bc

เล่ห์รักพรางใจ

book_age18+
265
ติดตาม
1.8K
อ่าน
หวาน
หญิงจีบหญิง
ขบขัน
สตรีนิยม
สวยมั่น
เจ้าเล่ห์
ยังบริสุทธิ์
love at the first sight
gorgeous
shy
like
intro-logo
คำนิยม

โปรยเรื่องย่อ

"ไหวหรือเปล่าคุณ"

เจติยายิ้มถามคนที่เอามือลูบใบหน้าซึ่งตอนนี้แดงปลั่งด้วยเลือดฝาด

"หวายสิ ว่าแต่คูณเหอะขวดเท่สองยางม่ายหมดเลยนะ เอิ๊กก"

น้ำเสียงที่เริ่มยานลิ้นพันกันนิดหน่อยของคนตรงหน้าทำให้เจติยายกยิ้มขำ

"คุณ ถามอะไรหน่อยสิ คุณเคยมีเรื่องราวสมัยเด็กๆที่เป็นความทรงจำประทับใจบ้างไหม"

เจติยาเกริ่นถามคนที่กำลังกรึ่มได้ที่

"หือ ปาทาบใจแบบหนายล่ะ มีเยอะแยะ ฉ้านชอบช่วยสัตว์หมาแมวนะ แต่ดูเซ่ สุดท้ายมานก็ทรยศฉ้านวิ่งตัดหน้าจนรถพังเนี่ย"

เจติยาหัวเราะขำเมื่อพอจะเข้าใจว่าอีกคนคงหมายถึงสุนัขที่วิ่งตัดหน้ารถจนเกิดเหตุ

"อืม แล้วไม่เคยช่วยคนบ้างเหรอคะ"

"ช่วยคนเหรอ เคยเซ่ ช่วยคนแก่ข้ามถนนก็ยังเคยเลย"

เจติยาส่ายหน้าน้อยๆ จะได้เรื่องไหมวันนี้ดูท่าคนเริ่มเมาตาลอยอาจจะจำเรื่องวัยเด็กไม่ได้เสียละมั้ง

"แล้วที่ไม่ใช่คนแก่ล่ะ เคยช่วยเหลือไหมอย่างเขาหกล้มบาดเจ็บแล้วคุณก็ช่วยพาไปทำแผลอะไรแบบนี้น่ะ"

ถามขนาดนี้ถ้านึกไม่ออกก็คงไม่ต้องรื้อฟื้นกันแล้วล่ะนางเอกสาวคิดในใจ

"ช่วยเด็กเหรอ อืออ บาดเจบเหรออ อ๋ออ ฉ้านเคยช่วยยัยตัวเปี๊ยกน่าร้ากคนนึงนะ เขาขี่จักรยานล้มเลยต้องพาไปทำแผลที่บ้านนะ อืออแล้วฉ้านก็ม่ายเจอยัยเปี๊ยกน่ารักอีกเลย"

สมองที่เริ่มประมวลผลช้าลงเพราะสิ่งมึนเมาที่อยู่ในร่างกายออกฤทธิ์แต่ก็ยังทำให้ปรางวรัญนึกถึงภาพสมัยเด็กที่เคยช่วยเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งพาไปทำแผลที่บ้านตนเอง

เจติยายิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้ฟังความทรงจำของอีกคนที่ยังคงมีเรื่องราวของเธออยู่ในนั้นด้วย

"แล้วคูนล่ะ มีไรปาทาบใจป่าวเปนดาราเนี่ยเขาห้ามรื้อฟื้นเรื่องอดีตช่ายป่ะ"

เสียงยานคางถามกลับมาบ้าง

"มีสิคะ มันเป็นความทรงจำที่ฉันประทับใจและก็ไม่เคยลืมด้วยค่ะ"

ใบหน้าหวานที่เปื้อนยิ้มตอบออกไปแต่คนตั้งคำถามตอนนี้เอนตัวคอพับคออ่อนพิงพนักโซฟาไปแล้ว

"เมาแล้วเหรอคุณ"

เจติยาเอ่ยถามคนที่หลับตาพริ้ม

"หืออ ยางม้ายมาว แต่ง่วงจัง คูณ ปรับแอร์หน่อยสิร้อน"

ร่างสูงบ่นออกมาแต่ตาก็ไม่ยอมลืมแถมมือก็ยังแกะกระดุมเสื้อตัวเองออกคล้ายอึดอัด ให้นางเอกสาวที่เผลอมองใบหน้าขึ้นสีกับเนินอกขาววับแวมเมื่อกระดุมเสื้อถูกปลดออกจากกันไปสองเม็ด

เจติยามองขวดไวน์ที่ตอนนี้มันเหลือเพียงขวดครึ่งจากหกขวด แลดูสภาพคนที่ดื่มไปเกือบสิบแก้วก็คงจะไม่ไหวแล้วล่ะเพราะตอนนี้อีกฝ่ายหลับคอพับคออ่อนไปแล้ว

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
ตอนที่1
    ผับหรูย่านกลางเมืองที่ส่วนมากจะมีแต่เหล่าคนดังและบรรดาไฮโซลูกผู้ดีมีกะตังค์มาใช้บริการเพราะสถานที่แห่งนี้เน้นความเป็นส่วนตัวต้องเป็นสมาชิกเท่านั้นถึงจะเข้าได้จึงไม่ต้องมาคอยกังวลว่าหากทำอะไรที่อาจดูไม่ค่อยเหมาะสมจะถูกนำภาพไปเผยแพร่กัน เจติยามานั่งรอคนที่นัดร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วหลังจากเมื่อช่วงเย็นเธอแยกกับผู้จัดการกลับไปที่คอนโดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงออกมายังสถานที่แห่งนี้ เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์และชื่อที่โชว์หราขึ้นมาทำให้นางเอกสาวรีบกดรับทันที "นี่คุณช่วยยืนยันกับการ์ดของร้านทีว่าคุณกับฉันนัดกัน นี่เขาไม่ยอมให้ฉันเข้าไปข้างในนะ" เสียงบ่นโวยด้วยความหงุดหงิดของปลายสายเรียกรอยยิ้มให้แต้มบนเรียวปากบางสีเรื่อ "มันเป็นผับวีไอพีเฉพาะสมาชิกนะคะคุณต้องเข้าใจระบบการรักษาความปลอดภัยของร้านค่ะ เอาโทรศัพท์ให้การ์ดสิคะเดี๋ยวฉันคุยกับเขาเอง" ปรางวรัญยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้กับการ์ดของร้านที่แต่งสูทผูกเนกไทยังกับบอดี้การ์ดในละครก็ไม่ปาน อย่างว่าแหล่ะละครก็สร้างมาจากชีวิตจริง แต่บางครั้งชีวิตจริงก็น้ำเน่ากว่าละคร การ์ดของร้านคุยกับปลายสายไม่นานก็ยื่นโทรศัพท์คืนมาให้เธอ "เดี๋ยวคุณตามผมมาเลยครับ" ชายในชุดสูทบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปยังภายในของร้านปรางวรัญใช้สายตาสำรวจรอบร้านไปด้วยขณะที่เดินตามการ์ดร่างใหญ่ สถานที่ภายในถูกจัดตกแต่งค่อนข้างหรู มีทั้งเคาเตอร์บาร์และที่นั่งเป็นโซฟาอย่างดีแยกเป็นสัดส่วนให้ความเป็นส่วนตัวสมกับเป็นสถานที่ของเหล่าคนดังจริงๆ ไม่นานการ์ดหนุ่มก็พาเธอมายังห้องที่เป็นกระจกหากเธอมองเข้าไปก็คงไม่เห็นภายในนอกจากเงาสะท้อนของตัวเอง  เสียงเคาะประตูกระจกขออนุญาตเบาๆ ให้คนด้านในลุกมาเปิดเลื่อนตัวล็อคออก เพียงแค่ประตูเปิดออกสายตาหวานก็สบเข้ากับนัยน์ตาคมของสาวร่างสูงที่อยู่ในชุดทำงานเชิ๊ตขาวเข้ารูปกับกางเกงผ้าเนื้อดีสีครีมแต่หากก็ยังดูดีในสายตาคนมองนั่นแหล่ะ "ขอบคุณนะคะ" เจติยาเอ่ยขอบคุณการ์ดของร้านก่อนที่อีกฝ่ายจะโค้งรับน้อยๆแล้วเดินออกไปเมื่อหมดหน้าที่ ปรางวรัญเดินมานั่งลงข้างๆอีกคนที่เดินนำเข้ามาก่อน ในห้องนี้มีโซฟาเบดสีเลือดหมูตัวใหญ่เพียงตัวเดียวที่ตั้งอยู่ตรงหน้าจอแอลซีดีขนาดกลางและชุดเครื่องเสียงคาราโอเกะ มีโต๊ะกลมสำหรับวางอาหารและเครื่องดื่มอยู่หน้าโซฟาซึ่งตอนนี้บนโต๊ะกลมนั่นมีเพียงน้ำส้มแก้วเดียวที่อีกคนดื่มไปครึ่งแก้วแล้ว "คุณทานอะไรมาหรือยังคะ" เจติยาเอ่ยถามคนที่ดูแล้วน่าจะออกจากที่ทำงานก็คงตรงมาที่นี่เลย ปรางวรัญส่ายหน้า ถ้ามื้อเย็นของวันนี้เธอก็ยังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องนอกจากกาแฟและแพนเค้กในห้องประชุมช่วงบ่ายแค่นั้น "งั้นสั่งอะไรมาทานก่อนนะคะ ค่อยคุย" เจติยายื่นเมนูให้คนที่เอนหลังพิงพนักโซฟาท่าทางดูเหนื่อยล้า "คุณสั่งให้ที เอาพวกข้าวผัดหรืออาหารอะไรที่ไม่หนักท้องมากน่ะ" เจติยาขมวดคิ้วพลางมองคนที่ไม่ยอมรับเมนูไปดู สุดท้ายเธอเลยต้องสั่งข้าวผัดกุ้งและอาหารมาอีกสามอย่าง ก่อนจะกดปุ่มเรียกพนักงานของร้านมารับออเดอร์ไป "ดูคุณเหนื่อยๆนะ งานเยอะเหรอคะ" คนหน้าหวานเอ่ยถามคนที่เอนตัวพิงโซฟาหลับตานิ่งอยู่ ให้อีกฝ่ายได้ปรือตาขึ้นมามอง "อืม วันนี้ประชุมตั้งแต่บ่ายยันหกโมงเย็นถึงได้ออกมานี่แหล่ะ" พูดจบคนที่ล้าทั้งสมองและร่างกายก็ปิดตาลงอีกครั้งเหมือนว่าตอนนี้ร่างกายเธอถ่านหมดยังงั้นล่ะ เจติยาสำรวจใบหน้าคนที่หลับตาไม่รู้ว่าหลับไปจริงๆหรือแค่พักสายตากันแน่ แต่เธอก็ไม่คิดจะกวนเพราะดูจากสีหน้าแล้วปรางวรัญคงจะเหนื่อยล้าจากงานพอสมควรสายตาหวานจึงไล่สำรวจคนหลับไปเงียบๆ ใบหน้าเรียวสวยที่มีเครื่องสำอางค์แต่งแต้มเพียงบางๆริมฝีปากอิ่มสีเรื่อนั่นก็คงมีแค่ลิปมันเคลือบเท่านั้นละมั้ง จะว่าไปปรางวรัญในวัยเด็กกับตอนนี้หน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รู้สึกคุ้นๆอีกคนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าชัดเจนหรอก ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปนานแค่ไหน ปรางวรัญมารู้สึกตัวเอาตอนที่เด็กเสิร์ฟกำลังจัดวางอาหารที่สั่งไปลงบนโต๊ะกลมนั่นแล้ว มือเรียวทั้งสองยกขึ้นลูบใบหน้าตนเองก่อนจะลดมือลงเมื่อรู้สึกถึงไอเย็นจากอะไรสักอย่างที่ยื่นมาตรงหน้า "เช็ดหน้าเช็ดตาสักหน่อยนะคะจะได้สดชื่น" น้ำเสียงที่เหมือนห่วงใยพร้อมผ้าเย็นที่ยื่นมาให้ ทำให้มุมปากของปรางวรัญยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณในสิ่งที่อีกฝ่ายใส่ใจจัดหามาให้  แปลก ทำไมนะทั้งๆที่เธอกับนางเอกสาวคนดังก็เพิ่งจะเคยเจอกันครั้งนี้ครั้งที่สองตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุรถชนกันไปเมื่อสามสัปดาห์ก่อนแต่ความรู้สึกที่ได้เจอกันวันนี้ทำไมถึงไม่เหมือนคนแปลกหน้า และถ้าเธอตาไม่ฝาดเธอว่าเธอเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่มันทอแสงอ่อนยามที่ได้สบตากันแววตาอ่อนหวานที่เหมือนทอประกายวิบวับอยู่ในนั้น "คุณมาดื่มกินที่นี่บ่อยเหรอ ถึงได้สมัครสมาชิกไว้น่ะ" ปรางวรัญชวนอีกฝ่ายคุยไปด้วยขณะที่กำลังทานอาหารไป "ก็ไม่ถึงกับบ่อยหรอกค่ะ อย่างมากก็เดือนละสองครั้งแค่นั้นแหล่ะที่สมัครเพราะมันเป็นกฏระเบียบของร้านมากกว่า และที่สำคัญที่นี่มันปลอดภัยสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวค่ะเพราะส่วนมากที่มาใช้บริการกันก็จะเป็นคนดังหรือคนในวงการซะส่วนใหญ่ก็เจ้าของที่นี่เคยเป็นคนดังในวงการบันเทิงนะคะ" "หือ จริงเหรอฉันไม่ยักรู้นะเนี่ย เคยแต่ได้ยินชื่อผับแต่ไม่เคยเข้ามาหรอกนะ ถึงไม่รู้ว่าไม่ใช่สมาชิกไม่มีสิทธิเข้าน่ะ" ปรางวรัญกล่าวออกมาถึงว่าสิ จะว่าไปตอนที่การ์ดพาเธอเดินเข้ามาก็รู้สึกว่าลูกค้าบางคนหน้าตาคุ้นๆอยู่เหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ได้สนใจคนดังแต่บางทีมันก็ต้องมีผ่านตาบ้างล่ะในจอทีวีน่ะ "คุณอยากดื่มเครื่องดื่มอะไรหรือเปล่าเดี๋ยวฉันสั่งให้" หลังจากพากันทานอาหารกันจนอิ่มเจติยาจึงได้เอ่ยถามอีกคน "คุณจะดื่มเป็นเพื่อนฉันหรือเปล่าล่ะ" ปรางวรัญย้อนถามอีกคนยิ้มๆ "จะมอมฉันเหรอคะถึงชวนดื่มน่ะ" เจติยาเอ่ยเย้ากลับอย่างท้าทายให้อีกคนหัวเราะขำ หึๆ  "คุณกล้าให้มอมหรือเปล่าล่ะคุณนางเอก" แววตาทะเล้นและคำพูดกึ่งเย้ากึ่งท้าทายทำให้เจติยานึกหมั่นไส้ขึ้นมานิดๆ และพลันนั้นสมองอันเฉียบไวของเธอก็นึกอะไรบางอย่างออกก่อนจะยิ้มหวานส่งให้คนที่ยิ้มท้าทายให้กันอยู่ "ฉันมีข้อเสนอในการดื่มคุณสนใจไหม" "ข้อเสนออะไรล่ะ" ปรางวรัญถามออกไปอย่างนึกสงสัย "เรามาดื่มแข่งกัน ถ้าคุณชนะฉันค่าซ่อมรถฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด  แต่ถ้าคุณแพ้ฉันคุณต้องยอมเป็นเบ้รับใช้ฉันเวลาที่ฉันจะไปไหนมาไหนเป็นเวลาหนึ่งเดือนและฉันให้คุณรับผิดชอบค่าซ่อม50%ตกลงไหม" ข้อเสนอที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเรียกรอยยิ้มกว้างจากใบหน้าเรียวสวยทันที "คุณพูดจริงหรือเปล่านี่ ไม่ใช่พอแพ้แล้วมากลับลำนะ เดี๋ยวๆขออัดเสียงก่อนเอาไว้เป็นหลักฐานจะมาพูดลอยๆแบบนี้ไม่ได้" พูดจบปรางวรัญก็รีบหยิบมือถือของตัวเองมากดโปรแกรมบันทึกเสียงและบอกให้นางเอกสาวพูดข้อเสนออันแสนถูกใจเธออีกรอบ เจติยาส่ายหน้าพลางยิ้มขำแต่ก็ยอมทำตามที่อีกคนบอกพร้อมกับเงื่อนไขการดื่มด้วย และแล้วสิ่งของที่จะดวลกันของสองสาวก็พร้อมอยู่บนโต๊ะกลมแล้วตอนนี้ มันคือไวน์แดงยี่ห้อหนึ่งนั่นเองแม้จะไม่ใช่ปีที่ราคาแพงมากแต่ว่ารวมทั้งหมดที่สั่งมาก็ร่วมหมื่นเหมือนกันและจำนวนที่ใช้ในเกมส์ดวลครั้งนี้ก็ทำให้ปรางวรัญคิดหนักอยู่พอสมควรเพราะไม่คิดว่านางเอกสาวหน้าหวานจะกล้าท้าดวลกันถึงคนล่ะสิบแก้วเต็มๆกันเลยแบบนี้ถึงเธอจะออกงานสังคมบ่อยและมีการดื่มเป็นมารยาทบ้าง สังสรรค์บ้างแต่ก็ไม่เคยที่จะมาตั้งหน้าตั้งตาดื่มหนักแบบนี้สักครั้ง นี่แม่คุณเป็นนักดื่มหรือยังไงกันถึงได้ท้าหนักแบบนี้ "จะเปลี่ยนใจก็ได้นะคะ ค่าซ่อมรถแค่หกเจ็ดแสนเองคุณคงจ่ายได้ไม่ลำบากหรอก" เจติยายิ้มถามคนที่มองจำนวนขวดไวน์หกขวดบนโต๊ะ สำหรับเธอมันอาจจะไม่ถึงกับสลบเหมือดคาโต๊ะหรอกหากว่าดื่มเข้าไปตามจำนวนที่เอ่ยท้าอีกคนนั่นน่ะ ไม่ใช่ว่าจะเป็นนักดื่มคอทองแดงแต่สมัยที่ยังเรียนมหาลัยการที่กลุ่มพวกเธอชอบหาเรื่องมาท้าพนันดื่มกันเพื่อความสนุกทำให้มันเกิดความเคยตัวเคยชินหรือเปล่าไม่รู้  ปรางวรัญหันมามองใบหน้าหวานที่กำลังส่งยิ้มท้าทายแกมสบประมาทมาที่เธอก็ให้นึกหมั่นไส้สายตาหวานที่เหมือนกำลังยิ้มได้นั่น "แค่นี้มันล้มฉันไม่ได้หรอกค่ะ เริ่มกันเลยดีกว่านะอย่าเสียเวลาเลย" คนที่ไม่คิดจะยอมแพ้อะไรง่ายๆก็รีบจัดการประเดิมเปิดไวน์ขวดแรกแถมบริการรินใส่แก้วให้นางเอกคนสวยในระดับเสมอปากแก้วทรงสวยเช่นเดียวกับแก้วของตัวเอง ก่อนจะยกมันขึ้นจิบก่อนเพื่อลิ้มรสชาติฝาดเฝื่อนของน้ำสีแดงเข้ม แก้วแรกถูกกระดกลงคอสวยไปไม่ถึงห้านาทีและตามมาด้วยแก้วที่สองของคนที่อยากลบคำสบประมาทเมื่อครู่  เจติยาที่ยังค่อยๆจิบแก้วของตนไปเรื่อยๆไม่รีบร้อนก็แอบอมยิ้ม ใครเขาพากันกระดกเป็นน้ำเปล่าแบบนั้นกันล่ะกินแบบนั้นถ้าถึงสิบแก้วก็สุดยอดแล้วล่ะ ทั้งคู่ต่างพากันดื่มไปในแบบของตัวเองที่คิดว่าผลของมันจะทำให้ชนะอีกคนได้ สายตาก็จ้องดูจอสี่เหลี่ยมที่เปิดมิวสิคเพลงของต่างประเทศไปด้วยเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าไวน์ขวดแรกของปรางวรัญหมดลงและตอนนี้อีกคนเริ่มขวดที่สองแล้ว นั่นแสดงว่านี่จะเป็นแก้วที่ห้าของเธอนั่นเองใบหน้าขาวตอนนี้แดงเรื่อออกสีชมพูน่ามองเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปกระตุ้นเลือดในกายให้สูบฉีด "พรุ่งนี้คุณไม่ต้องทำงานใช่ไหม" เจติยาเอ่ยถามอีกคนที่ดูตาเริ่มหวานเยิ้มขึ้นเรื่อยตามจำนวนเครื่องดื่มที่ไหลเข้าสู่ร่างกาย สิ่งที่คิดเอาไว้ในใจว่าอยากลองรื้อฟื้นความทรงจำวัยเด็กของคนตรงหน้าจะได้ผลไหมคงต้องรอให้ปรางวรัญไร้สติกว่านี้สักหน่อย เขาว่าคนเมามักพูดความจริงและสิ่งที่เก็บซ่อนอยู่ภายในใจเสมอเธอแค่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายมีความทรงจำเกี่ยวกับเธอติดอยู่บ้างหรือเปล่าเท่านั้นเอง "อืม หยุดน่ะลำพังจันทร์ถึงศุกร์ร่างกายก็แทบจะสลายแล้วล่ะคุณ ว่าแต่คุณเถอะพรุ่งนี้มีงานที่ไหนหรือเปล่าระวังจะแฮ้งค์จนไปทำงานไม่ได้ล่ะ" คนที่อาการเริ่มกรึ่มๆเล็กน้อยยังมิวายพูดแหย่นางเอกคนสวยที่ตอนนี้ไวน์ของอีกคนเพิ่งจะหมดขวดแรก  เจติยาอมยิ้มนึกในใจว่าใครกันแน่ที่จะแฮ้งค์จนลุกไม่ไหว ที่จริงพรุ่งนี้เธอเองก็ยังมีงานแต่เป็นช่วงเย็นเลยไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่และอีกอย่างก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเมาสลบเหมือดแน่เพราะถ้าเธอเมาแล้วใครจะพาคนปากดีกลับล่ะ "ถึงมีฉันก็ไม่ปล่อยให้งานเสียหรอกค่ะ" "อือ ดีๆมีสปิริตความรับผิดชอบสูงดีนะคุณเนี่ย" นางเอกสาวยิ้มรับคำชมแกมเหน็บกลายๆ ทั้งคู่ปล่อยบรรยากาศสบายๆดื่มไปดูมิวสิควีดีโอไปเรื่อยๆพอไวน์ขวดที่สองหมดลงปรางวรัญเริ่มมีอาการมึนออกมาบ้างแล้วเพราะจำนวนที่ดื่มไปมันหกแก้วแล้วนะสิ "ไหวหรือเปล่าคุณ" เจติยายิ้มถามคนที่เอามือลูบใบหน้าซึ่งตอนนี้แดงปลั่งด้วยเลือดฝาด "หวายสิ ว่าแต่คูณเหอะขวดเท่สองยางม่ายหมดเลยนะ เอิ๊กก" น้ำเสียงที่เริ่มยานลิ้นพันกันนิดหน่อยของคนตรงหน้าทำให้เจติยายกยิ้มขำ "คุณ ถามอะไรหน่อยสิ คุณเคยมีเรื่องราวสมัยเด็กๆที่เป็นความทรงจำประทับใจบ้างไหม" เจติยาเกริ่นถามคนที่กำลังกรึ่มได้ที่ "หือ ปาทาบใจแบบหนายล่ะ มีเยอะแยะ ฉ้านชอบช่วยสัตว์หมาแมวนะ แต่ดูเซ่ สุดท้ายมานก็ทรยศฉ้านวิ่งตัดหน้าจนรถพังเนี่ย" เจติยาหัวเราะขำเมื่อพอจะเข้าใจว่าอีกคนคงหมายถึงสุนัขที่วิ่งตัดหน้ารถจนเกิดเหตุ "อืม แล้วไม่เคยช่วยคนบ้างเหรอคะ" "ช่วยคนเหรอ เคยเซ่ ช่วยคนแก่ข้ามถนนก็ยังเคยเลย" เจติยาส่ายหน้าน้อยๆ จะได้เรื่องไหมวันนี้ดูท่าคนเริ่มเมาตาลอยอาจจะจำเรื่องวัยเด็กไม่ได้เสียละมั้ง "แล้วที่ไม่ใช่คนแก่ล่ะ เคยช่วยเหลือไหมอย่างเขาหกล้มบาดเจ็บแล้วคุณก็ช่วยพาไปทำแผลอะไรแบบนี้น่ะ" ถามขนาดนี้ถ้านึกไม่ออกก็คงไม่ต้องรื้อฟื้นกันแล้วล่ะนางเอกสาวคิดในใจ "ช่วยเด็กเหรอ อืออ บาดเจบเหรออ อ๋ออ ฉ้านเคยช่วยยัยตัวเปี๊ยกน่าร้ากคนนึงนะ เขาขี่จักรยานล้มเลยต้องพาไปทำแผลที่บ้านนะ อืออแล้วฉ้านก็ม่ายเจอยัยเปี๊ยกน่ารักอีกเลย" สมองที่เริ่มประมวลผลช้าลงเพราะสิ่งมึนเมาที่อยู่ในร่างกายออกฤทธิ์แต่ก็ยังทำให้ปรางวรัญนึกถึงภาพสมัยเด็กที่เคยช่วยเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งพาไปทำแผลที่บ้านตนเอง เจติยายิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้ฟังความทรงจำของอีกคนที่ยังคงมีเรื่องราวของเธออยู่ในนั้นด้วย "แล้วคูนล่ะ มีไรปาทาบใจป่าวเปนดาราเนี่ยเขาห้ามรื้อฟื้นเรื่องอดีตช่ายป่ะ" เสียงยานคางถามกลับมาบ้าง "มีสิคะ มันเป็นความทรงจำที่ฉันประทับใจและก็ไม่เคยลืมด้วยค่ะ" ใบหน้าหวานที่เปื้อนยิ้มตอบออกไปแต่คนตั้งคำถามตอนนี้เอนตัวคอพับคออ่อนพิงพนักโซฟาไปแล้ว "เมาแล้วเหรอคุณ" เจติยาเอ่ยถามคนที่หลับตาพริ้ม "หืออ ยางม้ายมาว แต่ง่วงจัง คูณ ปรับแอร์หน่อยสิร้อน" ร่างสูงบ่นออกมาแต่ตาก็ไม่ยอมลืมแถมมือก็ยังแกะกระดุมเสื้อตัวเองออกคล้ายอึดอัด ให้นางเอกสาวที่เผลอมองใบหน้าขึ้นสีกับเนินอกขาววับแวมเมื่อกระดุมเสื้อถูกปลดออกจากกันไปสองเม็ด เจติยามองขวดไวน์ที่ตอนนี้มันเหลือเพียงขวดครึ่งจากหกขวด แลดูสภาพคนที่ดื่มไปเกือบสิบแก้วก็คงจะไม่ไหวแล้วล่ะเพราะตอนนี้อีกฝ่ายหลับคอพับไปแล้ว สภาพนี้คงกลับบ้านไม่ได้แน่ๆเธอเองยังมีอาการมึนนิดหน่อยก็น่าจะพอขับรถได้ แต่ขอใช้บริการพิเศษจากทางร้านคงจะปลอดภัยกว่า นี่คือข้อดีของผับหรูแห่งนี้ที่จะมีบริการพิเศษหากว่าลูกค้าเมาจนไม่สามารถที่จะขับรถกลับที่พักของตนได้ทางร้านก็จะมีเจ้าหน้าที่กึ่งการ์ดบริการขับรถไปส่งถึงที่พักโดยปลอดภัยและมีทั้งการ์ดผู้หญิงและผู้ชายให้สามารถเลือกใช้บริการได้อีกด้วย เมื่อเห็นว่าปรางวรัญคงจะไม่ไหวแล้วจริงๆนางเอกสาวจึงได้กดปุ่มเรียกพนักงานมาเช็คบิลและแจ้งความต้องการพิเศษให้ทางร้านรู้ไม่ถึงยี่สิบนาทีทั้งเธอและคนที่หลับเพราะเมาก็ถูกการ์ดผู้หญิงพยุงมาขึ้นรถ "รถอีกคันขอฝากไว้ที่ร้านก่อนนะคะพรุ่งนี้จะให้คนมาเอากลับค่ะ" "ได้ค่ะคุณเจ เดี๋ยวดิฉันจะแจ้งเจ้าหน้าที่ไว้ให้" การ์ดสาวรับคำก่อนจะขึ้นประจำที่คนขับพาลูกค้ากลับไปยังจุดหมายปลายทางที่นางเอกสาวแจ้งมา "อือ ร้อนจังเลย" เสียงบ่นงึมงำของคนเมาพร้อมกับมือเรียวที่เตรียมจะแกะกระดุมเสื้อตัวเองออกอีกครั้ง จนเจติยาต้องรีบตะครุบเอาไว้ก่อน "นี่คุณเมาแล้วชอบแก้ผ้าหรือไงฮึ" "อือ ร้อนๆ" "จะให้เร่งแอร์อีกไหมคะคุณเจ" การ์ดที่ทำหน้าที่ขับรถเอ่ยถามนางเอกสาวด้วยความหวังดี "ไม่ต้องหรอกค่ะแค่นี้ก็เย็นมากแล้ว" เจติยาบอกเพราะนี่มันก็เย็นจนเธอรู้สึกหนาวแล้ว ก่อนจะดึงร่างสูงให้เอนมาพิงไหล่เธอความอุ่นจากร่างอีกคนและกลิ่นหอมอ่อนลอยวนผสมกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆให้ความรู้สึกกรุ่นๆในอกให้ริมฝีปากสวยเผยยิ้มออกมาบางๆ

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

เป็นได้แค่เพื่อน(รัก)

read
7.4K
bc

เป็นแฟนผมนี่มันไม่ดียังไงครับเฮีย

read
2.8K
bc

คุณอาของหนู...น่ารักกว่าใคร

read
7.4K
bc

Heroine (ที่นี่ไม่มี นางเอก)

read
13.9K
bc

งูบ้านนี้สายพันธุ์เหมียว (Luna V.)

read
1K
bc

ผีเสื้อสมุทรจะเลี้ยงลูก

read
1K
bc

เมื่อปีศาจมาสิงสู่ [omegaverse]

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook