ตอนที่ : 8 แตกหัก 2

2301 คำ
      นิภาคิดว่าเธอต้องบอกเรื่องนี้กับดลธี เพราะจะได้รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อดี หญิงสาวเดินไปเคาะประตูห้องนอนของเขา แต่ว่าคนที่อยู่ภายในนั้นกลับเป็นอารักษ์            “มีอะไรครับพี่ภา”            “พี่อยากคุยกับพี่ดล”            “เข้ามาก่อนสิครับ”            “ไม่ล่ะจ้ะ” เมื่อเห็นว่าภายในห้องนอนไม่มีดลธีอยู่ นิภาก็หันหลัง หมายจะเดินกลับไปทางเดิม            “โอ๊ะ !” แต่แรงกระชากจากอีกคน ทำเธอเซเข้าไปในห้องนอนของดลธีในทันที พร้อมกับประตูที่ถูกดันปิดลง            “ตั้งใจมาหาผมก็บอกมาเถอะพี่ภา สวย ๆ อย่างพี่ คงเปลี่ยวอารมณ์สินะ ที่ต้องมามีสามีแบบพี่ดล”            “พูดอะไรของเธอรักษ์ แล้วปิดประตูทำไม”            “พี่ภาก็รู้อยู่แก่ใจนี่ครับ พี่ดลไม่อยู่หรอกเอารถไปซ่อม เรายังพอมีเวลา ทำเรื่องอย่างว่าตั้งหลายยก”            เพียะ ! นิภาสะบัดฝ่ามือใส่หน้าอารักษ์อย่างจัง            “อย่ามาคิดต่ำ ๆ แบบนี้กับพี่เด็ดขาด”            “กล้าดียังไงมาตบผม พี่ภา !”            “แล้วเธอล่ะกล้าดียังไงมาลวนลามพี่ พี่จะบอกพี่ดล”            “เอาสิครับเอาเลย แต่หลังจากพี่ภาเป็นเมียผมก่อนนะครับ จากนั้นก็ค่อยคิดว่าพี่ดลจะเลือกเชื่อพี่หรือเชื่อผม” อารักษ์นั้นเป็นประเภทหญิงก็ได้ชายก็ดี            “หยุดนะอย่าคิดทำอะไรบ้า ๆ กับพี่นะรักษ์” นิภาถอยหลังไปทีละก้าว อารักษ์ก็ก้าวตามมาติด ๆ จนหญิงสาวต้องออกแรงวิ่งหนีไปรอบ ๆ ห้อง เหมือนแมวไล่จับหนู สุดท้ายหนูก็ไม่รอด นิภาถูกผลักลงบนเตียงสุดแรงเกิด หญิงสาวก็ใช้เท้าถีบสู้ เกิดเหตุชุลมุนกันขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง            ผัวะ            “ทำอะไรกัน !” ดลธีเปิดประตูเข้ามา พร้อมกับจ้องทั้งคู่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ            “พี่ดลช่วยภาด้วย” นิภารีบลุกขึ้นจากเตียงนอน แล้ววิ่งไปยืนอยู่ด้านหลังของดลธี            “พี่ไม่คิดเลยนะว่ารักษ์จะกล้าทำแบบนี้กับพี่”            “โธ่พี่ดลผมก็แค่หยอกพี่ภาเล่นแค่นั้นเองพี่ ไม่ได้คิดอะไรจริงจังเลย เนอะพี่ภาเนอะ”            “เนอะกะผีอะไร เธอจะปล้ำพี่จริง ๆ พี่ดลต้องเชื่อภานะคะ ภาพูดจริงนะพี่”            “พี่ภาครับ ผมเป็นเกย์นะครับผมชอบผู้ชายไม่ได้พิศวาสผู้หญิงแบบพี่หรอกครับ ก็บอกแล้วไงว่าผมแค่หยอกพี่เล่น ล้อเล่นแค่นี้ ทำเป็นตื่นตกใจเป็นสาวน้อยไปได้”            “พูดจริงเหรอรักษ์” ดลธีเอนเอียงไปทางคนรักเกินกว่าครึ่ง แล้วหันมามองนิภาเหมือนเป็นตัวปัญหาของชีวิต            “จริงสิครับ”            “แล้วนี่ภามาทำอะไรในห้องของพี่ ไม่ใช่ว่ารักษ์ไปลากมาหรอกนะพี่ไม่เชื่อ”            “เปล่าภามาหาพี่ดลต่างหาก แต่เกิดเรื่องขึ้นก่อน” นิภาพูดพร้อมกับกวาดสายตา มองอารักษ์แบบไม่ไว้วางใจ ก่อนจะเอะใจขึ้นมาว่า ดลธีไม่ได้เชื่อในคำพูดของเธอเลยสักนิดเดียว ดูจากแววตาที่มองมายังตัวเธอ ก็บอกทุกอย่างได้ชัดเจน            “พี่ดลไม่เชื่อภาเหรอคะ”            “พี่ก็ฟังทั้งสองคนนั่นแหละ ว่าแต่มีเรื่องอะไรมาหาพี่ ไปคุยกันตรงระเบียงไป” ดลธีเดินนำหน้าหญิงสาวไปตรงระเบียง            นิภาทำใจอยู่นานกว่าจะพูดความจริงออกมา ดลธีโกรธเป็นอย่างมาก ที่หญิงสาวกล้าทำเรื่องมิดีมิงาม ในขณะที่ยังไม่ได้หย่ากับเขาอย่างเป็นทางการ            “ยัยภา ! เธอทำได้ยังไง มีชู้ขณะที่พี่ยังเป็นผัวเธออยู่แบบนี้ ถ้าเกิดเรื่องนี้แดงออกไป พี่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน หลาย ๆ คนก็ยังคิดว่าพี่เป็นผัวเราอยู่รู้ไหม”            “ภาเปล่านะคะไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องนี้มัน เอ่อ” จะโยนความผิดทั้งหมด ให้คนที่ตายไปแล้วก็ใช่เรื่อง            “ไม่ต้องมาเอ่อมาอ่า แล้วใครมันเป็นพ่อเด็ก” คำถามนี้ทำให้นิภาแทบพูดไม่ออก จะกล้าบอกได้อย่างไรว่าพ่อของลูกเธอเป็นใคร ในเมื่อเขามีคนอื่นอยู่แล้วทั้งคน เธอไม่กล้าทำลายชีวิตของคนดี ๆ คนหนึ่งหรอก            “ภาบอกไม่ได้ค่ะพี่ดล”            “ยัยภาอย่ามาทำตัวสำส่อนแบบนี้ในบ้านพี่นะ มันเป็นใครแล้วแอบไปมีอะไรกันตอนไหน ฮ้า !”            “ภาขอโทษค่ะพี่ดล ภาผิดไปแล้ว” นิภายกมือขึ้นไหว้ดลธีหวังจบปัญหานี้ลง แต่เธอคิดผิดเพราะมันยิ่งทำให้ดลธี โกรธหนักขึ้นกว่าเดิม            “พรุ่งนี้พี่จะพาเธอไปหย่า แล้วจากนั้นก็ไสหัวออกไปจากบ้านพี่ได้เลย”            “ว่าไงนะ พี่ดลจะไล่ภาออกจากบ้านเหรอคะ แล้วภาจะไปอยู่ที่ไหนคะ”            “พี่ไม่รู้หรอก มันเรื่องของเธอ”            “แต่ภาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดนะคะพี่ดล ให้ภาอยู่ต่อเถอะนะคะ อยู่เป็นแม่บ้านของพี่ดลก็ได้”            “ยังไงไม่ช้าหรือเร็วเธอก็ต้องไปอยู่ดี เพราะพี่กำลังจะขายเรือนไทยหลังนี้ทิ้ง”            “พี่ดล !” นิภามองตามหลังดลธีไปอย่างคนใจหาย นี่เขาจะขายเรือนไทยหลังนี้ทิ้งจริง ๆ หรือ สถานที่ที่มีแต่ความทรงจำอันดีงาม ของเธอกับยายเฉลาลักษณ์ ดลธีทำได้ยังไง            หญิงสาวน้ำตาไหลพราก เดินกลับเข้าห้องไปด้วยหัวใจที่แตกสลายอีกรอบ ท้องไม่มีพ่อ ถูกไล่ออกจากบ้าน แล้วเธอจะบากหน้าไปหาใคร จะไปอยู่ที่ไหนได้อีกล่ะ คืนนี้เลยต้องนอนไปพร้อมกับน้ำตาอาบหน้า พรุ่งนี้มันจะมีหนทางไหนให้เธอได้เดินอีก มองแทบไม่เห็นหนทางเลย            ดลธีไม่ได้ไล่นิภาออกจากบ้าน เพียงเพราะว่าหญิงสาวมีชู้ระหว่างที่มีทะเบียนสมรสอยู่หรอก แต่เป็นเพราะว่าอารักษ์ กำลังจะนอกลู่นอกทางต่างหาก หากไม่มีนิภาสักคนปัญหาเรื่องพวกนี้ ก็คงไม่เกิดมากวนใจเขา            เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งคู่ เดินทางไปจดทะเบียนหย่ากันที่อำเภอ พอกลับมาที่บ้าน ดลธีก็ให้นิภาเก็บเสื้อผ้าย้ายออกไปได้เลย เขามอบเงินสดให้หนึ่งหมื่นบาท เพื่อหาที่อยู่อาศัยใหม่            “ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้รู้ไหมยัยภา ก็เพราะว่าพี่ต้องการให้ไอ้คนที่มันทำเราท้อง รู้จักคำว่ารับผิดชอบยังไงล่ะ พี่ก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้ามันต้องเห็นเมียกับลูกของมัน ต้องเร่ร่อนไปหาที่อยู่ใหม่แบบนี้ มันจะยังนิ่งเฉยได้อีกไหม”            เป็นเหตุผลที่นิภาได้ยินแล้วก็หนักอึ้งไปหมด เขาคนนั้นจะมารับรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เขากำลังมีชีวิตคู่ที่สดใส เธอจะไม่ยอมเป็นรอยด่างพร้อยในชีวิตของเขาแน่ เธอจะไม่ทำความผิดแบบนั้นเด็ดขาด ทว่าเรื่องสืบสกุลของโศภิตอำไพ สักวันหนึ่งเธอจะทำให้มันเป็นจริงจนได้            นิภาหิ้วกระเป๋าใบหนึ่งออกจากเรือนไทย มาหยุดยืนอยู่หน้าประตู หญิงสาวนึกไม่ออกว่าควรไปพักที่ไหนระหว่างนี้ แต่แล้วรถคันคุ้นตา ก็แล่นเข้ามาจอดภายในบ้าน            “ยัยภานั่นเราจะไปไหน” นางเมธาวีเปิดประตูรถออกมาถาม            “คือ ภา เอ่อ”            “กระเป๋านั่นหมายความว่าไง”            เมื่อนิภาไม่ยอมพูดออกมา นางเมธาวีจึงลากข้อมือของหญิงสาวให้เข้าไปในบ้านเรือนไทยใหม่ และได้รู้ความจริงทั้งหมดจากปากของดลธี ว่าทั้งคู่ได้หย่ากันเรียบร้อยแล้ว และนิภาก็ถูกไล่ให้ออกจากบ้าน ไปพร้อมกับลูกที่อยู่ในท้อง            “จะผิดถูกยังไงยัยภาก็คนที่นี่นะตาดล ทำไมต้องถึงขั้นไล่ออกจากบ้านด้วย”            “คนที่มีชู้ทั้งที่ผัวยังอยู่โทนโท่แบบนี้ จะให้ผมใจดีด้วยเหรอครับคุณป้า ไม่มีทางหรอกครับ ถ้าคุณป้าอยากจะรับไปเลี้ยงดูก็เชิญเลยครับ ผมไม่ห้าม”            “ตาดล !”            นางเมธาวีนึกอะไรไม่ออก เลยต้องพานิภากลับไปที่บ้านด้วย ทุกคนภายในบ้าน ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย            “ไม่เป็นไรหรอกหนูภา ถ้าไม่อยากบอกว่าใครเป็นพ่อเด็กก็ไม่เป็นไร ผู้ชายบางคนก็ไม่ได้มีความรับผิดชอบสักเท่าไหร่ ลุงว่าอยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะนะ อีกอย่างคุณมดคุณก็กำลังมองหาผู้ช่วยแม่บ้านอยู่ไม่ใช่เหรอ ก็รับหนูภาทำงานที่นี่เลยไม่ดีกว่าเหรอ ได้ข่าวว่า อยู่ที่โน่นก็ดูแลคุณยายทุกอย่าง”            “จะดีเหรอคะคุณนุ ยัยภาจบปริญญาตรีมานะคะ อีกอย่างท้องอยู่แบบนี้ ทำงานได้ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ”            “ภาทำได้ค่ะคุณป้า เดี๋ยวนี้คนท้องเขาก็ทำงานกันได้ปกตินะคะ ภาอยากทำงานที่นี่ค่ะ”            “ทำไมล่ะภาทำไมถึงอยากเป็นแม่บ้านที่นี่ล่ะ”            “ก็ที่นี่มีพื้นที่ มีสนามหญ้า ภาคิดว่าถ้าลูกคลอดออกมาแกคงสามารถวิ่งเล่นได้ค่ะ ขืนไปเช่าอยู่อะพาร์ตเมนต์ เกรงว่าจะทำไม่ได้” เหตุผลเบื้องต้นเป็นแบบนี้ แต่ลึก ๆ แล้วนิภาอยากให้ปู่ย่าและหลาน ได้ใช้เวลาร่วมกันต่างหาก            “เอา ๆ ก็ได้ ๆ ลูกภาก็เหมือนหลานป้ากับลุงนั่นแหละ ในเมื่อภาไม่เกี่ยงงานแบบนี้ ป้าก็รับเข้าทำงานเลยก็แล้วกัน”            “ขอบคุณมากค่ะคุณป้าคุณลุง” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ทั้งคู่อย่างขอบคุณ เธอไม่ระคายใจเรื่องของธาวิศ เพราะคิดว่าเขาคงแต่งงาน แล้วปักหลักอยู่ที่กรุงเทพฯ กับคนรักอย่างถาวรเป็นแน่            “เอาล่ะ ห้องพักแม่บ้านก็ว่างอยู่ห้องหนึ่งพอดี ยายหนึ่งมาพาหนูภาไปดูห้องหน่อย”            “ค่ะคุณมด” ยายหนึ่งแม่บ้านวัยหกสิบปีหอบร่างอันปุกปุย เดินแกมวิ่งออกมาจากห้องครัว            “ไม่ต้องวิ่งก็ได้เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไป ไม่ได้ดูสังขารตัวเองเลย” นางเมธาวีกลอกตาใส่แบบขัดใจ            “คุณมดมีอะไรให้ยายทำคะเมื่อกี้ได้ยินไม่ถนัด”            “ทีนี้หูตึงขึ้นมาเลยนะยายหนึ่ง นี่หนูภาเขาจะมาอยู่ที่นี่ มาช่วยงานยายหนึ่งนั่นแหละ”            “สวัสดีค่ะ” นิภายกมือขึ้นไหว้ยายหนึ่งอย่างอ่อนน้อม            “สวัสดีจ้ะหนูภา มาช่วยงานแม่บ้านยายเหรอลูก แต่ดูแล้วไม่น่าจะ” ในสายตาของยายหนึ่งนิภานั้น เหมือนลูกคุณหนูมากกว่า จะมาทำงานบ้านกับตนเองเสียอีก            “เออน่าบอกว่ามาช่วยงานก็มาช่วยงาน ไม่ต้องถามมากหนูภากำลังท้องกำลังไส้อยู่ ช่วยกันดูแลด้วยล่ะ” นางเมธาวีรีบตัดบท ไม่อยากพูดเรื่องสถานะของนิภาสักเท่าไหร่            “ได้ค่ะ ไปหนูภาเดี๋ยวยายพาไปดูห้องกัน”            “ค่ะคุณยาย”            “ไม่ต้องเรียกคุณยายหรอก เรียกยายหนึ่งธรรมดานี่แหละมันดูห่างเหินเกินไป” ยายหนึ่งช่วยหญิงสาวหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า เดินนำหน้าไปทางหลังบ้าน ที่มีประตูเชื่อมไปยังห้องพักแม่บ้าน            “ได้ค่ะยายหนึ่ง”            แม้จะไม่อยากเล่าเรื่องท้องไม่มีพ่อ ของตัวเองให้ใครฟังสักเท่าไหร่ แต่กับยายหนึ่งแล้วนิภาก็ปิดไม่อยู่ เมื่อหญิงชราเปิดใจให้ถึงขนาดนี้ เธอเลยจำต้องโกหกไปว่าคนรักนอกใจ หนีไปกับผู้หญิงใหม่แล้ว            “มิน่าถึงไม่อยากเล่า ไม่เป็นไร ๆ ยายไม่ถามอีกแล้ว ช่างหัวมันเนอะ ลูกทั้งคนมันยังไม่สนใจ จะไปตกนรกหมกไหม้ที่ไหนก็แล้วแต่มันเลย”            ‘พี่ภูมิภาขอโทษ’          ได้ยินคำด่าทอของยายหนึ่งแล้ว นิภาก็รู้สึกละอายแก่ใจขึ้นมา ขืนธาวิศรู้ว่าเธอทำให้เขาต้องถูกประณามถึงเพียงนี้ เขาคงอยากบีบคอเธอให้ตายคามือ            “ว่าแต่มีศักดิ์เป็นถึงหลานคุณยายเฉลาลักษณ์ ทำไมถึงได้ให้มาทำงานบ้านแบบนี้ล่ะ ยายไม่เข้าใจคุณมดแกเลย”            “ภาไม่ใช่หลานแท้ ๆ ค่ะยายหนึ่ง เป็นเด็กที่คุณยายเฉลาลักษณ์เก็บมาเลี้ยง”            “อ้อ แบบนี้นี่เอง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เอ่อ ช่างเถอะ ๆ หนูภาเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ได้เลยนะ เดี๋ยวยายไปทำกับข้าวมื้อเย็นให้คุณมดเธอก่อน” ยายหนึ่งโบกไม้โบกมือเหมือนไม่อยากพูด เพราะดูยังไง นิภาก็ไม่น่าจะต้องมาอยู่ในห้องพักแคบ ๆ แบบนี้            “ให้ภาช่วยวันนี้เลยไหมคะยายหนึ่ง”            “ไม่ต้อง ๆ มาเหนื่อย ๆ แค่เก็บของเข้าที่ก็พอแล้ว เดี๋ยวได้เวลากินข้าวยายจะมาเรียกนะ”            “ได้ค่ะ”            ยายหนึ่งเปิดประตูออกจากห้องนอนของนิภาไปแล้ว หญิงสาวก็มองสำรวจไปรอบ ๆ บริเวณห้อง มีโต๊ะตู้เตียงขนาดเล็ก แม้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนเรือนไทยหลังเก่า แต่ก็ใช่ว่าเธอจะอยู่ไม่ได้ หญิงสาวเก็บข้าวของเข้าตู้ แล้วกวาดถูห้องให้สะอาด จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนพัก อยากหลับตาแล้วลืมความวุ่นวายในตอนนี้ สักพักก็หลับลงไปจริง ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม