ตอนที่ : 9 ที่พึ่ง

1892 คำ
5 ที่พึ่ง          นิภาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของนางเมธาวีได้สองเดือน ก็แพ้ท้องเข้าขั้นรุนแรง เป็นลมก็บ่อยครั้ง ทำให้ทุกคนภายในบ้านนึกห่วงหญิงสาวเป็นอย่างมาก            “หนูภาเดือนแรก ๆ มันก็แพ้หนักแบบนี้แหละ นั่งพักก่อนนะเอานี่น้ำส้มยายคั้นให้สด ๆ”            “ขอบคุณค่ะยายหนึ่ง” หญิงสาวยกยาดมในมือขึ้นสูด ยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบนิด ๆ พอวางแก้วลงก็รีบยกมือขึ้นปิดปากเอาไว้แน่น อาการพะอืดพะอมตีรวนขึ้นมา            “อย่าบอกนะ ตายแล้วหนูภา !” ยายหนึ่งวิ่งตามคนท้องเข้าไปในห้องน้ำ รีบลูบหลังให้คนที่กำลังโก่งคออาเจียน แบบเอาเป็นเอาตาย            “จริง ๆ เลย ทั้งข้าวทั้งน้ำส้มออกมาหมด ไอ้หนูตัวน้อย ๆ ของยายหนึ่ง จะได้กินข้าวกินปลาบ้างไหมนี่”            นิภาได้ยินก็ทั้งขำทั้งน้ำตาไหล จากการอาเจียนอย่างหนัก แต่ก็รับรู้ถึงความเป็นห่วงเป็นใย จากยายหนึ่งได้เป็นอย่างดี อาการแพ้หนัก ๆ แบบนี้เกิดขึ้นอยู่สองเดือน อย่างที่ยายหนึ่งบอกจริง ๆ เข้าเดือนที่สามเธอก็สามารถทำงานได้ตามปกติแล้ว พอเข้าเดือนที่สี่เรือนไทยของยายเฉลาลักษณ์ ก็เปลี่ยนเจ้าของไปเสียแล้ว คนที่รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ก็คือลูกสาวของยายเฉลาลักษณ์นั่นเอง            “ดูตาดลทำสิคะคุณนุ คุณแม่เสียได้ไม่ถึงปีเลย ยังไม่ทันได้ทำบุญร้อยวันด้วยซ้ำ มาขายสมบัติของท่านกินเสียแล้ว เงินมรดกที่แบ่งให้ก็ใช่ว่าจะไม่มี” นางเมธาวีโวยวายกับสามีอย่างเหลืออด            “เอาน่าคุณมดตาดลเขาเป็นเจ้าของ เขามีสิทธิ์ทุกอย่างในบ้านหลังนั้น ว่าแต่คุณไปเก็บของ ของคุณแม่คุณมาหมดหรือยัง”            “ให้บริษัทขนส่งไปรับมาแล้วค่ะ บ่าย ๆ น่าจะมาถึงบ้านเรา ให้ยัยภาไปดูด้วยว่าอะไรที่คุณแม่ท่านรักท่านหวง จะได้เก็บมาไว้ที่บ้านเราค่ะ”            “กำลังท้องกำลังไส้แบบนั้น จะให้ไปขนของเหรอคุณมด”            “ไม่ได้ให้ไปขนค่ะ ให้ไปดูว่าอะไรควรขนมา คุณนี่ยังไง คิดว่าฉันจะใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”            “อ้อ แล้วไป ผมก็พูดเล่นน่าคุณ แล้วจะเก็บไว้ไหนล่ะของของคุณแม่ ในบ้านเราก็ไม่มีห้องเก็บของว่างแล้วนะ”            “บ้านไม้หลังเก่าของคุณไงคะ คุณแม่ท่านชอบบ้านไม้ค่ะ ฉันเลยคิดว่าจะเอาของของท่านไปเก็บไว้ที่นั่น อีกอย่างคุณก็บอกเองนี่คะ ว่าไม่อยากรื้อบ้านหลังนั้น มันเป็นน้ำพักน้ำแรงครั้งแรกของคุณ”            “ก็ดีเหมือนกันนะคุณมด ดีกว่าปล่อยร้างไว้แบบนั้น ผมมันพวกหวงของเก่าซะด้วย”            “ค่ะ ดีนะตาภูมิไม่รื้อทิ้งทำเรือนหอใหม่”            “เออ พูดถึงเรื่องนี้ตาภูมิกับหนูลิล เมื่อไหร่จะตกลงแต่งงานกันสักที ผมนี่รอเป็นเถ้าแก่ ไปขอเมียให้ลูกไม่ไหวแล้วนะ”            “ลูกเราน่ะอยากแต่งกับเขาจะตายค่ะ แต่ทางโน้นเห็นว่าติดปัญหา อยากทำงานในวงการบันเทิงก่อน”            “มีแฟนเป็นดารานี่ก็ลำบากเนอะคุณมด ขนาดงานศพคุณยายของคนรัก หนูลิลยังติดงานที่ต่างประเทศ ปลีกตัวมาไม่ได้เลย” แม้ลลิสาจะไม่ใช่ดาราแถวหน้าระดับนางเอก แต่ก็เป็นตัวร้ายมีระดับของวงการเหมือนกัน            “ก็งานเขามีความเสียหายนี่คะ ถ้ามาแบบกะทันหัน ถ้าเลือกได้ ฉันก็อยากได้ลูกสะใภ้คนทั่วไป ที่สามารถย้ายมาอยู่กับเราได้ ไม่ใช่ต้องไปอยู่ไกลหูไกลตากันแบบนี้ งานของคุณที่นี่ก็ไม่มีคนสืบทอด พ่อลูกชายคนเก่งดันมุ่งเข้ากรุงอย่างเดียวเลย” นางเมธาวีพูดถึงบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้างของสามี ซึ่งนับวันก็มีแต่จะใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ            “มันเลือกไม่ได้หรอกคุณ ลูกเรารักเขาและไม่มีทีท่าว่าอยากจะมาทำงานที่นี่ สงสัยต้องรอคุณกับผมตายก่อนมันถึงจะอยากมาทำ”            “ให้มันจริงเถอะค่ะ ไม่ใช่ตายปุ๊บขายทุกอย่างทิ้งปั๊บ”            “คุณมดอย่าเอาลูกเราไปเปรียบเทียบกับตาดลสิ เขามันคนละคนกันนะคุณ”            “ค่าไม่เปรียบเทียบก็ไม่เปรียบเทียบ เอ๊ะ เสียงรถมาแล้วนี่เร็วจัง ไปดูเขาขนของกันเถอะคุณ”            สองสามีภรรยาเข้าไปดูแลการขนย้ายด้วยตัวเอง นิภากอดเถ้าอัฐิของยายเฉลาลักษณ์เอาไว้แนบอก ราวกับอยากให้ท่านโอบกอดเธอในยามนี้ ยามที่ชีวิตกำลังตกที่นั่งลำบาก หวาดกลัวไปทุกสิ่งอย่าง ก็เธอไม่เคยท้องนี่นาจะรู้ได้อย่างไร ว่าต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้าง แค่เดินทางไปฝากท้องที่โรงพยาบาลตามนัดแต่ละครั้ง เธอก็อ่อนล้าไปหมด            นิภากับยายหนึ่งช่วยกันกวาดถูบ้านหลังน้อย จนสะอาดสะอ้าน ตั้งรูปของยายเฉลาลักษณ์พร้อมอัฐิไว้บนหิ้ง นิภานำพวงมาลัยดอกไม้สด มาวางตรงหน้าโถอัฐิ แล้วก้มลงกราบท่าน            “อยู่บนสวรรค์แล้ว ก็อย่าลืมคิดถึงภาบ้างนะคะคุณยาย”            เป็นภาพที่คนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ถึงกับน้ำตาซึม นางเมธาวีหันไปมองหน้าสามีเล็กน้อย            “ฉันเป็นลูกแท้ ๆ ยังไม่ค่อยได้กราบคุณแม่เลยนะคะคุณนุ แต่ดูยัยภาสิ”            “เอาน่าคุณ หนูภาเขาอยู่กับคุณแม่มาตั้งแต่แบเบาะ ส่วนคุณแต่งงานออกมาอยู่กับผมแล้ว สถานะมันก็ไม่เหมือนกัน”            “ฉันน่าจะไปเยี่ยมคุณแม่บ่อย ๆ นะคะ ทั้งที่รู้ว่าท่านป่วยฉันก็ยังทิ้งหน้าที่ทั้งหมด ให้ยัยภาดูแลแค่คนเดียว”            “คุณทำดีที่สุดแล้วคุณมด เข้าบ้านกันเถอะ ที่นี่ปล่อยให้หนูภาเขาปิดบ้านไปก็แล้วกัน”            “ค่ะ”                        สองวันถัดมา นิภาต้องเดินทางเข้าไปฝากท้องที่ตัวอำเภอ ปกติแล้วจะขอติดรถนายอนุสรณ์ตอนเช้า ระหว่างไปทำงานที่บริษัท ขากลับก็นั่งสองแถวมาลงหน้าบ้าน แต่วันนี้เธอกลับลืมแจ้งท่านไว้ นายอนุสรณ์มีประชุม เลยรีบออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่          “ยายหนึ่งภาจะไปยังไงดีล่ะทีนี้”            “ท้องก็เริ่มใหญ่แล้วจะไปโหนสองแถวก็ใช่เรื่อง อีกอย่างมาชั่วโมงละคัน เอาแน่เอานอนไม่ได้อีก เอางี้ไหมหนูภาไม่ต้องไปหาหมอแล้ว เอาไว้ไปพรุ่งนี้แทน”            “ไม่ได้สิยายหนึ่ง ไม่รู้หมอเขาจะว่างตรวจเราพรุ่งนี้หรือเปล่า เขามีนัดแน่นยาวเหยียดด้วย” นิภาลูบหน้าท้องตัวเองเล่นไปมา เกิดมาเป็นลูกของเธอช่างลำบากเหลือเกิน ถ้ารถของคุณยายไม่ถูกดลธียึดไป เธอก็คงได้เอามาใช้ที่นี่ต่อ            “ยายโทรหาคุณมดดีกว่า”            “รบกวนคุณป้าเกินไปไหมคะ”            “ไม่หรอก รอแป๊บนะ” ยายหนึ่งโทรศัพท์ไปหานางเมธาวีที่บริษัทแล้วขอคำปรึกษาในเรื่องนี้            “รถสองแถวก็เป็นชั่วโมงกว่าจะมา ท้องโตแบบนี้ ยายก็ไม่อยากให้ไปยืนตากแดดรอรถเหมือนกันค่ะ ยายเลยไม่รู้จะพาไปยังไง”            “จริงเลยนะยัยภา เรื่องแบบนี้ลืมกันได้ไง เอางี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันให้คนเอารถไปรับดีไหม มีคนขับรถของที่นี่อยู่หลายคนน่าจะว่างพาไป”            “จริงเหรอคะขอบคุณมากค่ะคุณมด”            “สักครึ่งชั่วโมงคงถึง เดี๋ยวให้เขารอพากลับด้วยเลยแล้วกันดีไหม”            “ดีค่ะ”            นิภาได้คนขับรถส่งของในบริษัทของนางเมธาวี พาไปส่งที่โรงพยาบาล อีกทั้งยังอยู่รอเกือบสามชั่วโมง กว่าจะได้พากลับมาส่ง            “ขอโทษพี่ด้วยนะคะที่ให้รอนานขนาดนี้ วันนี้หมอนัดคุณแม่ที่มาฝากท้องเยอะมากเลยค่ะ”            “ไม่เป็นไรครับคุณภา โรงพยาบาลรัฐบาลก็งี้แหละครับ อำเภอเราก็ไม่มีโรงพยาบาลเอกชนมาเปิดสักที จะเข้าตัวจังหวัดก็ไกลมาก”            “นั่นสิคะ” แต่ถึงมีจริงเธอก็คงไม่มีเงินจะไปฝากท้องหรอก หญิงสาวได้แต่ยิ้มให้คนขับอย่างขอบคุณ เงินเดือนที่เคยได้ก็แค่พอกินพอใช้ ยายเฉลาลักษณ์เคยพูดว่าจะยกสมบัติให้เธอสักชิ้น แต่แล้วท่านก็จากไปก่อนจะได้ทำเรื่องนี้ นิภาไม่โทษใครเพราะเธอก็เป็นแค่เด็กถูกทิ้งมาตั้งแต่ต้น อะไรจะเกิดกับชีวิต ก็ต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมจะทำมา            กลับมาถึงบ้านก็ต้องยิ่งตกใจหนักกว่าเดิม เพราะรถที่จอดอยู่ดูไม่เหมือนทุกวัน คงเป็นแขกคนสำคัญของบ้านหลังนี้ ในใจของนิภาเริ่มเต้นไม่ปกติ            “ขอบคุณพี่มากเลยนะคะที่มาส่ง” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้เขา            “ไม่เป็นไรครับ งั้นผมกลับไปทำงานต่อนะครับ”            “ค่ะ”            หญิงสาวไม่เดินเข้าไปในบ้านเหมือนทุกวัน กลับเลี่ยงไปด้านข้างแทน แต่สักพักใหญ่ ๆ ยายหนึ่งก็เข้ามาตามถึงห้องพัก            “ทำไมไม่เข้าไปสวัสดีคุณภูมิเขาล่ะหนูภา ยายเห็นรถมาส่งแล้วแต่ไม่เห็นคนก็เลยตามมาดู” เป็นอย่างที่เธอกลัวจริง ๆ เขากลับมาเยี่ยมบุพการีในวันนี้            “ภาปวดหัวค่ะยายหนึ่ง ขอนอนพักได้ไหมคะไม่อยากไปไหนเลย”            “จริงเหรอ งั้นก็ไม่เป็นไร ยายแค่อยากให้หนูภาได้เห็นดารากับเขาหน่อย”            “ดารา ?”            “คุณลิล ลลิสา นางร้ายหน้าสวยยังไงล่ะ แฟนคุณภูมิแก สวยหยาดฟ้ามาดินเลยหนูภาเอ๊ย”                       “เอ่อ งั้นภายิ่งไม่ควรไปเลยค่ะ” นิภาเปรยเบา ๆ เธอรู้จักนางร้ายหน้าสวยคนนี้ ผ่านจอทีวีอยู่เหมือนกัน ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้ จะมาเป็นคนรักของธาวิศได้            “หนูภาว่าอะไรนะ”            “เปล่า ๆ ค่ะยายหนึ่ง นี่ดูสิคะถูกเจาะเลือดมาจนพรุนเลยกว่าจะหาเส้นเลือดเจอ ขอภานอนให้หายปวดหัวก่อนนะคะ วันนี้ยายหนึ่งทำกับข้าวเองได้ไหมคะ ภาขอพักสักวันรับรองว่าวันหลังจะทำชดเชยให้เป็นเท่าตัวเลยค่ะ”            “คงเหนื่อยสินะเรา ไม่เป็นไรยายไม่กวนแล้วล่ะ นอนพักเถอะ ว่าแต่กินข้าวกินปลามาหรือยังล่ะ”            “กินมาแล้วค่ะ”            “งั้นก็กินยาบำรุงแล้วนอนไป ไม่ต้องรีบตื่นวันนี้ยายจะทำกับข้าวเอง คุณภูมิกับคนรักมาทั้งทียายต้องโชว์ฝีมือสักหน่อย”            “ค่ะดีค่ะ”            ดูยายหนึ่งจะมีความสุขมากกว่าทุกวัน ยิ่งทำให้นิภาไม่อยากไปสร้างความลำบากใจให้ธาวิศ ป่านนี้คงรู้แล้วมั้งว่าเธอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ เขาต้องโกรธแน่ ๆ และแม้จะจงใจหลบหน้าหลบตามากแค่ไหน แต่นิภาก็เหมือนจะหนีความจริงไปไม่ได้ 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม