“เธอทำให้ฉันต้องเปลี่ยนแผน...มาเรียม” เขาผละจากริมฝีปากบวมเจ่อเล็กน้อยแล้วกระซิบอ้อยอิ่งใช้ลมหายใจอุ่นๆ ร่วมกัน หญิงสาวน้ำตาคลออยู่ในดวงตาแดงก่ำ พยายามหลบหน้าอยู่ตลอดเวลาแต่นิ้วใหญ่ที่ล็อกปลายคางมนอยู่ ทำให้เธอไม่อาจขยับได้ดั่งใจเพราะความเจ็บ
“ไหนลองพูดดีๆ กับผัวหน่อยสิ”
“ฆ่าฉันซะ...” น้ำเสียงสั่นพร่ากลั่นกรองออกมาด้วยความเจ็บแค้นใจ
“ไม่...ถ้าเธอตายมันง่ายไป เธอต้องอยู่ชดใช้สิ่งที่พี่ชายเธอทำกับครอบครัวฉันมาเรียม ไอ้พจน์...มันคงจะอกแตกตายถ้าได้น้องสาวที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของฉันติดตัวไปด้วย”
“แก! อุ้ย!” เพียงขบถคำหยาบหญิงสาวก็ถูกเขาดันตัวเต็มแรงจนแผ่นหลังชนก้อนหินอีกครั้ง เธอหลับตากลั้นหายใจผ่อนคลายความเจ็บจุก แววตาของแดนสรวงวาวโรจน์ขึ้นอีกครั้ง
“ตอนแรกฉันก็คิดจะทำตามใจเธอนั่นแหละ อืม...” ใบหน้าคมสันโน้มซุกตรงซอกคอขาว แลบลิ้นเลียตรงเส้นชีพจรที่เต้นผิดจังหวะของเธอไปพลาง
กลิ่นสาวหอมหวนดึงดูดใจเสียยิ่งกว่าดอกไม้ทั้งดงดอย ลึกๆ แล้วชายหนุ่มก็นึกฉงนใจตัวเองที่นึกเปลี่ยนแผนขึ้นมากะทันหันเพียงแค่ได้เสพสมร่างงามนี้แค่ครั้งเดียว แต่ก็อาจเป็นเพราะว่าเขาร้างราจากเรือนกายของผู้หญิงมาแสนนานจึงติดใจ
แต่มัน...ก็แค่สัญชาตญาณของเพศรสเท่านั้นเอง
“ก็ทำสิ ทำเลย...เพราะถ้าฉันไม่ตายสักวันแกก็ต้องตาย”
“ดูเหมือนหมา...จนตรอก”
“โอ๊ย!!” มาเรียมห่อไหล่อัตโนมัติเมื่อต้นคอระหงของเธอถูกคมฟันขบกัดจนเจ็บระบม มือไม้พยายามปัดป่ายป้องกันตัวเองแต่ก็ถูกแดนสรวงกดตรึงร่างเอาไว้จนแนบติดโขดหิน
เขารุกแรงนัวเนียไม่คิดถนอมเธอแม้แต่น้อย ความปวดร้าวที่กำเริบอยู่ก่อนหน้าบวกกับความหนาวเย็นจากสายน้ำทำให้หญิงสาวนึกกระหยิ่มใจว่าความทรมานคงครอบงำเธอได้อีกไม่นานนักหรอก เพราะหากถูกกระทำป่าเถื่อนดั่งเช่นเมื่อวานอีกเธอคงสิ้นลมหายใจในไม่ช้า
“เจ็บใช่ไหม...หนาวใช่ไหมมาเรียม อา...เธอเหมือนกำลังจะตาย”
“...” แม้จะไม่มีคำตอบ แต่ร่างกายของเธอมันก็ฟ้องทุกอาการโดยไม่อาจปิดบัง
“ขอร้องสิแล้วฉันจะหยุด...” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอเสียงสั่นพร่าด้วย อารมณ์กระเจิดกระเจิงจนมือเกร็งเห็นเส้นเลือดปูดโปน เขาภาวนาให้เธอทำตามคำสั่งก่อนที่ถูกขย้ำบอบช้ำไปมากกว่านี้
ต่อให้ความเจ็บปวดของเธอคือความสุขมากแค่ไหนแต่กมลสันดานฝ่ายดีที่พยายามสะกดเอาไว้มันก็ตะโกนตอกย้ำถึงความผิดชอบชั่วดีอยู่เนืองๆ
บางครั้งเขาจึงเหมือนคุ้มดีคุ้มร้าย หรืออาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้เพราะความขัดแย้งในตัวเอง...
“แกจะหยุด...จริงๆ ใช่ไหม”
“ฉันชื่อแดน...แดนสรวง”
“แดน...อย่าทำฉัน ฉันเจ็บ...” มาเรียมยอมศิโรราบแต่โดยดี เธอไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ถึงจะอยากตายมากกว่าอยู่ แต่ชายหนุ่มคงไม่ยอมปล่อยให้เธอไปสู่สุคติโดยง่ายอยู่แล้ว
“เอาดีๆ...” เสียงทุ้มก่นขู่เบาๆ กระซิบกระซาบใกล้ใบหูของเธอ
“...” หญิงสาวกำหมัดแน่นตัวสั่นเทาทั้งเพราะความกลัวและความหนาว แต่เธอก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปกอดร่างของเขาเอาไว้ กลั้นใจซบใบหน้าแนบอกพอจะเอาออกว่าแดนสรวงอยากให้เธออ่อนข้อกับเขา
“ดีมาก หึ หึ...”
“ปล่อยฉันได้หรือยัง” เธอท้วง
“อาบน้ำซะ...อย่าช้า” กลายเป็นเขาที่ผละตัวเธอออกห่างแล้วหันหลังให้ทันที ร่างใหญ่เดินเร็วผ่าน้ำขึ้นฝั่งไปไม่เหลียวแลกลับมาอีกเลย
มาเรียมหลับตาหนีเรือนกายเปลือยเปล่าของเขาแล้วย่อตัวต่ำให้น้ำท่วมจนถึงหัวไหล่ด้วยความอับอาย ไอร้อนวูบวาบลามเลียผิวหน้าจนเธอรู้สึกได้ทั้งที่สภาพอากาศและในน้ำนี้เย็นยะเยือกเหลือเกิน
เมื่อหญิงสาวลืมตาอีกทีก็พบว่าแดนสรวงสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขานั่งอยู่บนก้อนหินที่โยนเสื้อผ้าของเธอวางเอาไว้สองมือกอดอกและจ้องมายังเธอเขม็งไม่ยอมให้คลาดสายตา
ร่างเล็กพยายามหันหลบและรีบล้างเนื้อล้างตัวเพื่อจะได้ไปจากลำธารนี้เสียที
เธอหนาว...และรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย
แดนสรวงไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามหยาบคายในตอนที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ เขานำเสื้อผ้าไปวางไว้ให้ตรงริมฝั่ง รอเธอแต่งตัวในชุดเสื้อผ้าเก่าๆ ของเขาเองก่อนจะพากันเดินกลับ ซึ่งคราวนี้ชายหนุ่มพามาเรียมเดินมาอีกทาง
เธอไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไม เขาอาจไม่ต้องการให้เธอสับสนก็เป็นได้ เพราะหากจำทางมายังลำธารได้มันก็ง่ายสำหรับการหลบหนีและอาจได้พบกับหมู่บ้านสักที่เร็วขึ้น
สัญชาตญาณของมนุษย์มักปลูกที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งน้ำเพื่อความสะดวกในการดำรงชีวิต...
มาเรียมเดินตามหลังชายหนุ่มที่คอยแหวกหญ้ารกสูงให้เป็นทางในขณะที่เดิน แต่แล้วร่างเล็กก็ต้องสะดุ้งสุดตัวก่อนจะนั่งยองเอามืออุดหูอัตโนมัติเมื่อเสียงปืนดังก้องไปทั้งป่า
เธอกรีดร้องด้วยความตกใจและถูกแดนสรวงดึงตัวไปพร้อมทั้งเอามือของเขาปิดปากสั่นระริกของเธอ
“ถ้าไม่อยากตายก็อยู่เงียบๆ”
“...” มือของแดนสรวงข้างหนึ่งกดเธอให้ซบแผ่นหลังอยู่ในอ้อมกอดของเขาซึ่งนั่งอยู่ติดกัน ส่วนมืออีกข้างก็ยังอุดปากเอาไว้ หญิงสาวหายใจเร็วพยายามตั้งสติแล้วแกะมือเขาออกเพราะรู้สึกหายใจติดขัด