้วน้ำสีม่วงขึ้นสำรวจ ก่อนจะยกขึ้นจิบแล้วทำหน้าสดชื่นขึ้นมา
“อร่อยด้วยนะครับนี่”
“ปกติทำเป็นที่ไหนล่ะ ยัยภาสอนต่างหากล่ะตาภูมิ” นางเมธาวีบอก พร้อมกับยกแก้วน้ำอัญชันของตนเองขึ้นดื่มบ้าง ยายหนึ่งยิ้มให้ทุกคน ก่อนเดินกลับห้องครัวไป
“น้องภา เกือบลืมไปเลยนะครับเรื่องนี้ ผมเพิ่งรู้ว่าน้องภาอยู่นี่ ยายหนึ่งเพิ่งบอกผม” พอเปลี่ยนมาคุยเรื่องนี้แววตาขี้เล่นของธาวิศก็เปลี่ยนไป ทว่าเขาก็ปรับให้เป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว
“ใช่จ้ะ หนูภามาอยู่ได้สี่เดือนแล้ว” นายอนุสรณ์เป็นฝ่ายยืนยันอีกคน
“แล้วไอ้ดลล่ะครับ” พอพูดมาถึงดลธี ทั้งนายอนุสรณ์กับนางเมธาวี ก็ต้องระบายลมหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด คนเป็นพ่อเลยเป็นฝ่ายบอกลูกชายเอง
“ไปอยู่ไหนมานะภูมิ เขาหย่ากันตั้งแต่เอ่อหนูภาท้องแล้ว”
“ท้อง !” ธาวิศตะโกนลั่นอย่างตกใจ ซึ่งทำให้บิดามารดาของเขาพลอยแปลกใจไปด้วย
“ก็เออน่ะสิตาภูมิ หนูภาท้องตาดลก็หย่าเลย แถมไล่ออกจากบ้านอีก ดีนะที่แม่เราเขาไปเจอเข้า เลยรับมาอยู่ที่บ้านเรานี่ อยู่มาก็สี่เดือนแล้ว นี่ก็ท้องได้ห้าเดือนพอดี”
‘ห้าเดือน’ นับนิ้วยังไงมันก็ไล่เลี่ย กับช่วงที่เขามีอะไรกับหญิงสาวอยู่
“เงียบไปเลยตกใจมากหรือยังไง หนูภาท้องจริง ๆ นี่แสดงว่าเรายังไม่ได้เห็นน้องล่ะสิ งั้นก็คงยังไม่รู้สิว่าเรือนไทยของคุณยายถูกตาดลขายไปแล้ว ของใช้ส่วนตัวของคุณยาย แม่เขาให้คนขนมาไว้ที่บ้านหลังเก่าของพ่อเอง”
“ครับคุณพ่อยังไม่เห็น ยายหนึ่งก็บอกแค่ว่าน้องภามาอยู่นี่แต่ไม่ได้บอกว่าท้อง แต่ไอ้ดลมันขายบ้านคุณยายทิ้งจริง ๆ เหรอครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะทำได้ลงคอ”
“ก็นั่นแหละลูก แม่ว่าตอนคุณยายยกให้นี่ คงต้องมีเงื่อนไขอะไรกันแน่ ๆ แต่แม่ถามเท่าไหร่ก็เอาแต่ปฏิเสธ” นางเมธาวียังสงสัยในเรื่องนี้
“แล้วทำไมไอ้ดลมันถึงรู้ล่ะครับ ว่าน้องภามีคนอื่น ไม่คิดเหรอครับว่าลูกมัน”
“ตาดลบอกว่าไม่เคยมีอะไรกับยัยภาน่ะสิ แต่พาแฟนผู้ชายเข้าไปอยู่ในบ้านด้วย มันก็เหลือเกินจริงๆ นี่คงแต่งงานกับยัยภาหลอกคุณแม่แน่ ๆ เลย หลอกให้ท่านตายใจ ว่าจะมีเหลนสืบสกุลให้ สุดท้ายก็ไปคนละทิศละทางกันเลย” นางเมธาวีก็เล่าเสริมขึ้นอีก
“แล้วเอ่อพ่อของลูกในท้องของน้องภาล่ะครับ อยู่ไหน ทำไมไม่มาดูแลน้องภากับลูกในท้อง ปล่อยให้ถูกไล่ออกจากบ้านได้ยังไง”
“เห็นยัยภาว่าหนีไปกับกิ๊กแล้ว คงไม่ได้คิดจริงจังกับยัยภา แม่เค้นคอให้ตายยังไง ก็ไม่ยอมบอกว่ามันเป็นใคร ถ้ารู้จะได้ตามไปเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
“เอาน่าคุณมดเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ผู้ชายมันคงไม่ดีพอหนูภาถึงไม่อยากได้มาเป็นผัวแบบนี้”
“แล้วน้องภาอยู่ที่นี่เฉย ๆ เหรอครับคุณแม่” เป็นอีกเรื่องที่ธาวิศ ไม่คิดว่ามารดาของเขา จะยอมให้คนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านแบบนั่งกินนอนกินได้
“พูดเหมือนไม่รู้จักแม่เรานะตาภูมิ หนูภาเข้ามาเป็นแม่บ้านคู่กับยายหนึ่งเขาโน่น”
“แม่บ้าน ? แต่น้องภาเรียนจบมหา’ลัยมานะครับ”
“บางทีชีวิตคนเรามันก็ไม่มีทางเลือกมากหรอกลูก หนูภากำลังท้องสมบัติสักแดงก็ไม่มี ตอนนี้คิดว่าอยู่นี่ได้ทำงานด้วยเลี้ยงลูกด้วย น่าจะดีกว่าออกไปหางานที่อื่นทำ”
“เหรอครับ”
“ทำไมเหรอภูมิ ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า ทำหน้าเครียดเชียว” นายอนุสรณ์มองเห็นความผิดปกติบนสีหน้าของลูกชายได้
“เปล่าครับ แค่คิดว่าน่าจะทำงานอื่นที่ดีกว่านี้”
“คนท้องให้อยู่ในบ้านน่ะดีแล้ว จะได้ช่วยกันดูแลไงตาภูมิ ดูอย่างตอนแพ้ท้องเดือนที่สองสิ เดี๋ยวเป็นลม เดี๋ยววิ่งไปอ้วก น้ำหนักลดลงฮวบจนตกใจเลย”
“เป็นหนักเหรอครับพ่อ”
“หนักสิ หนักสุดก็ตอนไปเป็นลมฟุบไปกับพื้น ดีนะยายหนึ่งเข้าไปเห็นทันพอดี ตอนแม่ของเราก็ยังไม่ขนาดนี้เลย หนูภานี่ทรมานจริง ๆ”
“งั้นเหรอครับพ่อ ผมขอตัวขึ้นนอนก่อนนะครับ ง่วงเต็มทีแล้วพรุ่งนี้ต้องพาลิลไปเที่ยวต่ออีก” ธาวิศบอกแล้วก็เดินขึ้นบันไดบ้านไป เขาไม่อยากฟังเรื่องแย่ ๆ ของนิภาอีกต่อไป
“คุณนุดูลูกแปลก ๆ ไปนะ”
“ไม่หรอกคุณมดน่าจะเหนื่อยมากกว่าผมว่า”
“ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากขนาดนี้ มีแฟนก็ควรจะมีความสุขมากกว่านี้สิ”
“ไปคิดแทนลูกได้ยังไงคุณมด ลูกน่ะมีความสุขดีเพียงแต่ที่อิดโรยแบบนี้ ก็คงเพราะขับรถไปมาก็แค่นั้นเอง”
“ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ขึ้นนอนกันบ้างดีกว่าคุณ”
“ได้ครับตามใจคุณอยู่แล้ว”