ตอนที่หนึ่ง เจอกัน 2.2

3071 คำ
เช้าวันรุ่งขึ้น.... ฉันตื่นตีห้าทุกวันเพื่อมาช่วยแม่เตรียมขนมเพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าประจำ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือร้านกาแฟที่บ้านของต้าหนิงด้วย เมื่อแพคขนมที่จะนำไปส่งลูกค้าในเช้านี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันจึงกลับขึ้นไปยังห้องนอนเพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปเรียนและแวะส่งขนมให้แม่ด้วย Rrrrrrrrrrr “ว่าไง ต้า” ฉันกดรับสายทันทีที่หน้าจอโชว์ชื่อของต้าหนิง “เป็นอะไรหรือเปล่าแก้ม ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น” ต้าหนิงถามกลับมาอย่างเป็นห่วง สงสัยจะได้ยินฉันหายใจแรงเพราะกำลังจัดของหน้าร้านอยู่ “อ๋อ ไม่เป็นไรจ้า แก้มช่วยแม่เปิดร้านนะ” ฉันตอบเพื่อนกลับด้วยน้ำเสียงที่สดใสกว่าเดิม “ไม่อยากไปมหาลัยเลยอะ” ต้าหนิงบ่น “อะไรกัน นี่พึ่งเปิดเรียนได้แค่สองวันก็เบื่อแล้วเหรอ” ฉันถามเพื่อนกลับพร้อมกับขำนิด ๆ “ไม่ได้เบื่อที่จะเรียน แค่เบื่อคน” ต้าหนิงตอบ “ใครกัน” ฉันจึงถามกลับด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไรหรอก เจอกันที่มหาลัยนะ บ๊าย...” ต้าหนิงวางสายไปแล้ว แต่ประโยคคำพูดของต้าหนิงยังวนเวียนอยู่ในหัวฉันอยู่เลย เอาจริง ๆ ฉันก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากต้าหนิงเหมือนกัน แต่ว่าจะทำอย่างไรได้ในเมื่อแม่ส่งให้ฉันไปเรียนฉันก็ต้องตั้งใจเรียนให้สมกับที่แม่ทำงานหนักเพื่อฉัน “สวัสดีครับป้ากาญ” เสียงหนุ่มน้อยหน้ามนที่มีนามว่าเทน ได้ขี่รถซุปเปอร์ไบค์คันโตของเขามาจอดที่หน้าร้านของฉัน ก่อนที่เขาจะถอดหมวกกันน็อคเต็มใบออกแล้วสวัสดีแม่ฉัน “ดีจ้า” แม่ยิ้มรับอย่างใจดี “นั่นจะหอบไปไหนอะ” เทนหันมาถามฉันที่สองมือหิ้วถุงขนมจนเต็ม “ส่งลูกค้านะสิ” ฉันตอบ “งั้นก็ขึ้นมาเลย เดี๋ยวเทนพาไป” เทนอาสาช่วยอีกแรง “จะดีเหรอ เราไม่รีบไปเรียนหรือไง” ฉันเอ่ยถามอย่างเกรงใจ “แล้วคิดว่าตัวเองจะส่งทันไหมล่ะ พี่แก้มก็ต้องรีบไปเรียนเหมือนกันนิ” เทนหยอกย้อนพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างกวนๆ ถ้ามือฉันวางนะ จะฟาดแขนเข้าให้ “เทนช่วยก็ดีแล้วแก้ม เราจะได้ไม่ไปมหาลัยสายไง” แม่เห็นด้วยกับเทน “แล้วพี่จะขึ้นยังไง รถเราก็สูงซะขนาดนี้” ฉันแอบบ่นเทน พร้อมกับยื่นถุงขนมส่วนหนึ่งไปให้เขาถือก่อนเพื่อที่ตัวเองจะได้ปีนขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเทนได้ “ก็บอกให้กินนมเยอะๆ จะได้ตัวสูงกว่านี้ไง” เทนยังล้อเรื่องส่วนสูงฉันไม่เลิก “พูดมากจริง” ฉันแอบบ่นพึมพำเมื่อขึ้นมานั่งซ้อนท้ายได้เรียบร้อยแล้ว “เกาะแน่นๆ นะน้องนะ” เทนหันมากบอกพร้อมกับรอยยิ้มขำขัน “คร๊า...ลูกพี่...” ผมเดินลงจากลงสปอร์ตคู่ใจหันมาดูความเรียบร้อยของรถก่อนจะเดินไปยังคณะ และมันควรจะเป็นอย่างนั้น ถ้าผมไม่บังเอิญหันไปเห็นร่างบางของใครบางคนที่พึ่งลงจากรถซุปเปอร์ไบค์คนหนึ่ง ซึ่งผมจำรถคันนั้นได้ดีเพราะมันเป็นรถของเด็กในแก๊งรถซิ่งของผม เทนรู้จักกับแก้มใสด้วยเหรอ แถมยังมาส่งกันถึงหน้ามหาลัยอีก แก้มใสยืนโบกมือให้กับเทนเมื่อรถเคลื่อนตัวออกสู่ถนนใหญ่ “เสน่ห์แรงจัง” ผมรีบเดินไปดักหน้าแก้มใสเมื่อเธอเดินมาทางที่ผมยืนอยู่พอดี แก้มใสชำเลืองมามองผมแวบหนึ่งก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างไม่สนใจ ผมจึงเดินตามแก้มใสไปติดๆ เธอรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าผมกำลังเดินตามเธออยู่ เมื่อเดินมาถึงช่วงเลี้ยวของมุมตึกผมจึงคว้าต้นแขนแก้มใสแล้วออกแรงรั้งมาข้างมุมตึกซึ่งเป็นที่ลับตาคน “ปล่อย!” แก้มใสขึงตาใส่อย่างไม่พอใจที่โดนผมฉุด “ใครมาส่ง” “แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณคะ” ผมนึกหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อแก้มใสเรียกผมว่า คุณ แทนที่จะเรียกว่า พี่ “แก้มใส!” ผมเผลอตะคอกเธอเสียงดังอย่างลืมตัว พร้อมกับบีบต้นแขนจนแน่น ทำให้แก้มใสมีสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ “แก้มเจ็บนะ!” แก้มใสพยายามแกะมือผมออกจากต้นแขนของเธอ ผมจึงกระชากตัวแก้มใสเข้ามากอดแทน “จะทำอะไรนะ!” แก้มใสตกใจที่ผมโอบกอดเอวบางแน่น เธอพยายามดันอกผมให้ออกห่างพร้อมกับใช้กำปั้นทุบเป็นระยะๆ “เรียก พี่ไบค์ สิ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแก้มใสต้องเบือนหน้าหนีด้วยความหวาดระแวง “ทำไมต้องเรียกแบบนั้นด้วย” แก้มใสไม่ยอมสบตาผม เธอเอาแต่มองไปทางอื่น ผมจึงพลิกตัวให้แก้มใสไปชิดกับกำแพง มือข้างหนึ่งค้ำตัวเองไว้ข้างหัวแก้มใส ส่วนมืออีกข้างก็รัดเอวบางไว้แน่น แก้มใสจ้องหน้าผมด้วยความตกใจ เมื่อรู้ตัวว่าเผลอสบตากับผมเข้าเธอรีบหลบตาในทันที “จะเรียกไม่เรียก” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีก แกล้งพ่นลมใจหายรดแก้มเนียนแรงๆ ทำให้ใบหน้างามถึงกลับขึ้นสีอมชมพู่อย่างน่ารัก “เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ทำไมตะ...อุ๊บ!” ผมไม่รอให้แก้มใสได้เอ่ยจบ รีบโฉบริมฝีปากตัวเองบดจูบปากบางทันที “อือ....” แก้มใสร้องท้วงอยู่ในลำคอพร้อมกับจิกเล็บลงที่อกแกร่งของผมอย่างแรง เธอไม่ยอมเปิดปากให้ผมได้เข้าไปชิมความหวาน ผมจึงละมือที่ยันกำแพงไว้เลื่อนไปลูบไล้ต้นขาอ่อนที่อยู่ใต้กระโปรงทรงพีทของเธอ แก้มใสรีบคว้ามือที่ข้อมือของผม เปิดทางให้ร่างกายของเราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม ผมอาศัยจังหวะที่แก้มใสเผลอสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปสัมผัสความหวานจากโพรงปากเล็กอย่างโหยหา ผมสูบเอาทุกอย่างและคว้านชิมทุกจุดที่สัมผัสได้ “อืออ” เสียงแก้มใสครางแผ่วเบาเมื่อเธอไม่สามารถต่อต้านผมได้ แขนหนาทั้งสองข้างกอดรัดร่างบางแน่นพร้อมกับบดขยี้ปากบางอย่างเร้าร้อน จนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองต้องการมากกว่าจูบ ผมเลื่อนริมฝีปากลงจูบเม้มที่ซอกคอ ทำให้แก้มใสมีช่องในการผลักผมออกห่างจนได้ แก้มใสจ้องหน้าผมด้วยสายตาความสับสน สีหน้าของเธอดูตื่นตระหนกมากกว่าโกรธเคือง “แก้มมีเรียนค่ะ” เธอพยายามจะชิ่งหนีอีกรอบและผมก็ไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ หากยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ผมยกแขนทั้งสองข้างกักตัวเธอไว้อีกรอบ แต่ไม่ได้แน่นหนาเหมือนตอนแรก เพราะดูเหมือนว่าแก้มใสไม่ได้ต่อต้านอะไรแล้ว “บอกว่าไง” แก้มใสไม่กล้าสบตากับผม เธอเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นพร้อมกับกลอกตาไปมา ไม่มีความเก่งเหมือนก่อนหน้านี้แล้วเฮะ “อะ อะไรคะ” ผมชอบให้แก้มใสที่เป็นนี้จัง เหมือนเธอกำลังเขินยังไงก็ไม่รู้ มันทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างกั้นไม่อยู่ “เรียกพี่ไบค์สิ” แก้มใสเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็เพียงแค่แวบเดียว ก่อนที่ริมฝีปากบางจะค่อยๆ เอ่ยออกมาเบาๆ “พี่ไบค์” ถึงจะเบาไปหน่อยแต่มันก็ทำให้ผมยิ้มไม่หุบเลยละ “ถ้าไม่เรียกพี่ไบค์อีกละก็... โดนแบบเมื่อกี้แน่” เพื่อเป็นการย้ำเตือนความจำ ผมจึงกดจูบริมปากบางไปอีกรอบ ทำให้แก้มใสถึงกลับสะดุ้งสุดตัวแล้วผลักผมออกรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ผมมองตามหลังบางด้วยรอยยิ้ม ถ้ารู้ว่าการที่จูบเบาๆ แล้วทำให้แก้มใสเขินได้ขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ผมคงไม่ทำรุนแรงกับเธอแน่ ผมยกนิ้วโป้งขึ้นมาปาดริมฝีปากตัวเองเบาๆ “นิ่มจัง” ผมยกยิ้มอย่างพอใจที่ได้สัมผัสแก้มใสในวันนี้ อย่างน้อยๆ ก็พอจะรู้แล้วล่ะว่า เธอไม่ได้รังเกียจผม ตอนที่โดนแก้มใสตบหน้าในห้องคณะนั้น ผมคิดว่าแก้มใสต้องเกลียดผมไปแล้วแน่ ๆ เพราะอารมณ์ชั่ววูบแท้ๆ เลย ต่อจากนี้ผมจะค่อยๆ เข้าหาแก้มใสก็แล้วกัน รุนแรงไปอาจไม่ช่วยอะไร แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะอ่อนโยนไปได้สักกี่น้ำ สำหรับผมนะ... ฉันวิ่งหลบเข้ามาในห้องน้ำหญิงด้วยอาการตื่นตระหนกไม่หาย นี่มันอะไรกัน ฉันยืนจ้องหน้าตัวเองในกระจกพร้อมกับเลื่อนมือขึ้นมาทับลงที่อกข้างซ้าย ซึ่งอัตราการเต้นของหัวใจเร็วมาก จนฉันกลัวว่ามันอาจจะทะลุออกมา มันมีความรู้สึกอย่างหนึ่งแทรกเข้ามาในหัวของฉันตอนที่เขาจูบ เขาไม่ได้รุนแรงเหมือนครั้งก่อน ซึ่งมันทำให้ฉันเผลอไผลและลุ่มหลงไปชั่วขณะ ความรู้สึกเหมือนกับว่า ฉันรู้สึกดีกับจูบของพี่บิ๊กไบค์ “ไม่ใช่หรอก” ฉันสะบัดหัวแรง ๆ นึกค้านตัวเองอยู่ในใจ ฉันแค่เผลอตัวเท่านั้นแหละ เพราะว่าฉันยังไม่เคยจูบกับใครมาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าจูบมันเป็นอย่างไร และต้องรู้สึกอย่างไร ฉันแค่ตื่นเต้นแค่นั้นแหละ ไม่ได้หวั่นสักหน่อย ใช่! มันต้องเป็นอย่างนั้น ฉันเถียงกับความรู้สึกของตัวเองอยู่ในใจ 14:14 PM. หลังจากที่เรียนคาบสุดท้ายของวันเสร็จ ฉันกับต้าหนิง แพรวแล้วก็น้ำ เดินไปซื้อขนมที่ร้านค้า ก่อนจะมานั่งทานที่ม้าหินอ่อนข้างตึกคณะ “ตั้งแต่น้ำเกิดเป็นคนมาเนี่ยนะ ยังไม่เคยเข้าผับเข้าบาร์กับเขาเลยสักครั้ง น้ำว่าเราไปกันหน่อยไหม” น้ำชวน “แต่เรายังไม่ยี่สิบเลยนะ จะเข้าได้เหรอ” แพรวถาม “อยากไปกันจริง ๆ เหรอ” ฉันเอ่ยถามเพื่อนพร้อมกับยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ต้าหนิงกับแพรวแล้วก็น้ำ พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันในทันที “แก้มมีวิธี...” ฉันบอกกับเพื่อน ๆ ซึ่งทำให้เพื่อนทั้งสามหันหน้าไปมองกันอย่างมึนงง ฉันพาเพื่อนเข้าไปได้จริงๆ นะ ไม่ได้โกหกด้วย จากนั้นพวกเราทั้งสี่คนก็พากันไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของแพรวกับน้ำ เพื่อนทั้งสองคนอยู่หอพักเพราะบ้านของแพรวกับน้ำอยู่ต่างจังหวัดกันก็เลยมาเช่าหอพักอยู่เพื่อความสะดวกในการไปเรียน ฉันแอบออกมานอกห้องเพื่อโทรบอกแม่ว่าวันนี้มีรายงานกลุ่มที่ต้องรีบทำส่งอาจารย์ให้ทันพรุ่งนี้เช้า จึงขออนุญาตแม่ค้างที่หอพักของเพื่อน “แก้มขอโทษนะแม่” ฉันพูดกับหน้าจอโทรศัพท์ที่กดวางสายแม่ไปแล้ว “โห่...น้ำ ทำไมน้ำมีชุดเซ็กซี่เยอะจังอะ” ฉันเดินกลับเข้ามาในห้องก็เห็นต้าหนิงกำลังยืนมองชุดที่แพรวกับน้ำเอาออกมาวางไว้บนเตียงเพื่อให้ฉันกับต้าหนิงเลือก ฉันเดินมาดูชุดเหล่านั้นใกล้ ๆ ถึงกลับต้องกลืนน้ำลายเลยทีเดียว เพราะว่าแต่ล่ะชุดค่อนข้างเซ็กซี่มาก “ก็มันซื้อไว้เป็นแรงจูงใจในการลดน้ำหนักไง คิดว่าต้องลดให้ได้เพื่อใส่ชุดพวกนี้ แต่ก็เปล่าเลยค่ะ กินตัวแตกเหมือนเดิม ฮ่า ๆ” แพรวเล่าอย่างขำขัน “ก็ของกินมันอร่อยอะ” น้ำเถียงแพรว “แก้มลองใส่ชุดนี้สิ” ต้าหนิงหยิบเสื้อสีขาวยาวถึงหน้าขาด้านบนเปิดไหล่กว้าง เอามาทาบบนตัวของฉัน “ชุดมันดูโป๊ไปไหม” ฉันมองดูชุดที่ต้าหนิงหยิบให้มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ฉันจึงหยิบชุดออกมาจากมือต้าหนิงแล้วไปวางไว้ตามเดิม “ถ้าไม่ใส่โกรธ” ต้าหนิงทำหน้างง้อใส่ ทำให้ฉันรู้สึกเหวอเล็กน้อย นี่ต้าหนิงจะโกรธฉันจริง ๆ เหรอ “งั้นต้าก็ต้องใส่ชุดนี้ด้วย ไม่งั้นโกรธ” ฉันจึงหันไปหยิบชุดที่คล้ายกันกับชุดที่ต้าหนิงหยิบมาให้ มันต่างกันก็แค่...ชุดที่ฉันหยิบให้ต้าหนิงนั้นมันรัดรูปกว่าชุดที่ต้าหนิงหยิบให้นะสิ “ได้!” ต้าหนิงยื่นมือมารับชุดมาพร้อมกับฉีกยิ้มให้อย่างท้าทาย “ไปแต่งตัวกัน” สามนาทีต่อมา “ว้าว” เมื่อฉันกับต้าหนิงแต่งตัวเสร็จ แพรวกับน้ำก็ร้องว้าวออกมาพร้อมกัน “พวกแกเหมือนหลุดออกมาจากแม็กกาซีนเลย เซ็กซี่มาก...” แพรวชม “ไปกันได้ยังค่ะ ฉันอยากจะดิ้น ๆ แล้วนะ” น้ำพูดพร้อมกับทำท่าทางออกสเต็ปเต้น แล้วเราทั้งสี่คนก็นั่งรถแท็กซี่มายังเอสทีผับ นี่คือแหล่งท่องเที่ยวยามราตรียอดฮิตที่สุดในหมู่วัยรุ่นแล้วล่ะ ผับนี้ดังที่สุดในย่านนี้ก็ว่าได้ รถแท็กซี่จอดสนิทอยู่หน้าผับ ฉันจึงเดินนำเพื่อนๆ อ้อมไปยังด้านหลังของผับ ซึ่งมีประตูอยู่ ฉันเคยทำงานที่นี้จึงรู้ทางเข้าออกดีกว่าใคร ฉันหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าแล้วไขเข้ากับกลอนประตู แก็รก! “แก้มทำได้ไง ไปเอากุญแจมาจากไหน” ต้าหนิงถามฉันด้วยสีหน้าตกใจ “พอดีว่าแก้มเคยมาทำงานพาร์สไทม์เป็นผู้ช่วยอยู่ในครัวนะ พี่ที่ทำงานด้วยกันก็เลยให้กุญแจมา แต่พอจะเอามาคืนพี่เขาก็ลาออกไปแล้ว” ฉันจึงหันไปอธิบายให้เพื่อนฟัง ฉันพาเพื่อน ๆ ย่องเข้าไปยังด้านของผับผ่านห้องเก็บอาหารไปโผล่อีกทีที่หน้าห้องน้ำหญิง และเราก็สามารถเข้ามายังด้านในผับได้อย่างแนบเนียน ต้าหนิงเดินนำไปนั่งที่โต๊ะอย่างเนียน ๆ เหมือนว่าเราเคยมาบ่อยอะไรประมาณนี้ “เดี๋ยวต้าเลี้ยงเอง ใครอยากจะดื่มอะไรเต็มทีเลยนะ แต่...อย่าหนักมากเดี๋ยวกลับห้องไม่ได้” ต้าหนิงบอก “อะไรน่าดื่มที่สุดเหรอแก้ม” น้ำหันมาถามฉัน “ไม่รู้สิ แก้มก็อยู่แต่ในครัวไม่เคยออกมาตรงนี้เลยสักครั้ง” ฉันตอบตามความจริง เพราะฉันก็พึงเคยมานั่งตรงนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ต้าหนิงยกมือขึ้นโบกเรียกพนักงาน สักพักพนักงานผู้ชายหน้าหล่อก็เดินเข้ามาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ต้าหนิง “รับอะไรดีครับ” พนักงานผู้ชายถามขึ้น “อยากได้เครื่องดื่มสำหรับผู้หญิงนะค่ะ ขอไม่แรงมาก” พนักงานจึงยื่นเมนูเปิดให้ต้าหนิงดู “กามิกาเซ่ ครับ รสชาติเปรี้ยวนิดขมหน่อยเหมาะกับผู้หญิงและคนที่พึงดื่มครั้งแรก...” พนักงานชายแนะนำ “งั้นก็เอากามิกาเซ่สาม ส่วนของฉันขอเป็นเตกีลาก็แล้วกัน...” ต้าหนิงสั่งให้ตัวเองและพวกเราเสร็จสับ “ต้าสั่งอะไรไปอะ ไม่เห็นเหมือนพวกเราเลย” ฉันถามต้าหนิงด้วยความสงสัย เพราะชื่อที่ต้าหนิงสั่งให้ตัวเองไม่เหมือนกับพวกเรา “ก็สั่งเหมือนโต๊ะข้าง ๆ เรานี่แหละ ไม่เห็นเหรอว่าพนักงานคนเมื่อกี้พูดว่า... คนที่ดื่มครั้งแรก เขารู้ว่าพวกเราพึ่งเคยมา เพราะฉะนั้นเราต้องทำเหมือนว่าเราเคยมาแล้ว ไม่งั้นเราอาจจะโดนหมายตาแล้วถูกผู้ชายหิ้วกลับบ้านไปได้” ต้าหนิงอธิบาย “แล้วที่ต้าสั่งมาอะมันแรงปะ” แพรวถาม “ก็น่าจะแรงกว่าที่สั่งให้เพื่อนอยู่แหละ ถ้าต้าไม่ไหวยังไงก็...หิ้วต้ากลับด้วยนะ” ต้าหนิงส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้พวกเรา แล้วฉันกับเพื่อนก็ส่ายหน้าให้อย่างหน่าย ๆ ไม่นานพนักงานคนเดิมก็นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ฉันค่อย ๆ จิบทีละนิด เพราะรู้สึกไม่ค่อยชอบของมึนเมาสักเท่าไหร่ อีกอย่างหากฉันเมาก็คงไม่มีใครพาเพื่อน ๆ กลับหอพักได้แน่ ๆ เมื่อฉันหันไปมองเพื่อนอีกสามคนต่างก็แข่งกันยกแก้วอย่างสนุกสนาน “ไปแดนซ์กันเพื่อน” น้ำพูดขึ้นพร้อมกับดึงตัวต้าหนิงออกจากโต๊ะไปยังฟอร์เต้น แล้วต้าหนิงก็หันมาคว้าแขนฉันให้ตามไปด้วย ฉันเต้นไม่เป็นหรอก ได้แต่ยืนมองต้าหนิงกับเพื่อนอีกสองคนออกสเต๊ปกันอย่างสนุกสนานทำให้ฉันยิ้มขำไปด้วย “ทำอะไรนะ!” เสียงต้าหนิงหันไปตะคอกผู้ชายคนหนึ่งเสียงดังลั่น ฉันจึงรีบเข้าไปหาต้าหนิงพร้อมกับรั้งแขนเพื่อนให้ออกห่างผู้ชายคนนั้น “ก็ก้นเธอมันน่าฟัดนิ” ผู้ชายที่โดนต้าหนิงตะคอกดูไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ต้าหนิงหันไปที่โต๊ะข้าง ๆ แล้วหยิบแก้วเหล้าที่มีเหล้าอยู่เต็มแก้วขึ้นมาเทราดลงบนหัวผู้ชายคนนั้น ฉันรีบคว้าแขนต้าหนิงให้ถอยหลบผู้ชายคนนั้นทันที เพราะดูเหมือนว่าต้าหนิงจะทำให้เขาโกรธสุด ๆ “มึง!” ผู้ชายคนนั้นตั้งท่าเข้ามาจะชกต้าหนิง พลึก! ตุบ! ตุบ! ตุบ! เหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร พอรู้ตัวอีกทีฉันก็เข้าไปยืนอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน เขายืนโอบรอบเอวฉันไว้แน่น ฉันก้มมองดูแขนแกร่งที่รัดเอวก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเขา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม