ความอยากรู้ทำให้ได้มาซึ่งความวุ่นวาย
เพราะความอยากรู้ ทำให้ภัศสร เดินตรงไปยังห้องพักห้องสุดท้าย ที่ตนเองเป็นเจ้าของก็ว่าได้ เธอมองไปยังหน้าต่างที่เปิดอ้า โดยกั้นมุ่งลวดกันแมลงบินผ่าน และทันทีที่โผล่หน้า
“ห๊ะ อุ๊บ!!”
เพียงแค่สายตาโผล่พ้นขอบหน้าต่างได้เพียงนิด เธอก็เป็นอันสะดุ้งกับภาพบางอย่าง อีกทั้งรีบเอียงใบหูให้สดับรับฟังเหตุการณ์ตรงหน้า ด้วยหัวใจเต้นระทึกเมื่อพี่ชายของเธอ กำลังนั่งลงบนขอบเตียง จัดการถอดเสื้อผ้าของใครบางคนออกจนเหลือแต่กายแกร่งเปล่าเปลือย โดยกลางลำตัว ใช้แค่ผ้าขนหนูไม่ใหญ่นัก ปิดทับเอาไว้ โดยได้ยินเสียงบ่นพึมพำของพี่ชายเบาๆ
“มันเกินเหลือเชื่อจริงๆ...”
คนที่ไม่รู้ตัวว่าถูกแอบมอง บ่นงุบงิบ พร้อมจัดการเช็ดกายที่เหนียวหนึบของเพื่อนรักอย่างรวดเร็ว ในใจก็ครุ่นคิดไปถึงเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา
‘เหล้าจะพาให้ผู้ชายอย่างเราๆ เสียเซลฟ์ แม้จะให้หล่อหน้าตาดีแค่ไหน ใช่ว่าผู้หญิงจะสนหรอก...’ ประโยคที่เขาเองไม่เคยลืม แต่มาวันนี้เหตุใดเพื่อนรักถึงกลืนคำพูดของตัวเองเสียสิ้น
เมื่อโดนความเย็น คนเมาจึงเริ่มมีสติ เปลือกตาขยับถี่ “หะหืออ...?” เขาส่งเสียงคราง พร้อมมือเรียวยาวยกขึ้นโบกไปมา เหมือนพยายามปัดสิ่งที่กำลังกวนใจและตามด้วยเสียงบ่นพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ ทำเอาคนที่นั่งอยู่ต้องก้มลงเอียงหูฟังอย่างตั้งใจ
“อือ...ไม่...” เสียงเปล่งแผ่วเบา จากริมฝีปากที่แห้งผากมีรอยแตกคล้ายคนป่วย
“อะไรนะ?”
ภาวินก้มหน้าถามไปใกล้อีกนิด หากแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ แต่ได้วงแขนที่โอบกอดต้นคอแกร่งของเขามาแทน ใบหน้าแนบชิดจนรับลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่ายเต็มๆ
“ตะ ตา... กาบ มาหาพี่นะตา...” คำพูดแม้จะลากยาน หากแต่คนฟังนั่งนิ่งสนิท เพราะพยายามจับใจความประโยค จนลืมผละออกห่าง ภาพที่เห็นจากคนภายนอกเหมือนทั้งสองกำลังกอดจูบกัน
และเมื่อคำพูดจบลง ฝ่ามือที่เคยดึงรั้งรอบคอก็ร่วงลงต่ำ คนโดนโอบต้นคอจึงเอ่ยอย่างอ่อนใจ “มันแบบนี้หรือ นายถึงได้ทำตัวเมามาย กะแค่โดนผู้หญิงทิ้ง เฮ้อ...”
เมื่อเห็นเพื่อนรักหลับสนิทดีอีกครั้ง ภาวินจึงจัดการห่มผ้าให้ ภายในใจเต็มไปด้วยความห่วงใยก่อนจะตัดสินใจออกจากห้องเพื่อไปหาเสื้อผ้าของตนเองให้เพื่อนรักได้สวมใส่
“โอ้ยอยากรู้นัก ผู้ชายที่ไหนทำให้พี่ชายทั้งแท่งเปลี่ยนไปได้ขนาด ยี้..!” ภาพทีเห็น ทำให้คนด้านนอกคิดไปไกล
ยึ้ย นี่...เธอทำเสียงจั๊กจี้ เมื่อเห็นพี่ชายกำลังลักหลับเพื่อนตัวเอง ก่อนจะรีบก้าวขาผละออกจากที่หลบเมื่อเห็นพี่ชายเดินออกจากห้องไป แต่ครั้นจะทำเป็นไม่ใส่ใจก็ไม่ได้ เมื่อพี่ชายของเธอเคยรักชอบผู้หญิงมาก่อนแต่เหตุใดจึงเปลี่ยนรสนิยมความชอบ ความตั้งใจแน่วแน่ ทำให้ภัศสรต้องค้นหาความจริงเรื่องนี้เธอต้องรู้ให้ได้!...
ประตูไม้แกะสลักสวยงามค่อยๆ เปิดอ้าไปตามแรงผลัก บรรยากาศในห้องเย็นสบายเมื่อได้บรรยากาศภายนอกพัดผ่านเข้ามาตามช่องหน้าต่างบานใหญ่ที่มีอยู่รอบด้าน เท้าเรียวย่างก้าวไปอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องร่างหนาบนเตียงอย่างไม่ละสายตา ใบหน้าขาวสะอาดตัดกับคิ้วหนาดกดำเด่นชัด ใบหน้าเหลี่ยมคมเข้มรับกับจมูกโด่งสันได้รูป หน้าอกหนามีขนสีอ่อนรำไรโผล่พ้นผ้าห่มผืนหนาให้เห็นชัดเจนสายตา
รอยยิ้มหวานผุดขึ้นมาบนใบหน้าอย่างลืมตัว สายตายังจับจ้องสะดุดตากับภาพที่เห็น
“นะ น้ำ...ขอน้ำ” เสียงแหบแห้งเอ่ยพร่า ลูกนัยน์ตาด้านในของคนหลับกลอกไปมาแต่เปลือกตายังคงปิดสนิท เหมือนคนละเมอ
“หึ... นะ...น้ำหรือ?”
ภัศสรสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ก่อนจะมองซ้ายแลขวาและมุ่งตรงไปยังตู้เย็นขนาดเล็กที่เตรียมพร้อมไว้สำหรับแขกมาพักของพ่อ หากเวลานี้ ห้องพักพวกนี้ว่างเพราะเจ้าของไม่อยู่
น้ำในขวดสำเร็จรูปอย่างดีถูกเปิดออกและรินใส่แก้วอย่างพอดี ถูกยื่นให้คนที่ยังบ่นพึมพำคล้ายคนละเมอเพ้อกระหายน้ำ
“นี่ค่ะน้ำ” ภัศสรบอก พร้อมยื่นแก้วน้ำ โน้มตัวลงไปเล็กน้อยในท่ายืน เพื่อให้ได้ระดับความพอดีตรงหน้าของอีกฝ่าย ในใจไม่มั่นใจนักว่าอีกฝ่ายจะกินไปได้ยังไง ในเมื่อยังอยู่ในอาการของคนครึ่งหลับครึ่งตื่น
หูที่รับสัมผัสเสียงได้ยกมือขึ้นคว้ากลางอากาศ หากแต่สติสัมปชัญญะยังไม่อยู่กับร่องกับรอย คว้ามั่ว บวกกับสายตาที่ยังไม่ได้ปรับแสงให้คุ้นชินปรือขึ้นไม่เต็มสายตา
“โอ๊ะ...!” แก้วน้ำเย็นๆ ทรงสูง หกเลอะบนอกแกร่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภัศสรรีบปัดปาดน้ำบนอกแกร่งด้วยมือที่เหลืออย่างรวดเร็ว เหมือนเป็นการแก้ไขที่หล่อนเองก็ไม่ทันระวัง หากแต่คนที่ยังสะลึมสะลือ กลับไม่รู้สึกอะไรมากนัก กับความเย็นที่รดลงไปบนอกของตัวเอง
ภัศสรวางแก้วน้ำที่หัวเตียงก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ที่นอน เรียวแขนสอดไปใต้ต้นคอแกร่งอย่างนิ่มนวลแล้วดันให้ศีรษะหนาขึ้นสูง พอให้ได้ดื่มน้ำ มือเรียวบางที่เป็นอิสระ หันข้างคว้าแก้วน้ำที่วางไว้ก่อนหน้า ขึ้นจ่อริมฝีปากหนาได้รูปสีแดงเรื่อ หากแต่มีรอยแตกเหมือนคนป่วยหนัก
กลิ่นบางอย่างจากตัวของชายหนุ่ม ก็ทำเอาเธอต้องย่นจมูกทำท่าฟุตฟิตดมกลิ่น รู้สึกวิงเวียนไปชั่วขณะ “หือ?...” เธอครางเสียงในลำคอรับรู้กลิ่นฉุน “ขี้เมานี่หว่า” เธอบ่นเบาๆ เบ้ปากอย่างหยันๆ สลัดลมหายใจออกแรงๆ เพื่อให้พ้นจากกลิ่นฉุนไปด้วย ก่อนจะวางแก้วในมือไว้บนหัวเตียงอีกครั้งแล้วค่อยๆ วางศีรษะคนเมาบนหมอนหนานุ่มตามเดิม
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบลง ภัศสรจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หากแต่ยืนขึ้นได้ไม่ทันได้ก้าวไปไหน แขนเรียวก็ถูกดึงไว้ จนเซถลาล้มตัวทาบทับไปบนเตียงนุ่มที่มีร่างกายแกร่งนอนอยู่อย่างรวดเร็ว
“ว้าย...!” เสียงแหลมของเธอร้องดังแผดออกมาอย่างตกใจก่อนจะหุบฉับ เมื่อเธอเผลอส่งเสียงดังไป
“ตะ...ตา จะ ปาย หนาย...” คำพูดยานคางพร้อมสายตาที่ว่าปิดสนิทก่อนหน้าเริ่มปรือขึ้นปรับแสงได้ดีกว่าครั้งก่อน หากฤทธิ์น้ำเมายังคงอยู่เหนือการควบคุมของเขา ทุกอย่างจึงดูขัดกัน แต่กระนั้นใบหน้าของคนเมาก็มาพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาคนในอ้อมอกหัวใจวาบหวิวไปกับรอยยิ้มนั้น
‘แหนะ ยังจะมายิ้ม’ รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจยิ้มให้ แต่ก็เก็บอาการเขินอายไม่ได้ “อะ...อื้อ ปล่อยสิ ตาไหน ฉันจะกลับแล้ว” เธอรีบบอก พร้อมออกแรงผลักเพื่อออกห่างแต่มันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิด
เมื่อเธอพยายามสะบัดตัวเองออกจากวงแขนที่เริ่มรัดแน่นขึ้น รับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนรดใส่แก้มสุกปลั่งจนไม่กล้าหายใจตอบรับให้อีกฝ่ายได้รู้ ว่าใบหน้าของเธอชิดกับเขาแค่ไหน
ตากลมโตของภัศสรจ้องมองใบหน้าคมเข้มอย่างพินิจด้วยสงสัยว่าอีกฝ่ายเสแสร้งแกล้งทำหรือเพราะอาการเพ้อหาที่เกิดขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจ
หากแต่ดูเหมือน ยิ่งดิ้นอีกฝ่ายจะยิ่งรัด “หือ...ปะ ปล่อย ไอ้...”
เธอเริ่มทนไม่ไหว ยิ่งนานยิ่งเสียเปรียบ เลยตัดสินใจตวาดออกไป หากแต่เสียงติดอยู่ปลายริมฝีปาก เมื่ออีกฝ่ายผงกศีรษะโน้มใบหน้าก่อนจะฉกริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังอ้าจนคำพูดขาดหาย ดูดกลืนลมหายของคนใต้ร่างไปเกือบหมดก่อนจะผละใบหน้าออกห่างเล็กน้อย
“ตา...” เขาร้องเรียกเมื่อผละริมฝีปากออกห่าง พร้อมส่งรอยยิ้มบาดลึกให้สาวสวยที่นอนทาบอยู่บนกายแกร่งเขา ก่อนจะพลิกตัวเองเป็นฝ่ายอยู่ด้านบน กลายเป็นค่อมร่างบอบบางเสียเองอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนรู้สึกว่าตนเองเสียเปรียบอย่างหนัก หากแต่ไม่สามารถทำอะไรไปได้มาก ด้วยความตกใจระคนคาดไม่ถึง
“ฉะ ฉันไม่ใช่ตา!” เธอรีบปฏิเสธเสียงสูง คิดได้ว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ ‘เกร์’ อย่างที่เข้าใจเสียแล้ว คิดเช่นนั้น ภัศสรก็พยายามดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด หากแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังคงไม่เป็นตัวของตัวเอง คำพูดที่พยายามเอ่ยบอกจึงกลายเป็นว่าอีกฝ่ายเข้าใจไปอีกด้าน
“อย่าโกรธผมเลยที่รัก ผมขอโทษ...”
เสียงพร่านัยน์ตายังฉายแววเจ็บปวดของเขา จ้องมองใบหน้าหวาน ‘เธอไม่ให้อภัยเขา แต่เขาไม่ยอม’
ร่างกายและไออุ่นรับรู้การกลับมาของคนรัก มือของเขา พยายามลากผ่านเรือนร่างกลมกลึงไปทั่วกายงามสอดไล่ฝ่ามือ ไปกับร่างกายที่คุ้นชินเพื่อให้รู้ว่าใช่เรื่องจริง มิใช่ความฝัน ก่อนจะกดจูบริมฝีปากนุ่มนิ่มอีกครั้งอย่างมีชั้นเชิง ตามบทรักที่มีติดตัว
ตอนนี้ภัศสรเริ่มเข้าใจแล้วว่าเธอเข้ามาผิดที่ผิดเวลา จนเอาตัวไม่รอด...
ลิ้นร้อนๆ ตวัดสอดล้วงลึกเข้าด้านในโพลงปากหวานที่เปิดอ้า “อึก...อื้อ” เธอพยายามส่งเสียงค้าน หากแต่มันยากเสียเหลือเกินเมื่ออีกฝ่ายใช้ลีลาช่ำชองปิดทางคนด้อยประสบการณ์เสียสิ้น จนสมองเธอเบลอไปชั่วขณะ
หากแต่เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดพยายามฮึดสู้ เท้าเรียวทั้งถีบทั้งดันไปตามจุดต่างๆ ที่พึงกระทำได้ หากแต่คนตัวโตกลับไม่สะทกสะท้าน เหมือนกับว่าสิ่งที่เธอทำมันเป็นแค่การตอบรับเขากระนั้น
“พี่ขอโทษ..”
คำพร่ำรำพันเพียรขอโทษ ยามมีโอกาสไม่หยุดปาก หากแต่เขาก็ไม่หยุดความห่วงหาและความต้องการ อารมณ์คิดถึง
ซอกคอหอมกรุ่น ถูกซุกไซ้จากคนตัวโต เหมือนคนอดอยาก โดยสองมือเรียวที่ไม่เคยผ่านการทำงานหนัก พยายามกดแขนเรียวเล็กที่ดิ้นรนบิดหนีเพื่อหลีกหลบการกระทำของเขา เหมือนไม่ให้อภัย
“อือๆ ปล่อยฉัน!” เธอได้แต่หวีดร้องเมื่อปากเป็นอิสระ น้ำตาเม็ดใสไหลเอ่อด้วยความหวาดกลัว
‘ไม่นะเธอจะไม่ยอมโดนข่มขืนในบ้านของตัวเองแน่…
ความกลัวทำให้เธอคิดได้แค่นั้น ก่อนจะรวบรวมออกแรงผลักอีกครั้ง แต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่ออีกฝ่ายทุ่มน้ำหนักสุดตัวดั่งหินผา เธอจึงตัดสินใจส่งเล็บบางๆกดไปยังแผ่นหลังหนาแล้วครูดไปสุดแรง อย่างตั้งใจ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว และก็เป็นตามที่เธอต้องการ เมื่ออีกฝ่ายสะดุ้งพลามและหยุดชะงักไปเป็นครู่ แต่แล้วก็กลับทำเช่นเดิมอีก เธออยากกรี๊ดให้แก้วหูคนบนร่างแตกยิ่งนัก หากเธอก็ไม่กล้าพอจะตัดสินใจทำ เมื่อรับรู้ว่ามีบางอย่างติดเล็บกลับมาจากการกระทำของเธอเข้าแล้ว
เป็นบ้าอะไร?... เธอก่นด่าตัวเองกับความไม่กล้าพอ
หากแต่คนตัวโตยังสนุกกับร่างกายเต็มตึงนั้น กระดุมเสื้อเม็ดเล็กๆ ถูกกระชากจนขาดกระเด็น เหมือนกับว่าสิ่งนั้นมันทำให้เขารำคาญใจ ไปพร้อมๆ กับอาการโต้ตอบแบบไม่ยอมลง ของคนใต้ร่าง
“กรี๊ดด!!!!...”