“ว้าว! พี่มาเรียมสวยจัง เหมือนนางฟ้าเลย” สองมือเล็กจับโน่นแตะนี่ไปตามตัวของมาเรียมเพื่อสำรวจพลางเอ่ยปากชมไม่ขาด
“ใส่สร้อยนี่ด้วย มาค่ะ หนูช่วยมัดผมให้” อูซาพูดพลางลากแขนให้มาเรียมนั่งลงบนเตียงแล้วตัวเองก็รีบวิ่งไปเปิดตู้หยิบโน่นหยิบนี่หอบมาวางข้างๆ มาเรียม หยิบหวีและเชือกรัดสีสดใสมาทำผมให้หญิงสาวที่เธอเรียกว่าพี่อย่างเต็มปากเต็มคำ
ไม่มีกระจกให้ส่อง แต่มาเรียมก็รู้สึกมั่นใจว่าเด็กสาวจะช่วยเธอเกล้าผมได้ไม่เลวนัก นี่นับเป็นครั้งแรกหลังจากถูกจับตัวมาที่ได้สวมเสื้อผ้าดีๆ ได้ทำผม มีเครื่องประดับใส่ ซึ่งฟังดูน่าขันอย่างยิ่งสำหรับหญิงสาวที่เคยอยู่กับสิ่งเหล่านี้และเธอมีมันมากมายจนต้องมีห้องเก็บแยกต่างหาก
อูซามีรองเท้าคู่ใหม่ให้เธอด้วย มันเข้ากับเสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่ สองสาวช่วยกันสำรวจความเรียบร้อยก่อนที่อูซาจะลากเธอออกมาด้านนอก แล้วเด็ดดอกกล้วยไม้ป่าในแจกันแขวนตรงหน้าต่างมาเสียบผมที่เกล้าง่ายๆ รัดด้วยเชือกปอสีชมพู
“ตั้งแต่หนูเกิดมา ยังไม่เคยเห็นใครสวยเท่านี้เลย”
“ขอบใจนะ อูซาเป็นเด็กดีมากเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นหน้าที่ของหนู พี่มาเรียมหิวหรือยัง” เด็กสาวถามแต่สายตายังสำรวจอยู่กับร่างระหงของมาเรียมเสียทุกสัดส่วนด้วยความชื่นชม
“ยังหรอก...อูซาจะมาอยู่กับฉันที่นี่เหรอ” เธอถามในขณะที่สายตาก็กวาดมองสำรวจภายในบ้านไม้ไผ่โล่งๆ มีโต๊ะและเก้าอี้เพียงชุดเดียว และตู้สำหรับใส่ของใบใหญ่กว่าในห้องไม่มากนัก
ที่เหลือก็เป็นพวกแจกันดอกไม้ ของประดับจิปาถะ ไม่มีของใช้หรือเครื่องอำนวยความสะอาดอื่น
“ใช่ค่ะ...พี่มาเรียมชอบที่นี่ไหม”
“แล้วพ่อแม่ไม่ว่าเอาเหรอ บ้านอูซาอยู่ไหน ไกลหรือเปล่า”
“คือ...บ้านหนูอยู่ทางโน้นไม่ไกลหรอก แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว หนูอยู่คนเดียวนายแดนเลยให้มาอยู่เป็นเพื่อนพี่มาเรียมนี่แหละ” สีหน้าเด็กสาวหงอยหงออย่างเป็นได้ชัดเมื่อตอบคำถามนั้น
“อ๋อ...ฉันขอโทษนะถ้าทำให้ไม่สบายใจ เรียกฉันว่าพี่เรียมก็ได้ ไม่ต้องเรียกเต็มชื่อหรอกมันยาวไป” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มซึ่งอูซาก็พยักหน้ารับทันที แล้วคว้ามือมาเรียมพาเดินออกจากกระท่อม
อูซาดูเป็นเด็กฉลาด ทำอะไรกระฉับกระเฉงและร่าเริง หญิงสาวรู้สึกถูกชะตาอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังมีความคลางแคลงใจยิ่งนักว่าทำไมอูซาซึ่งดูอ่อนโยนขนาดนี้ไม่มีท่าทีกลัวโจรป่านิสัยเถื่อนทมิฬอย่างแดนสรวงเลย