ตอนที่13

3031 คำ
     เนิ่นนานจนรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจนั่นแหล่ะอีกฝ่ายจึงได้ถอนใบหน้าออกมามองกันด้วยรอยยิ้มหวาน "อยากกลับห้องจัง  อุ๊ยๆ เจ เจ็บๆ" คำพูดทะเล้นตามมาพร้อมเสียงโอดโอยเบาๆเมื่อโดนบิดท้องแขนไม่เบาจากคนหน้าหวาน "หื่นนักเดี๋ยวเถอะถ้ามีภาพหลุดไปละก็เจจะให้ปรางเป็นคนรับผิดชอบ" หึๆ "ทุกวันนี้ก็รับผิดชอบอยู่แล้วนี่คะ เป็นข่าวก็ดีจะได้จัดงานแต่งเร็วๆ" จอมทะเล้นไม่มีเสียล่ะที่จะสลด ก็เธอมั่นใจพอสมควรว่าสภาพที่นั่งวีไอพีแบบนี้มันบังสายตาคนอื่นได้ดีพอสมควรคงยากที่จะมีใครคิดพิเรนทร์ลุกขึ้นมาชะเง้อดูคนอื่นว่าทำอะไรกันอยู่นอกจากดูหนังดีไม่ดีคู่อื่นอาจจะทำมากกว่าคู่เธอใครจะไปรู้     เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นในช่วงบ่ายของวัน จิณตภัทรเงยหน้าขึ้นจากกระดาษเอสี่ในมือก่อนเอ่ยบอกอนุญาต ไม่นานร่างสูงของพี่ชายก็เดินยิ้มเข้ามานั่งลงเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงาน "ยุ่งอยู่เหรอเรา" จิรวัฒน์เอ่ยถามออกไปเมื่อสังเกตุเห็นปึกกระดาษเอสี่ในมือน้องสาวคาดว่าน่าจะเป็นเนื้อเพลงจากบรรดานักแต่งเพลงที่นำมาเสนอ "ไม่เท่าไหร่ค่ะจิณกำลังดูเนื้อเพลงที่ถูกส่งมาเสนอน่ะพี่วัฒมีอะไรหรือเปล่า" "อืม พี่จะมาบอกเรื่องงานน่ะจะให้จิณช่วยไปดูแลแทนพี่หน่อย" "งานอะไรคะ" จิณตภัทรขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย เรื่องหน้าที่รับผิดชอบงานบางเรื่องพวกเธอก็ไม่ค่อยได้คุยกันหากมันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะต้องช่วยกันตัดสินใจ "ก็ไปดูแลศิลปินของเราที่ถูกว่าจ้างให้ไปงานเลี้ยงครบรอบปีของบริษัทxxxx วันเสาร์นี้น่ะ พอดีพี่มีนัดคุยกับลูกค้าเขาเลื่อนไปเป็นวันเสาร์พอดีเลยจะให้จิณช่วยไปดูแลแทนพี่หน่อย" "อ๋อ เรื่องนี้เองไม่มีปัญหาค่ะเดี๋ยวจิณไปแทนได้" เรื่องการออกไปดูแลศิลปินในค่ายถ้าหากว่ามีนักร้องไปหลายคนไม่จิรวัฒน์หรือเธอจะต้องติดตามไปดูแลพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องด้วย ยกเว้นงานว่าจ้างเล็กๆที่ศิลปินสามารถดูแลตัวเองได้ระดับผู้บริหารก็จะปล่อยให้ผู้จัดการดูแลกันเอง ซึ่งงานที่พี่ชายพูดถึงเป็นงานค่อนข้างจัดใหญ่เพราะเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจแขกรับเชิญที่ถูกว่าจ้างไปโชว์ตัวก็มีทั้งดารานักแสดงและศิลปินในค่ายเธอก็ถูกว่าจ้างไปถึงสามคน "ถ้างั้นคืนนี้จิณก็ต้องเตรียมตัวจัดกระเป๋าได้แล้วนะ ต้องออกเดินทางพรุ่งนี้แล้วห้องพักพี่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว" "แล้วจิณต้องไปพร้อมทีมสตาฟของเราใช่ไหมคะ" "ใช่ไม่ต้องขับรถไปเองนะพี่เป็นห่วงไปพร้อมทีมงานเรานั่นล่ะส่วนนักร้องเขาไปกับผู้จัดการวันเสาร์  จิณแค่ไปคอยดูแลเผื่อมีอะไรฉุกเฉินแค่นั้นแหล่ะ" จิรวัฒน์อธิบายโดยละไว้หนึ่งเรื่องคือคนที่จะมารับน้องสาวเขาพรุ่งนี้  ขืนบอกไปเชื่อว่าจิณตภัทรคงหาทางเลี่ยงขับรถไปเองแน่ๆ "โอเคค่ะ จิณจะได้เตรียมตัว" หลังจากพี่ชายออกจากห้องไปใบหน้าใสก็เหม่อออกไปทางหน้าต่างกระจก หลังจากได้มีเวลาเจอหน้าพูดคุยกันตั้งแต่วันวาเลนไทน์เธอก็ไม่ได้เจอกับอัยศิกาเลยจนกระทั่งตอนนี้ แต่งานนี้คงจะหนีหรือหลบหน้ากันไม่พ้นเมื่อพี่สาวคนสวยต้องไปดูแลคุมงานโดยตรงในเมื่อบริษัทของอัยศิกาถูกว่าจ้างมาติดต่อกันสี่ปีแล้วเรื่องออแกไนท์งาน เสียงรถยนต์ดังเข้ามาจอดหน้าบ้านในเวลาเก้าโมงกว่า ร่างสูงเพรียวเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย "อ้าวหนูอัย มารับน้องเหรอหรือลูก" พรทิวาทักทายสาวสวยว่าที่ลูกสะใภ้ "สวัสดีค่ะคุณป้าคุณลุง อัยมารับจิณค่ะ" "นั่งรอน้องก่อนลูก เพิ่งทานอาหารเช้ากันไปสักพักตอนนี้คงไปอาบน้ำแต่งตัวอยู่" อัยศิกายิ้มรับก่อนจะเข้าไปนั่งลงโซฟารับแขกข้างผู้ใหญ่ "งานปีนี้เขาจัดใหญ่กว่าทุกปีใช่ไหมหนูอัย" จักรกฤษเอ่ยถามลูกสาวเพื่อนที่เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก "ใช่ค่ะคุณลุง อัยกับทีมงานเลยต้องเตรียมตัวค่อนข้างเยอะไม่อยากให้มีปัญหาอะไรค่ะ" "อืมดีแล้วลูก แต่ลุงเชื่อว่าหนูจัดการได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะงานระดับประเทศยังเคยผ่านมาแล้วนี่" "ถึงยังไงอัยก็ไม่กล้าประมาทค่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นสู้เราเตรียมพร้อมตลอดเวลามันรู้สึกสบายใจกว่าค่ะ" จักรกฤษพยักหน้ายิ้มเอ็นดูเห็นด้วยกับสาวรุ่นลูก อัยศิกาไม่ได้มีดีเพียงหน้าตา แต่ที่ผ่านมาลูกสาวเพื่อนคนนี้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นมาหลายปีว่าเธอสามารถบริหารและนำพาบริษัทให้มั่นคงก้าวหน้าได้ไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอก "แหมมาเร็วนะอัยกลัวใครบางคนชิ่งหนีหรือไง" จิรวัฒน์ที่ออกไปคุยโทรศัพท์เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นเอ่ยทักคู่หมั้นตัวเองยิ้มๆ "กลัวน้องรอนานมากกว่า ไปถึงเร็วจะได้มีเวลาดูงานเตรียมความพร้อมไม่ต้องรีบร้อนมาก แล้วนี่นายไม่เข้าบริษัทเหรอวันนี้" "เข้าบ่ายน่ะ เดี๋ยวต้องออกไปคุยกับลูกค้าตอนสิบเอ็ดโมงก่อน" จิณตภัทรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็จัดการหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กลงมาชั้นล่าง เสียงพูดคุยกันแว่วมาจากห้องนั่งเล่นให้นึกสงสัยว่ามีแขกที่ไหนมาบ้าน จนเมื่อเดินเข้ามาใกล้และได้เสียงหวานคุ้นหูนั่นแหล่ะที่พาใจเต้นขึ้นมา "นั่นไงน้องมาพอดี พี่เขามารับน่ะลูก" พรทิวาส่งเสียงบอกลูกสาวเมื่อเห็นเจ้าตัวหิ้วกระเป๋าเข้ามาวางข้างทางเดิน "อ้าว แล้วรถตู้ของทีมงานละคะ" "รถทีมงานเต็มแล้วล่ะพอดีพี่ให้ทีมงานของพี่อีกสี่คนไปกับทีมสตาฟของบริษัทจิณน่ะ" "ไปกับพี่นั่นล่ะลูกดีแล้วจะได้นั่งรถเป็นเพื่อนพี่เขา ฝากดูแลน้องด้วยนะอัย" จักรกฤษบอกลูกสาวก่อนหันมาฝากกับคนเป็นพี่ที่ยิ้มรับ "ค่ะ งั้นเราไปกันเลยดีกว่าค่ะไปถึงโน่นคงเที่ยงพอดี" อัยศิกาบอกพร้อมลุกขึ้น ก่อนจะยิ้มขำเมื่อจิรวัฒน์เอียงหน้ามากระซิบข้างหู "ห้ามทำอะไรน้องฉันนะ" ภาพที่เห็นพาใจแปลบปลาบอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพี่ทั้งสองแสดงความใกล้ชิดหยอกเย้ากันต่อหน้าแบบนี้ "จิณไปนะคะคุณพ่อคุณแม่" ร่างของน้องสาวที่หิ้วกระเป๋าเดินนำออกไปหน้าบ้านแทบจะทันที ทำให้จิรวัฒน์ต้องหันมองหน้าคนที่อยู่ในสถานะคู่หมั้นลับๆ หึๆ เสียงหัวเราะในลำคอบอกให้รู้ว่าอัยศิกาพอใจที่ได้เห็นอาการของอีกคนก่อนจะหันมาบอกลาผู้ใหญ่แล้วรีบเดินตามออกไป "เป็นอะไรคะหรือว่านอนไม่พอเงียบเชียว" คนเป็นพี่เอ่ยถามคนที่นั่งเงียบมาร่วมยี่สิบนาทีตั้งแต่ออกมาจากบ้าน "เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ" แล้วไอ้เรื่องที่คิดก็ไม่พ้นความรู้สึกตัวเองกับภาพความใกล้ชิดของพี่ๆนั่นล่ะ เธอไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยอาการแปลบๆเหมือนมีอะไรเสียดแทงที่หัวใจแบบนี้ "ถ้าอยากเข้าห้องน้ำก็บอกนะคะ พี่จะได้แวะปั้มให้" อัยศิกาบอกเพราะการเดินทางไปสถานที่จัดงานคือเขาใหญ่ขับรถไม่ถึงสองชั่วโมง "ค่ะ แล้วทีมงานเขาเดินทางกันหรือยังคะ" "น่าจะออกไปตั้งแต่แปดโมงแล้วนะคะป่านนี้คงจะถึงกันแล้วล่ะ" "ได้ข่าวว่าเขาเหมารีสอร์ททั้งหมดเพื่อจัดงานเลยเหรอคะ" "ค่ะก็ทั้งพนักงานระดับสูงกับผู้บริหารของบริษัทก็เกือบห้าร้อยคนแล้วน่ะ แถมยังมีตัวแทนบริษัทคู่ค้าที่มาร่วมด้วยอีกก็น่าจะเป็นร้อยแหล่ะพี่ว่า" "งานใหญ่นอกสถานที่แบบนี้จิณเพิ่งเจอนี่ล่ะ" "ตื่นเต้นเหรอคะ งานนี้ดาราพิธีกรดังหลายคนมาเยอะพอสมควรแหล่ะ ขนาดปีที่ผ่านมาก็มากันเกือบสิบคนแหน่ะ" "ก็ตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะนานๆจะได้ออกงานนอกกรุงแบบนี้" พอมีเรื่องอื่นให้คุยก็พอจะทำให้ลืมเลือนความรู้สึกแปลกๆไปได้บ้าง "เออจิณถ้าเจอเจพี่ฝากถามหน่อยนะว่าช่วงเดือนพฤษภาพอจะมีคิวว่างหรือเปล่า พี่อยากได้มาขึ้นปกให้หน่อยนานแล้วไม่ได้ใช้บริการรู้สึกคิวจะแน่นตลอดเลยพอกันกับพายนั่นล่ะ ถ้าเป็นไปได้พี่อยากได้เพื่อนเราทั้งสองคนมาขึ้นปกนิตยสารฉบับพิเศษนี้น่ะ" "อ๋อค่ะ  ถ้ายังไงเดี๋ยวจิณถามเพื่อนให้นะคะไม่ได้เจอกันเท่าไหร่ช่วงนี้" ตั้งแต่งานหมั้นของเพื่อนสนิทเมื่อสี่เดือนก่อนพวกเธอก็ยังไม่มีเวลาได้เจอะเจอกันได้แต่ถามไถ่ผ่านข้อความแชทเท่านั้น ชั่วโมงครึ่งกับการเดินทางทั้งคู่ก็มาถึงรีสอร์ทดังที่จะเป็นสถานที่สำหรับจัดงานในวันพรุ่งนี้  "จิณนั่งรอในรถก็ได้ค่ะเดี๋ยวพี่ไปเอากุญแจก่อน" "เอ่อ แล้วพี่อัยรู้เหรอคะว่าจิณพักห้องไหน" "รู้ค่ะ" คนเป็นพี่บอกกลับยิ้มๆทำไมจะไม่รู้ล่ะเด็กน้อยก็มันห้องเดียวกันนี่นะ  "ขอบคุณค่ะ" คนที่ไม่รู้อะไรบอกขอบคุณก่อนที่ร่างสูงจะลงจากรถตรงไปหาเจ้าหน้าที่ตรงด้านหน้าออฟฟิศ ไม่นานก็เดินกลับมาขึ้นรถแล้วขับออกไปตามถนนที่มีลูกศรชี้บอกชื่อสถานที่พักแต่ละโซน จิณตภัทรสอดส่ายสายตามองบริเวณรอบๆไปเรื่อยรีสอร์ทแห่งนี้เธอเคยได้ยินแต่ชื่อแต่ไม่เคยมา พอมาเห็นสถานที่จริงก็ต้องแอบชื่นชมในใจว่าน่าพักผ่อนจริงๆอัยศิกาขับรถมาจอดตรงบ้านพักหลังเล็กกะทัดรัดในเวลาไม่นาน "หลังนี้แหล่ะค่ะ ป่ะเอาของไปเก็บกัน" "เอ่อ เดี๋ยวนะคะพี่อัยพี่วัฒจองบ้านเป็นหลังแบบนี้ให้จิณเหรอคะ?" "ไม่ใช่วัฒหรอกค่ะ พี่เป็นคนจองเองและพี่ก็ต้องดูแลจิณด้วยเพราะฉะนั้นเพื่อตัดปัญหาจิณก็พักกับพี่นี่แหล่ะง่ายสุด ไปค่ะเอาของไปเก็บจะได้ไปหาอะไรทานกันนี่เที่ยงแล้วพี่ชักหิวล่ะ" คนร่างสูงพูดจบก็ก้าวลงไปเปิดท้ายรถหยิบกระเป๋าเดินทางทั้งของตัวเองและของอีกคนที่ก้าวตามลงมาด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงให้คนเจ้าเล่ห์นึกขำในใจ เป็นอะไรนักหนาล่ะเด็กน้อยของพี่เมื่อก่อนก็นอนด้วยกันบ่อยๆแถมงอแงด้วยซ้ำเวลาที่พ่อแม่ไม่ให้ค้างที่บ้านเธอ      คนเป็นน้องหิ้วกระเป๋าเดินตามร่างสูงเข้าไปในบ้านพักหลังเล็กน่ารักด้วยความรู้สึกอึนๆยิ่งเข้ามาเห็นว่าภายในบ้านมีห้องพักเพียงห้องเดียวคนอายุน้อยกว่ายิ่งทำหน้าไม่ถูกเข้าไปอีก แค่นั้นยังไม่พอห้องเดียวเตียงเดี่ยวอีกต่างหากถึงมันจะเป็นเตียงขนาดคิงไซ้ส์ก็เหอะ "จะจัดของก่อนหรือไปทานอะไรกันก่อนดีคะ" อัยศิกาเอ่ยถามโดยมองข้ามท่าทางกระอักกระอ่วนของอีกฝ่าย นี่เด็กน้อยของเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าไม่เคยนอนห้องเดียวกันซะเมื่อไหร่สมัยเป็นเด็กอีกคนทั้งงอแงขี้อ้อนหลับในอ้อมกอดเธอทุกทีที่ได้ค้างกับเธอ แล้วดูหน้าตาจิณตภัทรตอนนี้สิยังกับถูกบังคับให้กินยาขม "คือ  ถ้าพี่อัยไม่หิวจนเกินไปเราจัดของให้เสร็จก่อนก็ได้ค่ะ" จิณตภัทรเสนอเพราะแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดกับของใช้ส่วนตัวมันคงใช้เวลาไม่นาน "โอเคค่ะงั้นจัดของก่อนแล้วค่อยออกไปกัน" ทั้งคู่จัดการสิ่งของเข้าตู้หลังใหญ่ไม่นานก่อนที่จะพากันออกมายังร้านอาหารของรีสอร์ท "เดี๋ยวทานเสร็จพี่จะไปดูสถานที่จัดงานต่อนะจิณจะกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้" "เดี๋ยวจิณไปด้วยค่ะจะได้คุยกับทีมงานเผื่อมีปัญหาอะไร"    หลังจากพากันทานอะไรเรียบร้อยทั้งคู่ก็พากันไปยังห้องประชุมใหญ่ของรีสอร์ทซึ่งจะใช้ในงานช่วงกลางวันของพรุ่งนี้การเตรียมงานก็เหมือนการจัดแถลงมอบเป้าหมายแผนงานของบริษัทระหว่างผู้บริหารกับพนักงานระดับหัวหน้า ซึ่งส่วนนี้บริษัทของอัยศิกานั้นรับผิดชอบไปจนกระทั่งงานเลี้ยงสังสรรค์ตอนเย็น จิณตภัทรแยกตัวออกมาหากลุ่มสตาฟของตัวเองซึ่งวันนี้แทบจะไม่มีอะไรให้ทำโดยตรง แต่ด้วยความที่ส่วนงานนั้นพอจะรู้จักกันดีกับทีมงานของอัยศิกาบรรดาพวกผู้ชายเลยไปร่วมด้วยช่วยฝ่ายเทคนิคกันไปส่วนสตาฟผู้หญิงที่มาด้วยกันก็ช่วยหยิบจับสิ่งไหนที่พอช่วยได้บริการเสิร์ฟน้ำบ้างทำให้ผู้บริหารเห็นแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้กับภาพที่เห็น "เตรียมงานกันถึงไหนแล้วคะเนี่ย" จิณตภัทรเดินเข้าไปทักถามหนุ่มร่างใหญ่ที่เธอพอจะคุ้นหน้าตาอยู่บ้าง "กำลังติดตั้งระบบไฟแล้วก็พวกเทคนิคที่จะใช้ในเวทีประชุมพรุ่งนี้ครับคุณจิณเดี๋ยวติดตั้งเสร็จก็จะทดสอบระบบให้เรียบร้อยครับ นี่ดีนะได้ผู้ช่วยจากฝั่งคุณจิณงานเลยใกล้เสร็จแล้วครับ" "ดีแล้วละคะ เพราะยังไงวันนี้พวกพี่โจ้ก็ว่างกันอยู่แล้วใช่ไหมพี่โจ้" จิณตภัทรหันไปแซวพนักงานตัวเองที่กำลังช่วยกันเช็คระบบเครื่องเสียงอยู่ "อ่อครับคุณจิณ แต่พวกผมไม่ได้ช่วยฟรีหรอกครับเพราะคืนนี้ต้องมีเลี้ยงนอกรอบครับใช่ไหมพวกเราฮ่าๆ" เสียงพูดคุยหัวเราะชอบใจของทีมงานกลุ่มใหญ่พาให้รองประธานค่ายเพลงยิ้มตามไปด้วย มิตรภาพของพนักงานสองบริษัทมักจะมีให้เห็นกันอยู่เสมอ เมื่อพูดคุยถามไถ่กันพอสมควรจิณตภัทรถึงได้มองหาอีกคนที่หายไปไหนก็ไม่รู้หลังจากเดินเข้ามาสอบถามทีมงานตัวเองเมื่อชั่วโมงก่อน "ผมเคยได้ยินแต่ชื่อเสียงของบริษัทเพิ่งมีโอกาสได้เห็นทีมงานแถมยังได้เจอประธานบริษัทตัวเป็นๆรู้สึกยินดีจริงๆเลยครับ" อัยศิกาเพียงยกยิ้มมุมปากกับคำกล่าวของผู้จัดการรีสอร์ท "ขอบคุณนะคะคุณวีกิจที่อุตส่าห์พาเดินดูสถานที่จัดงาน" "ยินดีอย่างยิ่งเลยครับคุณอัยศิกา มีอะไรอยากให้ทางรีสอร์ทช่วยก็แจ้งผมได้เลยนะครับ" ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมากทีเดียวทั้งหน้าตาและตำแหน่งการงานถ้ามีโอกาสได้พูดคุยสานสัมพันธ์กันไว้มันย่อมดีสำหรับเขาแน่ วีกิจคิดอย่างพอใจในรูปลักษณ์ของหญิงสาวตรงหน้า "พี่อัย มาอยู่นี่เองจิณหาซะทั่วเลย" จิณตภัทรรีบเดินเข้าไปหาคนเป็นพี่เพราะรู้สึกหงุดหงิดสายตาจนทนไม่ไหว คุยอะไรนักหนาเธอยืนหลบมุมมองอยู่นานสองนานแล้วยิ่งสายตาผู้จัดการที่มองคนเป็นพี่เธอยิ่งทำให้จิณตภัทรไม่ชอบใจจนต้องเสียมารยาทเอาตัวเองเข้ามาแทรก "พอดีพี่ออกมาเดินดูจุดที่จะทำเวทีงานเลี้ยงคืนพรุ่งนี้น่ะ จิณมีอะไรหรือเปล่าหืม" อัยศิกายิ้มอ่อนให้คนหน้างอที่เดินเข้ามาเกาะแขนเธอ เป็นอะไรขึ้นมาอีกละเนี่ย "จิณนึกว่าหายไปไหน แล้วนี่ดูกันเสร็จหรือยังคะพาจิณไปข้างนอกหน่อย" "เสร็จแล้วล่ะพี่กำลังจะกลับเข้าไปข้างในพอดี แล้วจะไปทำอะไรข้างนอกคะนี่ก็จะสี่โมงเย็นแล้วนะ" "พี่อัยพาจิณไปดูไร่ที่เขาเปิดเที่ยวหน่อยนะคะไหนๆก็มาแถวนี้แล้วจิณยังไม่เคยไปเลยนะ" อัยศิกาอมยิ้ม มาอ้อนแบบนี้ชักจะยังไงแล้วล่ะ แต่เธอก็ไม่คิดจะขัดความต้องการอีกคนหรอก "คุณวีกิจฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณที่ช่วยดูแลถ้ามีอะไรต้องการความช่วยเหลือฉันจะบอกค่ะ"  "อ่ะ ครับยินดีครับ มีอะไรขอให้รีบแจ้งเลยนะครับคุณอัยศิกา" อัยศิกายิ้มส่งให้ตามมารยาทก่อนจะพาอีกคนเดินออกมาโดยที่ไม่คิดจะแนะนำให้ผู้จัดการหนุ่มได้รู้จักแม้แต่น้อยปล่อยให้ผู้จัดการรีสอร์ทมองตามสาวสวยทั้งคู่ด้วยความสงสัยแกมอยากรู้ "นึกยังไงคะอยากจะไปเที่ยวชมไร่น่ะฮึ" "ไม่นึกยังไงค่ะ อยากไปก็คืออยากไปแค่นั้นเอง" คนเป็นน้องตอบกลับน้ำเสียงเง้างอนเธอแค่ไม่ชอบใจที่อัยศิกาไปยืนคุยกับอีตาผู้จัดการนั่นเป็นนานสองนาน ดูสายตาก็รู้ว่าอีตานั่นหาเรื่องอยากจะสานสัมพันธ์ด้วย พี่เธอก็อะไรตัวเองมีคู่หมั้นอยู่นะถึงจะไม่มีสัญลักษณ์โชว์ให้คนอื่นเห็นก็เถอะ เธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจทั้งอัยศิกาและพี่ชายเท่าไหร่ว่าทำไมทั้งคู่ถึงไม่มีแหวนหมั้น มีเพียงคำพูดที่ผู้ใหญ่บอกกล่าวให้รับรู้เมื่อห้าปีก่อนแค่นั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม