หลงกันเข้าไป

1068 คำ
“พี่ภาวินจะมากินข้าวเที่ยงด้วยกัน” เจ้าของบ้านเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่านางเริ่มจะกลายเป็นส่วนเกินไปแล้ว และเหมือนสองพี่น้องจะนึกขึ้นได้ จึงพากันนั่งลงและหันไปพูดคุยกับเจ้าของบ้านบ้าง “ไม่เป็นการรบกวนนะครับ” ภาวินเอ่ยขึ้นอย่างเสียไม่ได้ เพราะเขาเองเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้นับครั้งได้ “รบกงรบกวนอะไรกัน ถึงจะไม่เป็นดองกัน แต่ภาวินก็เป็นไม้เป็นมือให้ ‘มณีพรรณ’ อยู่แล้ว อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย” คุณปานวาดเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น แสดงให้เห็นว่า ‘มณีพรรณ’ ยินดีต้อนรับ ‘ธรรมราช’มากแค่ไหน และเป็นไม้เป็นมือที่ว่า คือช่วยเป็นหูเป็นตา ดูลูกชายตัวดีแทนตนนั้นเอง “ตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วค่ะ” ป้าสำเนียงเดินเข้ามารายงาน ทุกคนจึงหยุดสนทนาไป “ต่อไปนี้ ฉันไม่เหงาแล้วละ มีเพื่อนทานข้าวด้วยทุกมื้อ ไปหนูสร ภาวิน” นางเอ่ยขึ้นก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินนำไปก่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม บนโต๊ะอาหารมีการพูดคุยซักถามอย่างเป็นกันเอง จนภัศสรรู้สึกผ่อนคลายและเธอกลายเป็นผู้ฟังที่ดี โดยมีพี่ชายของเธอส่งยิ้มให้เป็นระยะ “กินให้เยอะๆเลยนะหนูสร อย่าให้ใครพูดได้ว่าแม่เลี้ยงลูกสะใภ้ไม่ดี” นางกล่าวขึ้นอีกครั้ง ด้วยร้อยยิ้ม หลังจากที่อาหารบนโต๊ะพร่องไป “ดี จนเธอเหลิงสะไม่ว่า” หากแต่คนที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงกลับสะอึก ส่วนคนที่ถูกว่าที่แม่ยายเอ่ยบอก หุบยิ้มเกือบไม่ทัน ส่วนคนอื่นๆ หน้าเจื่อนไปตามๆ กัน โดยเฉพาะภาวินถึงกับหมดอารมณ์รับประทานอาหารไปเลย เมื่อได้ยินประโยคของบุคคลที่เดินเข้ามาใหม่ “นายกร” ปานวาดเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ ก่อนจะค้อนสายตาตำหนิลูกชายที่เพิ่งเดินเข้ามา หากอีกฝ่ายเบะปากจนน่าหมั่นไส้ “นายก็พูดเกินไป...” ภาวินโต้กลับแทนน้องสาว เพราะหากคำพูดนั้นเป็นการเย้าคนสนิทเขาไม่ว่าเลย หากนี้ คนพูดกับน้องสาวเขา แทบกลายเป็นคนแปลกหน้า จึงไม่เหมาะที่จะเอ่ยออกมา สำหรับคนเพิ่งเริ่มสานความสัมพันธ์กัน “แล้วไหน ว่าไม่กลับ?” ภาวินถามอีก พร้อมจ้องหน้าเพื่อนสายตาติติงและแปลกใจอยู่ในที หากอีกฝ่ายกลับไขว่ไหล่ โดยปานวาดยังนั่งคงนั่งนิ่ง หากแต่ใจในอยากหยิกลูกชายให้เนื้อเขียว ...ไหนบอกภาวิน ว่าไม่กลับบ้าน แต่ดันโผล่หน้ามา แถมวางระเบิดลูกแรกจนหมดอารมณ์ทานข้าว ตัวดีนักเชียว!ปานวาดหมายหมาดลูกชายอยู่ในใจ     “อารมณ์จะกลับ” เขาตอบสีหน้าไม่แยแส พร้อมเหลือบมองผู้หญิงที่ตนเองเหน็บแนมอยู่อย่างสะใจ เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่ไร้การปรุงแต่ง แต่ดูสะดุดตา ไม่ได้ระรื่นอย่างก่อนหน้านั้น โดยเขาไม่ได้หันไปสบตาผู้เป็นแม่ เพราะรู้ตัวดี ว่าเสร็จจากตรงนี้ คงโดนไม่น้อย “หรอ ฉันเชื่อ” ภาวินตอบเสียงยั้วกลับมองดูสีหน้าน้องสาวไปด้วย “งั้นกินข้าวต่อ... เชิญ” ริมฝีปากหนาแสยะยิ้ม ทำทีเชิญให้คนที่นั่งกินอยู่ก่อนเริ่มทานต่อ หากแต่ทุกคนได้แต่สบตากันอย่างงงๆ ก่อนที่ปานวาดจะหันไปสั่งเด็กให้ตักข้าวอีกจาน เมื่อลูกชายนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ใกล้ภาวิน “นก ตักข้าวให้คุณกรสิ” นกพยักหน้าและรีบทำตามทันที หากเมื่อเริ่มรับประทานใหม่ภัศสรรู้สึกกระเพาะแคบไม่เปิดรับอาหารที่เธอพยายามเคี้ยวกลืนเข้าไป จึงตัดสินใจดื่มน้ำ “อ้าว อิ่มแล้วหรือ?” ปานวาดร้องทัก เมื่อว่าที่ลูกสะใภ้รวบช้อนและดื่มน้ำตาม ทั้งที่ก่อนหน้านั้นนางเห็นว่าหล่อนกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยจนเธอมองเพลิน “ค่ะ สรอิ่มแล้ว” ในคอรู้สึกแห้งขม หากแต่น้ำเสียงยังคงปรับได้คงที่ “งั้นขึ้นไปพักผ่อนเถอะ แม่ก็จะอิ่มแล้วเหมือนกัน” นางบอกพร้อมร้อยยิ้มหวานเป็นกำลังใจให้ไป ภัศสรจึงลุกขึ้นเดินออกไปเงียบๆ โดยมีสายตาหลายคู่มองตาม “ผมก็อิ่มแล้วเหมือนกัน ขอโทษนะครับ” ภาวินเอ่ยบอกพร้อมรีบรวบช้อนและดื่มน้ำก่อนจะลุกขึ้นไปอีกคน “อ้าวอะไรวะ? กินข้าวเป็นเพื่อนกันหน่อยไม่ได้ไง” ทำเสียงเหมือนคนหมดความสำคัญถามขึ้น หากแต่ไม่ได้คำตอบจากบุคคลที่กำลังจะลุกขึ้นเช่นกัน “หึ ใครจะนั่งกินลง” มีเพียงน้ำเสียงนุ่มแหลมเอ่ยออกมาพร้อมสายตาสะใจ “อ้าวแม่ ไมพูดแบบนี้ล่ะครับ” “ดีเท่าไหร่ ที่ภาวินไม่เอาจานข้าวฟาดหัวแก” คำพูดของมารดาทำเอาคนชอบแหย่ตาโตและเอ่ยขึ้นว่า “แล้วแม่ยอมให้คนอื่นทำร้ายร่างกายลูกชายหรือครับ” เขาถามกลับ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรไปก่อนหน้านั้น นางค้อนให้แล้วกล่าวขึ้นเสียงขุ่น “แม่ไม่ยอม หากเป็นกรณีอื่น... แต่นี่ ว่ากระแหนะกระแหนหนูสร แม่เห็นด้วยหากพี่ชายจะฟาดหัวแกแทนน้องสาว” “นี่แม่เข้าข้างสองพี่น้องนั้นเหรอครับ” คนรู้สึกโดนแย่งความรักถามสีหน้าจริงจัง ปานวาดยิ้มกริ่ม “แน่นอน ก็สองพี่น้องนั้นนิสัยน่ารัก แม่ชอบ” “แม่... นี่แม่หาว่าลูกชายแม่ทำตัวเกเรหรือครับ” “แม่ไม่ได้พูดนะ” ใบหน้าหล่อเหลาขมวดมุ่น ทำให้นางสะใจเล็กน้อย ก่อนที่เสียงเง้างอดจะเอ่ยขึ้นต่อ “แม่พูดให้ผมคิด” “ก็ดี ที่ยังคิดเป็น” นางย้อนให้อย่างหมั่นเขี้ยว “แม่ แต่สองคนนั้น ลุกขึ้นทั้งที่คนอื่นยังกินข้าวไม่เสร็จ แล้วอย่างนี้เรียกว่าน่ารักได้อีกหรือครับ” คนอยากเอาชนะยกเหตุผลที่ฟังดูเอาแต่ใจ “ยัง ยัง ไม่รู้คิดอีก หากเป็นแม่ แม่ก็ลุก นี่แม่ก็จะลุกแล้วนะ เชิญลูกนั่งกินไปคนเดียวเถอะ” ว่าแล้วนางก็ลุกขึ้นไปอีกคน โดยว่าที่เจ้าบ่าวนั่งอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าแม่จะทิ้งลูกชายคนเดียวอย่างเขาได้ หึ หลงกันเข้าไป!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม