ตอนที่สอง หวั่นไหว 1.3

2183 คำ
“พี่ไบค์...” พี่บิ๊กไบค์หยักคิ้วให้หนึ่งทีประมาณว่า ใช่ พี่เอง จากนั้นคุณโลโค่เจ้าของผับก็เข้ามาระงับสถานการณ์ พี่ราเรซจึงพาต้าหนิงเดินออกจากผับทันที ฉันกำลังจะเดินตามพี่ราเรซไปเพราะเป็นห่วงต้าหนิง ดูเหมือนว่าต้าหนิงจะเมาหนักเอาการอยู่ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเดิน ก็โดนมือหนากุมมือฉันไว้พร้อมกับออกแรงกระชากเล็กน้อยทำให้ร่างของฉันกระเด็นไปปะทะกับอกแกร่งอย่างจัง “แอบหนีเที่ยวแบบนี้ ไม่ดีเลยนะ” พี่บิ๊กไบค์โน้มตัวลงมากระซิบถามในระยะประชิดทำให้ฉันต้องเอียงหน้าหนีเล็กน้อยด้วยความตกใจ “แก้มโตแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องแอบเที่ยว” ฉันเชิดหน้าขึ้นตอบอย่างไม่ยอมแพ้ที่โดนพี่บิ๊กไบค์พูดเหมือนฉันเป็นเด็กแอบผู้ปกครองมาเที่ยว “โตจริงเหรอ...” พี่บิ๊กไบค์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนฉันได้กลิ่นเหล้าจาง ๆ ที่ปะปนมากับลมหายใจของเขา ซึ่งมันไม่ได้เหม็นอย่างที่คิดไว้ แต่มันกลับมีกลิ่นหอมบางอย่างปะปนมาด้วย มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมแต่มันคือกลิ่นตัวของเขาเอง ฉันเผลอสูดดมเข้าเต็มปอดอย่างลืมตัว นี่สินะ กลิ่นฟีโรโมนของผู้ชาย มันไม่ได้แค่หอมเพียงอย่างเดียวนะ มันทำให้ฉันรู้สึกอย่างเข้าใกล้เขามากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “แก้มใส...” “คะ” ฉันขานรับเสียงเบาหวิวคลายคนละเมอ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปมองหน้าเขา พี่บิ๊กไบค์จ้องมองฉันด้วยสีหน้าแปลกใจ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป ถึงได้ทำให้พี่บิ๊กไบค์มองฉันแบบนั้น “เมาหรือเปล่า” พี่บิ๊กไบค์จับไหล่ฉันให้ออกห่างตัวเล็กน้อย ก่อนที่ร่างสูงจะโน้มตัวลงมามองหน้าฉันใกล้ ๆ พอได้มองเขาในระยะใกล้ชิดแบบนี้แล้ว มันทำให้ฉันได้สำรวจใบหน้าพี่บิ๊กไบค์ได้ชัดเจนขึ้น ผิวเขาเนียนดีจัง จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าคม ดูดีเป็นบ้าเลย ฉันเลื่อนสายตาลงต่ำอีกก็เจอกับริมฝีปากหนาที่ประทับจูบฉันไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ เมื่อคิดถึงตรงนี้ใจฉันมันก็เริ่มเต้นแรงพร้อมกับไอร้อนพุ่งขึ้นมาบนแก้มเนียน “ปะ เปล่าค่ะ” ฉันรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวเร็ว นี่ฉันเผลอคิดอะไรอยู่เนี่ย “แก้มไปหาต้าหนิงก่อนนะคะ” ฉันเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อหยิบกระเป๋าของต้าหนิง แล้วเดินตามพี่ราเรซและเพื่อน ๆ ไป พี่ราเรซอาสาไปส่งต้าหนิงเอง ฉันจึงยื่นกระเป๋าของต้าหนิงส่งให้พี่ราเรซ ยังไงซะ พี่ราเรซก็คงไม่ทำร้ายต้าหนิงหรอก อีกอย่างเพื่อนรักของฉันก็ชอบพี่ราเรซด้วย หวังว่าทั้งคู่คงจะมีเรื่องดี ๆ ตามมาทีหลังนะ ฉันอยากให้ต้าหนิงสมหวังและมีความสุขกับคนที่ต้าหนิงแอบรักมานาน “เป็นห่วงต้าหนิงเหรอ” พี่บิ๊กไบค์เดินมายืนซ้อนด้านหลัง ฉันจึงหันหน้ากลับไปพยักหน้าให้เขาหนึ่งทีแทนคำตอบ “เป็นห่วงตัวเองก่อนไหม” พี่บิ๊กไบค์ถามขึ้นอีกครั้ง ฉันจึงหันตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ “ทำไมคะ” “ต้าหนิงนะ มีคนดูแลแล้ว แก้มใสล่ะ ไม่คิดจะหาใครมาดูแลบ้างเหรอ” สายตาของพี่บิ๊กไบค์ในตอนนี้ชั่งดูอ่อนไหวเหลือเกิน นี่เขายังรอฉันอยู่อีกเหรอ “ไม่ค่ะ แก้มดูแลตัวเองได้” ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบให้ความหวังใคร ถ้าใจของฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาจริง ๆ “ใจแข็งจังนะ” พี่บิ๊กไบค์หันหน้าหนีด้วยท่าทางเซ็ง ๆ “ขอโทษค่ะ” ฉันไม่รู้จะเอ่ยคำไหนจริง ๆ ที่จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ “ไม่จำเป็น” พี่บิ๊กไบค์ตอบสวนกลับมาทันควัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็สบเข้ากับตาคมพอดี สายตาของพี่บิ๊กไบค์ในตอนนี้ดูว่างเปล่า ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาอีก เหมือนจะดีนะ ถ้าหากเขาตัดใจจากฉันได้จริง ๆ แต่ทำไม ในใจของฉันถึงได้รู้สึกไม่ไว้ใจในความเงียบและนิ่งของเขาเลยนะ หรือฉันคิดมากไป ก่อนที่ฉันจะคิดระแวงไปมากกว่านี้ สายตาของฉันก็เลื่อนไปเห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นตา กำลังถูกผู้ชายสองคนหิ้วปีกออกมาจากผับ “พี่บิ๊กไบค์ไปส่งเพื่อนแก้มก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวแก้มกลับเอง” ฉันไม่รอให้พี่บิ๊กไบค์รับปาก รีบจ้ำเดินตามบุคคลที่ฉันสงสัยไปทันที ผู้ชายสองคนพยายามยัดผู้หญิงใส่เข้าไปในรถเก๋งคันหนึ่งด้วยความทุลักทุเล เพราะดูจากสภาพแล้ว ผู้หญิงเมาหนักมาก ผู้ชายคนหนึ่งเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ ส่วนอีกคนกำลังจะเข้าไปนั่งด้านหลังกับผู้หญิง ก่อนที่ประตูรถจะปิดลง ฉันรีบเดินเข้าไปกระชากประตูรถอย่างแรงพร้อมกับดึงผู้ชายคนนั้นออกมาด้วย “ใครวะ!” ผู้ชายที่ที่โดนฉันกระชากเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย “ลงมา” แต่ฉันไม่สนใจที่จะตอบเขา ฉันหันไปดึงตัวผู้หญิงที่อยู่ในรถให้ออกมา เธอหันมามองหน้าฉันด้วยท่าทางหงุดหงิดสุด ๆ เธอยอมออกมาจากรถพร้อมกับผลักฉันอย่างแรง ทำให้ตัวฉันกระเด็นไปปะทะกับเสาปูนด้านหลัง ปึก! ความเจ็บแล่นแปล๊บขึ้นมาที่กลางหลัง “มายุ่งอะไรด้วย ห้ะ!” “ใครเหรอ เกรซ” ผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาถาม “หึ! ก็แค่พวกชอบเสือกเรื่องชาวบ้านน่ะ” เธอหันไปตอบผู้ชายคนนั้น “แต่จะว่าไป... น่ารักเหมือนกันนิ สนใจไปสนุกกับพวกเราไหม” ผู้ชายคนที่โดนฉันกระชากหันมาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจ “เธอควรกลับบ้าน” ฉันหันไปพูดกับเกรซแทนเพราะไม่อยากจะเสียเวลาคุยกันคนแปลกหน้าที่ฉันไม่รู้จัก “ถ้าพวกแกอยากได้มันนะ ก็เอาไปสิ” เธอหันไปบอกกับผู้ชายอีกสองคน เมื่อผู้ชายทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นก็เดินตรงเข้ามาหาฉันอย่างคุกคาม นาทีนั้นฉันรู้ตัวแล้วว่าไม่ปลอดภัยจึงหันหลังแล้วก้าวขาวิ่ง แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกผู้ชายสองคนตามมาทัน ฉันโดนล็อกแขนทั้งสองข้างแล้วก็โดนลากตัวกลับมาที่รถเก๋งจนได้ “ปล่อยนะ!” ฉันร้องโวยลั่น พยายามดิ้นแรง ๆ ให้หลุดจากการเกาะกุม “ไงมึง ชอบเสือกเรื่องกูดีนัก” เกรซเดินเข้ามาตบแก้มฉันเบา ๆ สองทีพร้อมกับยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน เธอยื่นมือข้างหนึ่งมาล้วงกระเป๋ากางเกงผู้ชายตรงหน้าแล้วหยิบซองบุหรี่กับไฟแช็กออกมา เธอจุดไฟเข้ากับบุหรี่ด้วยท่าทางชำนาญ เกรซสูบเอาควันสีขาวขุ่นเข้าเต็มปอดก่อนจะพ่นออกมาใส่หน้าฉันเต็ม ๆ “แฮ่ก ๆ ๆ ๆ” ฉันลำสักควันบุหรี่อย่างหนักทำให้แสบหูแสบตาไปหมด “ทะ ทำบ้า อะไร แฮ่ก ๆ ๆ” ฉันพยายามว่าเกรซแต่ก็พูดได้ลำบากเพราะเธอยังพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าฉันไม่หยุด “นี่เกรซ ถามจริงเหอะ ว่าสาวสวยคนนี้เป็นไรกับเธอ” ผู้ชายที่ล็อคแขนซ้ายฉันถามขึ้น “ก็แค่... ลูกเมียน้อยพ่อฉันน่ะ” พูดจบเธอก็พ่นควันใส่ฉันอีกรอบ ฉันว่า ฉันจะเป็นโรคมะเร็งก็คราวนี้แหละ “น้องสาวเธอเหรอ” ผู้ชายอีกคนถาม “เปล่า... มันเกิดก่อนฉัน” ผู้ชายสองคนหันหน้าไปมองกันด้วยสีหน้ามึนงง “ทำไมเธอทำตัวแบบนี้ ถ้าเขารู้ เขาต้องเสียใจแน่ ๆ” ฉันจ้องมองเกรซอย่างพิจารณาก็ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เกรซทำอยู่นี้ มันไม่ใช่ครั้งแรก แต่มันคือสิ่งที่เธอทำเป็นประจำอยู่แล้ว เกรซโยนบุหรี่ทิ้งแล้วเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับจิกผมอย่างแรงจนหน้าหงายขึ้น “โอ๊ย!” ฉันพยายามข่มความเจ็บเอาไว้ ไม่ยอมแสดงความกลัวให้คนพวกนี้เห็น “จะให้กูทำตัวดีเหมือนมึงนะเหรอ! แล้วไงล่ะ มีใครเขาสนใจมึงบ้าง ขนาดปู่กับย่ายังไม่เห็นว่ามึงเป็นหลานเลย แล้วนับประสาอะไรกับพ่อ!” เกรซจ้องมองฉันอย่างเย้ยหยัน “ก็ดีกว่า ทำตัวแย่ ๆ แบบนี้ก็แล้วกัน” “ทำไม! มึงคิดว่ามึงมีดีกว่ากูตรงไหน ห้ะ! อีแก้ม!” เกรซจิกผมฉันแรงขึ้นจนฉันรู้สึกแสบร้าวไปทั่วหนังศีรษะ ฉันอาศัยจังหวะที่เกรซอยู่ใกล้ยกเท้าขึ้นถีบท้องเกรซอย่างแรงจนร่างของเกรซหงายหลังล้มลงไปกับพื้น “ฉันนึกว่าแกโดนฉุดหรืออาจจะโดนผู้ชายสองคนนี้มอมเหล้า ฉันไม่น่ามาช่วยแกเลย” ฉันตะโกนกลับไปด้วยความเหลือใจในความโง่เง่าของตัวเอง “มึงกล้าถีบกูเหรออีแก้ม!” เกรซลุกขึ้นจากพื้นแล้วตรงมาหาฉัน เพี๊ยะ! รู้สึกชาวาบที่แก้มด้านซ้ายและได้รสเลือดเค็ม ๆ ปนมาด้วย “เป็นไง อยากโดนอีกสักรอบไหม ห้ะ!” เกรซง้างมือขึ้นเตรียมจะตบฉันอีกรอบ ฉันยืนหลับตาปี๋เตรียมรับความเจ็บ หมับ! ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเพราะสงสัยว่าทำไมฉันถึงไม่รู้สึกเจ็บ หรือว่าเกรซเปลี่ยนใจไม่ตบฉันแล้ว แต่พอลืมตาขึ้นสิ่งที่แสดงตรงหน้าฉันคือผู้ชายผู้มีใบหน้าคมเข้มกำลังจับข้อมือเกรซไว้แน่นหรืออาจจะบีบก็ได้เพราะเกรซมีสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ พี่บิ๊กไบค์สะบัดข้อมือเกรซอย่างแรงทำให้ร่างเกรซเซไปโดนรถเก๋ง “ถ้ามึงสองตัวรักชีวิต มึงก็ควรปล่อยแก้มใสซะ” พี่บิ๊กไบค์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก คนที่ได้ยินถึงกลับรู้สึกขนลุกเลยทีเดียว ผู้ชายสองคนหันไปมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่กแล้วชั่งใจอยู่ชั่วครู่ “อย่าปล่อยมันนะ!” เกรซตะโกนบอกพวกของตัวเองเมื่อสองคนนี้ทำท่าจะปล่อยฉัน “งั้นพวกมึงก็แดกตีนกูได้เลย” ตุบ! ตุบ! เมื่อสิ้นคำพูดของพี่บิ๊กไบค์ ผู้ชายสองคนก็โดนถีบล้มลงไปกับพื้นแทบจะพร้อมกัน และยังไม่พอแค่นั้น พี่บิ๊กไบค์ยังตามไปกระทืบซ้ำอีกเมื่อพวกมันทำท่าจะลุกขึ้นมาสู้กับเขา พลึก! ตุบ! ตุบ! ตุบ! “โอ๊ย!” ผู้ชายสองคนร้องลั่นด้วยความเจ็บ เพราะพี่บิ๊กไบค์กระทืบไม่มียั้งจนสองร่างที่นอนดิ้นอยู่กับพื้นเริ่มขึ้นสีม่วงคล้ำตามลำตัวพวกเขา “พี่ไบค์ พอแล้วค่ะ” ฉันรีบเข้าไปคว้าเอวหนาไว้แน่น พี่บิ๊กไบค์ยืนหายใจหอบแรงอยู่ยกใหญ่ก่อนจะหันหน้ามามองฉัน “แก้มไม่เป็นไรใช่ไหม” พี่บิ๊กไบค์จับฉันพลิกตัวไปมาอย่างสำรวจ สายตาของพี่บิ๊กไบค์แสดงความห่วงใยฉันออกมาอย่างไม่ปิดบัง ใจฉันเริ่มสั่นไหวกลับกิริยาและท่าทางที่แสดงออกของเขา มันทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกแบบนี้ มันเหมือนกับตอนนั้นไม่มีผิด ตอนที่พี่โต้งเข้ามาช่วยฉันจากพวกนักเรียนชายนั่น นี่ฉันหวั่นไหวให้กับพี่บิ๊กไบค์เหรอเนี่ย “มะ ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันก้มหน้าก้มตาตอบพยายามซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ “หึ! มึงนี่ก็แรดเหมือนกันนะ อีแก้ม” เกรซเอ่ยขึ้นพร้อมกับแสดงสีหน้าเกลียดชังฉันอย่างชัดเจน “อยากโดนแบบไอ้สองตัวนั้นเหรอ” พี่บิ๊กไบค์หันไปมองเกรซด้วยสายดุดัน เกรซถึงกลับชะงักไปเลยทีเดียว “ทำไมพี่ไบค์ตามแก้มมาล่ะ ใครไปส่งเพื่อนแก้ม” ฉันรีบถามหาเพื่อนอีกสองคนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าฉันบอกให้พี่บิ๊กไบค์ไปส่งเพื่อนฉันก่อน “พี่ให้เลโอไปส่งแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เป็นห่วงตัวเองเหอะ” ฉันจึงพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ “หวังว่าเธอคงกลับบ้านเองได้นะ” ฉันหันไปบอกกับเกรซแล้วเดินออกมาจากจุดนั้นทันที ฉันไม่น่าหาเหาใส่หัวเลย ทีแรกที่เห็นฉันก็นึกเป็นห่วง ยังไงซะ เกรซก็มีสายเลือดเดียวกับฉัน ถึงเราจะไม่ค่อยลงรอยกันก็ตาม แต่ความเป็นพี่น้องมันก็ทำให้ฉันไม่สามารถมองผ่านไปได้ ยังไงซะ เกรซก็เป็นน้องสาวของฉัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม