หลังทานมื้อเช้าเรียบร้อยนางเอกสาวก็พาอีกคนลงมาแจ้งข้อมูลบุคคลและทะเบียนรถให้ทางนิติคอนโดรับรู้
"ถ้าเจกลับดึกเดี๋ยวข้อความบอกนะคะ ปรางก็หาอะไรทานได้เลยไม่ต้องรอ"
"ค่ะ งั้นปรางไปทำงานนะ"
"ค่ะ ขับรถดีๆล่ะ"
ร่างสูงพยักหน้ายิ้มให้ก่อนทั้งคู่จะแยกกันหน้าลิฟท์ เจติยากลับขึ้นมายังห้องพักจะให้นอนต่อคงไม่หลับแล้วล่ะ ร่างบางเลยเปิดประตูห้องนอนอีกห้องเข้าไปจัดการเปลี่ยนผ้าปูกับปลอกหมอนชุดใหม่จัดการทำความสะอาดไว้เรียบร้อย แต่ดูแววแล้วคนเจ้าเล่ห์คงจะไม่ยอมมานอนห้องนี้แน่ๆใบหน้าหวานยกยิ้มกับตัวเองก็พอจะรู้ทันอีกคนอยู่หรอกแต่ไม่รู้ไปพูดยังไงมารดาเธอถึงได้ยอมให้หอบผ้าผ่อนมาขนาดนี้
หนึ่งสัปดาห์ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันภายในห้องชุดของนางเอกสาวทุกอย่างดูเหมือนจะมีความสุขราบรื่นดี แม้บางวันเจติยาจะกลับมาถึงที่พักค่อนคืนแต่อย่างน้อยตื่นมาก็ยังได้เห็นหน้ากันบ้าง
"พรุ่งนี้ปรางกลับไปนอนบ้านใช่ไหม"
ร่างบางเอ่ยถามอีกคนในเช้าวันศุกร์
"ค่ะ แล้วเจล่ะ"
"พรุ่งนี้ยังมีถ่ายละครอยู่แต่วันอาทิตย์น่าจะได้เลิกกองเร็วเพราะมีคิวแค่ช่วงเช้าเจเลยว่าจะกลับไปวันอาทิตย์ค่ะ"
"อืม ถ้าเลิกไวเดี๋ยวปรางไปทานข้าวที่บ้านด้วย"
เจติยายิ้มก่อนจะเอ่ย
"ไปรายงานตัวกับคุณแม่เหรอคะ"
หึๆ
"ทำไมรู้ล่ะ ก็แค่อยากทำตัวเป็นว่าที่เขยที่ดีแค่นั้นเอง"
"เหรอออ"
คำพูดเหมือนรู้ทันเรียกเสียงหัวเราะจากอีกคนขึ้นมาให้นางเอกสาวส่ายหน้ายิ้มๆ ตั้งแต่อีกฝ่ายมาพักด้วยสรุปคือห้องที่เตรียมไว้ก็ยังไร้คนนอนเหมือนเดิมเพราะจอมเจ้าเล่ห์เอาแค่เสื้อผ้าไปใส่ไว้ในตู้แถมยังแบ่งเครื่องสำอางค์บางส่วนไปวางไว้ในห้องนั้น แต่ตัวเองก็มาคลุกอยู่ที่ห้องเธอทุกคืนจะดีหน่อยก็ตรงที่ไม่หื่นปลุกปล้ำเธอเหมือนคืนที่เมาเท่านั้นแหล่ะ
****
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือเครื่องบางดังขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่สว่าง ให้สองร่างที่หลับไหลในอ้อมกอดกันสะดุ้งตื่นร่างบางขยับตัวเมื่อเสียงที่ได้ยินน่าจะเป็นเครื่องของตัวเอง เจติยายื่นมือไปคว้าเอาเจ้าสี่เหลี่ยมบนหัวเตียงที่ส่งเสียงดังมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ผู้จัดการ
"ฮัลโหลพี่ทิวา มีอะไรหรือเปล่าคะโทรมาปลุกกันเนี่ย"
น้ำเสียงงัวเงียกรอกลงไป
"โทษทีนะจ๊ะคุณน้องที่โทรมาปลุกก่อนน่ะ พอดีพี่ทิพส่งเมสเสสมาบอกว่าคิวน้องเจเช้านี้เลื่อนไปก่อนนะคะ เพราะตากล้องเราพาภรรยาไปคลอดลูกค่ะวันนี้เราก็เลยว่างพี่จะกลับนครปฐมสักหน่อยเลยรีบโทรมาบอกคุณน้องจะได้พักผ่อนยาวๆเลยค่ะ"
" ภรรยาพี่เอกคลอดแล้วเหรอคะพี่ทิวา"
"ตอนนี้พี่ก็ยังไม่รู้ว่าคลอดหรือยังค่ะ แต่ข้อความพี่ทิพส่งมาตอนตีสี่นี่เอง พอดีพี่ตื่นมาเข้าห้องน้ำจะเปิดดูเวลาเห็นพอดีเลยรีบโทรมาบอกน้องเจนี่แหล่ะ"
"อ๋อ ค่ะ ถ้างั้นพี่ทิวาก็กลับบ้านเถอะค่ะ ขับรถดีๆนะคะไว้เราค่อยไปเยี่ยมภรรยาพี่เอกอีกที"
"ใครเป็นอะไรเหรอคะ"
เสียงงัวเงียของคนที่ซุกกอดกันเอ่ยถามขึ้นเพราะจับใจความที่ได้ยินไม่รู้เรื่อง
"ภรรยาพี่ตากล้องประจำกองจะคลอดลูกค่ะ วันนี้คิวถ่ายละครเช้าเลยยกเลิกไปก่อนน่ะ"
"อือ ก็ดีนี่เจจะได้พักผ่อน"
"ค่ะ"
เสียงดังเตือนปลุกอีกครั้งหลังจากที่ทั้งคู่หลับไปคราวนี้เป็นร่างสูงที่ตื่นขึ้นมาควานหาต้นตอเพื่อปิดเสียง
"กี่โมงแล้วคะปราง"
เสียงงัวเงียเอ่ยถามทั้งที่ใบหน้าหวานยังซุกอยู่กับอกอุ่น
"แปดโมงเช้าแล้วค่ะ เจนอนพักต่อเถอะวันนี้ปรางนัดเพื่อนไว้น่ะ"
"อือ นัดกี่โมงคะ แล้วเพื่อนคนไหน"
ปรางวรัญยิ้มขำกับคนขี้เซาที่ถามทั้งยังไม่ลืมตา
"นัดยัยวิวสิบเอ็ดโมงค่ะ ที่ห้างเดอะฟาวเวอร์"
พอได้ยินชื่อห้างใหญ่ที่อยู่ใจกลางกรุงเจติยาก็เงยหน้าขึ้นมาบอกทันที
"เจไปด้วย"
"หืม ได้หยุดทั้งทีไม่อยากพักผ่อนเหรอคะ"
ปรางวรัญเอ่ยถามจะว่าไปตั้งแต่หมั้นกันมาเธอกับเจติยาก็ยังไม่เคยออกไปข้างนอกด้วยกันสักครั้งนอกจากไปบ้านของแต่ละฝ่ายเท่านั้น
"ไม่พักค่ะ วันนี้เจจะไปใช้สิทธิตามสัญญาการพนันของเรา อย่าคิดว่าเป็นคู่หมั้นแล้วจะรอดนะคะเจไม่ยอมแน่"
สายตาหมายมาดพร้อมมือเรียวที่ยื่นไปบีบจมูกโด่งอย่างหมั่นเขึ้ยวให้คนที่ตกเป็นคนแพ้ร้องครวญ
"โถนึกว่าจะใจดียกเลิกไปแล้วซะอีกเฮ้อ แล้วไปเดินห้างด้วยกันแบบนี้จะไม่โดนจับได้เหรอคะ"
"เรื่องนี้ปรางไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เจมีวิธีเอาตัวรอดก็แล้วกันเตรียมเปย์ก็พอค่ะ"
ปรางวรัญหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องนอนออกมาอดที่จะยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นนางเอกสาวที่รูปลักษณ์ตอนนี้ยังกับเด็กสาวมหาลัยใบหน้าหวานที่ไร้การแต่งหน้าผมยาวที่ถูกมัดเป็นหางม้าง่ายๆแถมยังเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์แนวแฟชั่นที่มีรอยขาดถ้ามองเผินๆก็คงจะคิดว่าเป็นเด็กสาวที่หน้าตาคล้ายนางเอกคนดังมากกว่าจะเป็นนางเอกตัวจริง
"เป็นไงคะลุคนี้พอจะทำให้คนเมินได้ไหม"
ร่างบางเดินเข้าไปนั่งลงที่โต๊ะอาหารซึ่งคนตัวสูงจัดมื้อเช้าง่ายๆเพื่อกินรองท้องแค่นั้น
"อืมก็พอได้ค่ะ แต่ถ้าคนที่เป็นแฟนคลับจริงๆเขาเห็นก็คงจำได้อยู่ดีแหล่ะ"
"ปรางไม่ต้องกังวลมากหรอกค่ะ ถ้าหากเกิดมีใครจำได้แล้วเราเป็นข่าวขึ้นมาจริงๆเจก็พร้อมที่จะเปิดเผยเรื่องของเรานะปกปิดแบบนี้เจก็อึดอัดเหมือนกัน"
"ความลับไม่มีในโลกหรอกค่ะปรางแค่ห่วงกลัวจะกระทบงานเจเท่านั้นแหล่ะ"
"หือ แฟนใครน่ารักจัง"
มือบางยื่นไปบีบแก้มขาวอีกคนและยิ้มหวานให้ด้วยความรู้สึกดีที่คนตรงหน้าห่วงใยและเข้าใจกัน
"น่ารักแล้วเจต้องรักให้มากๆนะรู้ไหม"
"แน่นอนอยู่แล้วคะรักมากหวงมากด้วยอย่าทำอะไรให้เจหึงขึ้นมาระวังจะเจ็บตัวไม่น้อย"
"แหน่ะข่มขู่กันอีกแล้วนะคะเห็นปรางเป็นคนเจ้าชู้หรือไง"
ใบหน้าสวยยิ้มล้อให้กับความขี้หวงของคนตรงหน้า
"ไม่รู้ล่ะบอกเอาไว้ก่อนจะได้ไม่กล้าแม้แต่จะคิด"
"ว่าที่ภรรยาดุขนาดนี้ใครจะกล้าหือกันละคะ"
"ให้มันจริงเถอะคะ"
ทั้งคู่มาถึงห้างดังกลางกรุงพอดีกับเวลานัด ปรางวรัญหันไปมองคนข้างกายที่ตอนนี้สวมแว่นกันแดดอันใหญ่ปิดบังใบหน้าใสไปครึ่งหน้าและเสื้อคลุมแจ็คเก็ตสีน้ำเงินเข้ม
"แน่ใจนะคะว่าแค่นี้จะพรางตัวได้น่ะ"
"เอาน่าถ้าไม่มานั่งจับผิดกันจริงๆก็ไม่มีใครจำได้หรอกค่ะร้านที่นัดก็มีโซนวีไอพีไม่ใช่เหรอคะ"
"อืม งั้นก็ไปค่ะเดี๋ยวยัยวิวบ่นอีกนัดทีไรปรางสายตลอด"
เมื่อสองสาวเดินเข้ามาภายในร้านอาหารปรางวรัญแจ้งกับพนักงานว่านัดเพื่อนเอาไว้แล้วเมื่อแจ้งชื่อไปพนักงานในร้านก็นำไปยังโต๊ะวีไอพีด้านในซึ่งถูกกั้นด้วยกระจกแยกจากด้านนอก
"ขอบคุณนะคะ"
ปรางวรัญเอ่ยขอบคุณพนักงานก่อนที่จะหันมามองเพื่อนตัวเองที่นั่งจ้องมาที่เธอหัวคิ้วขมวดมุ่น
"หวัดดีแกโทษทีมาช้า"
ร่างสูงเอ่ยทักทายเพื่อนก่อนจะดันร่างบางของเจติยาให้เข้านั่งด้านใน
"เออ ไม่เป็นไรฉันก็เพิ่งมาถึงสักพัก...แล้วนี่"
วิลาสินีพยักเพยิดหน้าไปยังคนข้างๆเพื่อนแต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบสาวปริศนาก็เผยใบหน้าหวานด้วยการถอดแว่นอันโตออกแล้วส่งยิ้มมาให้พร้อมคำทักทาย
"หวัดดีค่ะ"
"จะ เจติยา!? อะไรยังไงมาด้วยกันได้ไงเนี่ยยัยปรางแกไปรู้จักดาราแถวหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
เจติยาอมยิ้มขำกับหน้าตาตื่นของสาวสวยหน้าใสที่เบิกตาอ้าปากแล้วหันไปรัวคำถามใส่เพื่อนตน
"เรื่องมันยาวน่ะแกขอสั่งอาหารก่อนได้ไหมตอนนี้หิว"
"เออๆ"
วิลาสินียื่นเมนูให้เพื่อนกับดาราสาวเพื่อเลือกสั่งอาหาร
"อาหารเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ว่าแต่วันนี้พี่เกรซของแกไม่มาเหรอ"
"บ้า ยังไม่ใช่ของฉันย่ะตอนนี้เอาเรื่องของแกก่อนเหอะหรือจะให้คุณเจเล่าดี"
"เฮ้ย ไม่ต้องๆเดี๋ยวเล่าเองขอสั่งอาหารก่อน เลือกได้ยังเจทานอะไรดีหรือเอาเมนูสุขภาพ"
"อืมเมนูอาหารน่าทานเยอะเลยค่ะ เอ่อ คุณวิวจะสั่งเป็นชุดหรือสั่งเป็นกับข้าวคะ"
นางเอกสาวเงยหน้าถามเพื่อนคนรักที่อมยิ้มมองพวกเธออยู่
"สั่งเป็นอาหารกับข้าวมาทานด้วยกันก็ได้ค่ะ อาหารอร่อยนะ"
"แหน่ะ แบบนี้เขาเรียกช่วยกันทำมาหากินนะคุณเพื่อนมีเชียร์ลูกค้าให้ร้านด้วย"
หึๆ
"ไม่ต้องมาแซวฉันเลยแกเดี๋ยวจะโดน"
วิลาสินีส่งสายตาขู่ให้เพื่อนยัยตัวดียักคิ้วส่งยิ้มกวนกลับมาหลังจากสั่งอาหารไปปรางวรัญก็เล่าความเป็นมาที่ได้รู้จักกับนางเอกสาว
"ห๊ะ! ไอ้ปราง นี่แกปล้ำคุณเจเหรอ"
"นี่วิวแกไม่ต้องมามองฉันเหมือนไอ้บ้ากามโรคจิตเลยนะก็คนมันเมาน่ะแกเข้าใจไหม แต่ฉันก็รับผิดชอบการกระทำของฉันแล้วไง"
ฮ่าๆ
"เออดีสมควร ยังไงฉันก็ยินดีกับแกด้วยนะเพื่อนรักถึงจะได้คู่หมั้นมาเพราะความเมาก็เหอะ"
วิลาสินีเอ่ยล้อเพื่อนทีแรกก็ออกจะตกใจอยู่เหมือนกันที่เพื่อนรักเมาจนถึงขั้นปลุกปล้ำผู้หญิงด้วยกันทั้งที่ตั้งแต่คบกันมาก็ไม่เคยมีท่าทีว่าเพื่อนจะมีใจชอบเพศเดียวกันคงจะเหมือนกับเธอตอนนี้ความรักนี่มันก็ไม่เลือกเพศจริงๆสินะ
ทั้งสามสาวที่อีกหนึ่งคนดังถึงแม้ว่าจะเพิ่งได้รู้จักกันแต่ด้วยความเป็นคนเข้ากับคนง่ายของวิลาสินีเลยพลอยทำให้เจติยาพูดคุยด้วยได้อย่างสนุกจนเวลาผ่านไปสักพักใหญ่อาหารหลายอย่างเริ่มพร่องไปเยอะด้วยรสชาติบวกความหิว
เจติยาขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นหญิงสาวร่างสูงคนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะพวกเธอใบหน้าเรียวสวยแต้มรอยยิ้มบางดูแล้วให้รู้สึกคุ้นๆ
"อ้าวพี่เกรซ"
วิลาสินีร้องทักคนตัวสูงเมื่ออีกคนเดินมาถึงโต๊ะพร้อมส่งยิ้มให้ก่อนจะแนะนำเมื่อกิติยามองไปยังสองสาวที่นั่งร่วมโต๊ะ
"พี่เกรซคะนี่ปรางเพื่อนวิวค่ะ ส่วนคนนั้นคงไม่ต้องแนะนำมั้งคะ"
"สวัสดีค่ะพี่เกรซ ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะคะ"
"สวัสดีค่ะน้องปราง ว่าแต่วันนี้นางเอกแถวหน้าหลงมาทานอาหารร้านพี่ได้ไงคะเนี่ยหรือว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับน้องปรางเหรอคะ"
กิติยาทักทายแกมแซวไปยังนางเอกคนสวยที่นั่งส่งยิ้มมาให้เธอ
"ไม่ใช่เพื่อนกลุ่มเดียวกันหรอกค่ะแต่นั่นน่ะคู่หมั้นยัยปรางน่ะพี่เกรซ"
"ห๊า! จริงเหรอคะ?"
กิติยาอุทานด้วยความแปลกใจเมื่อคนข้างกายเอียงหน้ามาพูดข้างหูแต่มันไม่ใช่การกระซิบสองสาวที่ถูกพูดถึงจึงได้ยินไปด้วย ปรางวรัญยิ้มแหยให้รุ่นพี่ก่อนพยักหน้ารับ
"แล้วแบบนี้ถ้าเป็นข่าวขึ้นมาน้องเจจะไม่มีปัญหากับอาชีพเหรอคะ"
"มันก็อาจจะมีบ้างแหล่ะค่ะ แต่เจก็ไม่เคยปิดรสนิยมตัวเองตั้งแต่เข้าวงการแล้วนะคะถ้าคนไหนที่เป็นแฟนคลับและติดตามกันจริงเขาก็พอจะรู้เพียงแต่เจไม่เคยคบใครให้เห็นแค่นั้นเอง ว่าแต่ทำไมเจรู้สึกคุ้นหน้าพี่เกรซจังเลยเหมือนเคยเห็นหรือเจอใครที่หน้าตาเหมือนพี่นึกไม่ออก"
คำพูดของนางเอกสาวเรียกรอยยิ้มจากกิติยาทำไมจะไม่คุ้นล่ะ เพราะน้องสาวเธอก็เคยเรียนที่เดียวแถมยังห้องเดียวกับนางเอกคนดังเธอจึงพอจะได้ยินเรื่องราวของเจติยามาบ้าง
"เหมือนกี้หรือเปล่าคะ"
"อ้อใช่ๆค่ะ นี่พี่เกรซเป็นพี่สาวกี้ใช่ไหมคะ เจก็ว่าอยู่ทำไมหน้าคุ้นๆ"
กิติยาพยักหน้ารับหลังจากนั้นเสียงพูดคุยเย้าแหย่กันกระทั่งอาหารบนโต๊ะถูกจัดการจนไม่เหลือ
"แล้วนี่น้องปรางน้องเจจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะไปดูหนังด้วยกันไหม"
"อืม ไปดูหนังก็ดีนะคะไม่ได้เข้าโรงหนังนานแล้วเหมือนกัน นะปรางเสร็จแล้วค่อยไปเดินซื้อของกัน"
ร่างบางหันไปชวนคนข้างๆไหนๆวันนี้ก็ว่างแล้วขอใช้เวลาให้คุ้มเลยแล้วกัน
"ตามใจค่ะ"
และคำตอบกับรอยยิ้มหวานที่ส่งให้กันเรียกเสียงกระแอมเบาๆจากคนตรงข้ามขึ้นมาทันที
"รู้สึกบรรยากาศมันสีชมพูวิ้งๆยังไงก็ไม่รู้เน๊อะพี่เกรซ"
หึๆ
วิลาสินีเปรยออกมาขำๆพร้อมยักคิ้วกวนส่งไปยังเพื่อนสนิทแหมก็ไม่เคยเห็นเพื่อนจอมทะเล้นของเธอจะมีโมเม้นท์หวานแหววกับชาวบ้านเขาแบบนี้น่ะสิ
"หยุดเลยวิวแกไม่ต้องมาแซว เดี๋ยวก็ยุให้พี่เกรซจับปล้ำซะเลยนิ"
"บ้าสิใครจะไปหื่นเหมือนแกปราง ไม่ต้องมาชี้ทางไม่ดีให้พี่เขาเลยนะยะ"
ฮ่าๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสี่สาวก็มานั่งรอเพื่อเข้าชมภาพยนต์เพราะเป็นวันหยุดคนจึงค่อนข้างเยอะพอสมควร
"คุณทำไมตั๋วหนังมันแพงขนาดนี้ล่ะ"
ปรางวรัญกระซิบถามเมื่อเธอไปรับตั๋วหนังแล้วเห็นราคาของมันเข้า
เจติยาอมยิ้มนึกขำอีกคนไปอยู่ไหนมาถึงบอกราคาตั๋วมันแพง
"ปรางคะ นี่มันโรงหนังวีไอพีนะคะราคานี้ก็คือราคาปกติแล้วค่ะไปอยู่ดาวไหนมาคะหือ"
มือบางยื่นไปบีบแก้มขาวอย่างหมั่นเขี้ยวเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าเหรอหรา
"ก็ไม่เคยเข้าโรงหนังมาสี่ปีแล้วน่ะ สมัยเรียนเคยดูกับยัววิวไม่เกินห้าร้อยหรอก"
หึๆ
"นี่มันยุคไหนแล้วคะ รู้ไหมราคานี้มีเครื่องดื่มให้ด้วยนะ"
"จริงดิ แบบนี้ค่อยน่าสนหน่อย"
"พอพูดถึงเครื่องดื่มนี่ตาเป็นประกายเชียวนะคะ"
"แหม มีอะไรให้ดื่มแล้วได้ดูหนังไปด้วยมันก็น่าจะเพลินไปอีกแบบที่สำคัญอยู่กับเจปรางดื่มได้"
"นิดหน่อยพอนะคะไม่ได้ให้เมาเข้าใจไหม"
ต้องบอกกันไว้ก่อนเพราะอีกคนเมาแล้วเหมือนคนอื่นที่ไหนล่ะ
"น่าปรางไม่ได้คออ่อนขนาดนั้นสักหน่อย"
"แล้ววันนั้นใครคะที่เมาจนเป็นเรื่องน่ะหึ"
หึๆ
"ถ้าไม่เมาจะได้นางเอกดังมาเป็นคู่หมั้นเหรอคะ"
คำย้อนกับแววตายิ้มได้นี่ช่างน่าหมั่นไส้เหลือเกินนะ
"ปรางคะนี่กะจะดื่มให้หมดขวดหรือยังไงเดี๋ยวก็เมาจริงๆหรอก"
เจติยาส่งเสียงดุคนที่นั่งจิบเครื่องดื่มตั้งแต่เข้าโรงหนังมาเกือบจะครึ่งชั่วโมงเข้าไปแล้ว
"ก็มันเพลินนี่คะ แหมบรรยากาศแบบนี้เพิ่งเคยเจอ"
ตั้งแต่เกิดเหตุครั้งนั้นเธอก็ไม่ได้แตะเครื่องดื่มพวกนี้เลยก็ว่าได้จะว่าไปตัวเองก็ไม่ใช่นักเที่ยวนักดื่มหรอกนานๆจะมีออกงานสังคมหรือสังสรรค์กับลูกค้าบ้างเท่านั้น
เวลาผ่านไปสักพักนางเอกสาวจึงเอียงหน้าไปมองคนที่เอนตัวลงแนบหลังกับเบาะ
"เจ ร้อนจัง"
นั่นยังไงล่ะบอกไปฟังที่ไหนสายตาหวานเหลือบมองไปยังขวดไวน์ที่ตอนนี้น้ำสีแดงหายไปเกินครึ่งขวดแล้ว
"เจบอกแล้วว่าอย่าดื่มเยอะ นี่มันโรงหนังนะคะไม่ใช่ที่ห้อง"
มือบางยื่นไปลูบใบหน้าขาวอมชมพูเพราะเลือดฝาดจากฤทธิ์แอลกอฮอลล์ทำไมเมาแล้วถึงเป็นคนแบบนี้ ไอ้สายตาหวานจนเยิ้มปนอ้อนนี่คืออะไรไม่อยากคิด
"งือ เจ"
"ปรางนี่มันโรงหนังนะคะเดี๋ยวก็ได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งหรอกทำไมถึงหื่นแบบนี้หึ"
นางเอกสาวกระซิบเตือนคนที่มือไม้เริ่มยื่นมาลูบไล้ใบหน้าเธอพร้อมขยับเข้าใกล้จนได้กลิ่นแอลกอฮอลล์อ่อนๆจากลมหายใจอีกคน
"ไม่มีใครมาสนใจเราหรอกค่ะ นะคะเจ แค่ จูบ"
เสียงวอนขอแทบทำหัวใจคนฟังละลาย หนึ่งสัปดาห์ที่ปรางวรัญไปอาศัยด้วยนอกจากกอดหอมแล้วพวกเธอยังไม่มีโมเม้นท์ลึกซึ้งเกินนั้นพอมาเจออาการกับสายตาแบบนี้เข้าเจติยาก็ถึงกับใจสั่นเพราะตื่นเต้นจะเป็นข่าวขึ้นมาเพราะคนหื่นไม่เลือกเวลาสถานที่นี่ล่ะ
อือ แต่คนแอบหื่นมีหรือจะปล่อยให้เธอปฏิเสธเมื่อริมฝีปากอุ่นกดแนบเข้าหาปากบางสีเรื่อไปแล้ว เจติยาได้แต่แอบผ่อนลมหายใจขับไล่อาการหัวใจเต้นรัวลงเมื่อปลายลิ้นนุ่มที่แทรกเข้ามายังภายในเมื่อเธอเปิดทาง