หลายเดือนผ่านไป
คดีที่ภูริตใช้เงินช่วยพิมพ์พลอยไว้ก็เงียบหายไปตามกาลเวลา ตอนนี้เพลงขวัญเข้ามาเป็นพนักงานประจำตำแหน่งต้อนรับส่วนหน้าในโรงแรมหรูใจกลางกรุงซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ทำกำไรมหาศาลให้กับครอบครัว
และถึงแม้ว่าจะเหนื่อยล้าจากการทำงานมากแค่ไหน เมื่อกลับมาถึงบ้านหลังใหญ่เธอก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าช่วยบุปผาทำงานบ้านในทุก ๆ วัน
“ขวัญ คุณท่านเรียกหาน่ะ” เสียงทับทิมดังขึ้นหลังจากที่นำของว่างเข้าไปเสิร์ฟให้เจ้านายทั้งสองที่ห้องนั่งเล่น ทำให้คนที่กำลังล้างจานอยู่ในครัวรีบเช็ดไม้เช็ดมือไปหาภูริตตามคำสั่งนั้นทันที
“คุณท่านเรียกหนู มีอะไรเหรอคะ”
“พอดีว่าฉันได้บัตรเชิญไปงานเปิดตัวโรงแรมใหม่ของเพื่อนสมัยเรียนที่ฝรั่งเศสน่ะ ตอนแรกว่าจะชวนคุณหญิงไป แต่คุณหญิงเธอปวดขาน่ะ นั่งเครื่องไกล ๆ ไม่ไหว ฉันก็เลยจะมาชวนเราไปแทน” ภูริตอธิบาย พอได้ยินแบบนั้นนุชรีก็ค้านขึ้นทันที
“อะไรนะคะ นี่คุณจะพามันไปด้วยเหรอ ชักจะออกนอกหน้าเกินไปแล้วนะคะ”
“ก็คุณไม่ไปนี่ ตั๋วมันเหลือก็ให้ขวัญไปจะเป็นไรไปล่ะ ไปเปิดหูเปิดตา ดูงานที่ต่างประเทศจะได้กลับมาปรับใช้ที่โรงแรมของเราได้ไง” อีกฝ่ายให้เหตุผลแต่นุชรีก็ยังไม่เข้าใจ
“งั้นก็ให้คนอื่นไปแทนสิคะ”
“จะให้ใครไป เขายกห้องไว้หนึ่งห้อง คุณจะให้ผมพาคุณสุดา เลขาฯ ผมไปด้วยเหรอ”
“นี่คุณกำลังประชดฉันอยู่ใช่ไหม”
“ไม่เอาน่าคุณนุช ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณด้วยเรื่องแค่นี้หรอกนะ ให้ขวัญเขาไปเถอะจะได้ไปเรียนรู้งานด้วย มันก็เป็นประโยชน์ต่อบริษัทเราทั้งนั้น” ภูริตพยายามอธิบาย ทำให้นุชรีปรายตามองลูกเลี้ยงด้วยความไม่ชอบใจแต่ก็ต้องยอมใจอ่อน
“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่บริษัท ฉันยอมให้ไปก็ได้”
“ขอบคุณนะที่เข้าใจ ผมว่าจะถือโอกาสนี้บินไปรับยัยพิมพ์กลับมาด้วยเพราะว่าอยู่เมืองเดียวกันพอดี ตอนนี้คดีเงียบไปแล้วคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะ ติดต่อไม่ได้แบบนี้คงจะเถลไถลอยู่แน่ ๆ ” ภูริตสันนิษฐานเพราะเขารู้จักนิสัยพิมพ์พลอยเป็นอย่างดี “อยากจะนั่งตำแหน่งประธานบริษัท แต่กลับทำตัวไม่เอาไหนแบบนี้ มันจะไปรอดได้ยังไง”
“ใช่สิ ใครจะไปดีเท่าลูกสาวสุดที่รักของคุณล่ะ” นุชรีเบ้ปาก ปรายตามองเพลงขวัญอีกครั้ง
“เอาอีกแล้วนะคุณนุช ถ้าเราไม่ทำอะไรที่มันเด็ดขาดกับยัยพิมพ์แล้วเมื่อไหร่ลูกจะโตสักทีล่ะ อุตส่าห์ส่งไปเรียนถึงเมืองนอกแต่จบมาไม่ทันจะข้ามวันก็ก่อเรื่องขับรถชนคนตาย งานก็ยังไม่ได้เริ่มก็ไม่ติดต่อมา จะให้ปล่อยไว้แบบนี้หรือไง”
“นี่คุณกำลังด่าลูกต่อหน้าคนอื่นอยู่นะ”
“งั้นคุณก็เลิกเข้าข้างยัยพิมพ์สักทีสิ แล้วก็อย่าโทรบอกลูกด้วยว่าผมกำลังจะไปหา” ภูริตเน้นย้ำกับภรรยาอีกครั้งแล้วจึงหันไปถามเพลงขวัญด้วยน้ำเสียงที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง “ว่าไงล่ะ จะไปไหมเราน่ะ”
“ไปค่ะคุณพะ...” หญิงสาวดีใจจนเกือบจะหลุดปากเรียกเขาว่าพ่อออกมาจนต้องหยุดชะงักแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจอะไร
“งั้นเดี๋ยวฉันจะเตรียมเอกสารเดินทางให้ อาทิตย์หน้าเราจะเดินทางกัน เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ แล้วอย่าลืมนะว่าที่ฉันพาไปเพื่ออยากให้เราได้ไปเรียนรู้งาน ไม่ใช่ไปเที่ยว”
“ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ” เพลงขวัญยิ้มรับด้วยความตื่นเต้นดีใจก่อนจะขอตัวกลับออกไปทำงานต่อ ส่วนภูริตเองก็ต้องปลีกตัวเข้าไปสะสางงานที่ห้องทำงานชั้นหนึ่งของบ้านเช่นกัน ถึงตอนนั้นนุชรีจึงขึ้นไปบนห้องนอน รีบหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาพิมพ์พลอยทันที
(ว่าไงคะคุณแม่) หลังจากต่อสายอยู่นาน ในที่สุดอีกฝ่ายก็รับสาย
“พิมพ์หายไปไหนลูก ทำไมไม่ติดต่อกลับมาเลย รู้ไหมว่าแม่กับพ่อเป็นห่วง”
(ก็...อืม...หนูกลัวว่าที่บ้านจะโทรมาเรื่องคดีน่ะสิคะ ก็เลยไม่อยากรับสาย) ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงหอบเหนื่อย เหมือนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่
“แล้วจะกลับมาไทยเมื่อไหร่ ตอนนี้คดีเงียบไปนานแล้วนะ กลับมาได้แล้วมั้ง”
(ซี้ด...ดะ...เดี๋ยวก่อนสิคะแม่ หนูมีธุระต้องจัดการอีกนิดหน่อยน่ะค่ะ)
“ธุระอะไร นี่รู้หรือเปล่าว่าอาทิตย์พ่อแกจะพายัยขวัญบินไปหาที่นั่นแล้วนะ”
(มาหาพิมพ์เหรอคะ แล้วทำไมต้องพายัยขวัญ อ๊าย...มาด้วย) พิมพ์พลอยถามต่อ น้ำเสียงยังฟังดูกระเส่าพิกล
“จะพาไปงานเปิดตัวโรงแรมเพื่อนสมัยเรียนที่นั่นน่ะแหละ แม่ล่ะไม่ชอบขี้หน้ามันจริง ๆ เลย ยิ่งเราไม่อยู่พ่อก็ยิ่งอวยมัน จนตอนนี้ยกมันกลายเป็นลูกรักไปแล้วมั้ง”
(ไม่นะแม่ หนูไม่ยอมนะคะ)
“แล้วจะทำยังไงล่ะ งั้นเราก็ต้องรีบกำจัดยัยขวัญสิ ตอนแรกแม่ก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะพี่พ่อแกจะพายัยนั่นไป แต่พอลองคิดดูแล้ว นี่อาจจะเป็นโอกาสดีที่เราจะได้กำจัดมันออกไปจากบ้าน” นุชรีคลี่ยิ้มมุมปากเพื่อนึกแผนการบางอย่างขึ้นมาได้
(แม่จะทำยังไงคะ)
“แม่จะไปทำได้ยังไงล่ะก็แม่ไม่ได้บินไปด้วย เราต่างหากล่ะที่ต้องเป็นคนทำ”
(ให้พิมพ์ทำเหรอคะ) พิมพ์พลอยถามกลับน้ำเสียงหอบเหนื่อยเงียบหายไปชั่วขณะแต่ตามมาด้วยเสียงครางกระเส่าของใครอีกคนแทน
(อา...ฟัค...)
“นี่พิมพ์อยู่กับใครน่ะ แล้วกำลังทำอะไรอยู่” นุชรีชะงักเมื่อได้ยินเสียงใครอีกคน พิมพ์พลอยจึงต้องโป้ปดและรีบเปลี่ยนประเด็นสนทนา
(เสียงในยิมน่ะแม่ พิมพ์กำลังออกกำลังกายอยู่น่ะค่ะ แม่บอกมาสิคะว่าจะให้พิมพ์จัดการยังไง)
“ทำยังไงก็ได้ที่จะให้มันออกไปจากบ้าน ออกไปจากบริษัท ออกไปจากชีวิตของพวกเรา ไม่ต้องถึงขั้นให้มันตายตามแม่มันไปหรอก พิมพ์ลองหาผัวฝรั่งให้มันสักสองสามคนสิ หรือไม่ก็หลอกมันไปขายซ่องก็ได้ ยัยนั่นมันหัวอ่อน มันไม่เคยออกนอกประเทศด้วยซ้ำ” ผู้เป็นแม่บอกเล่าแผนการของตัวเองด้วยรอยยิ้มอย่างพอใจ
(เรื่องแค่นั้นเอง ไม่มีปัญหาเลยค่ะคุณแม่)
“ดี งั้นเดี๋ยวแม่จะส่งโลเคชันโรงแรมไปให้ แล้วอย่าทำให้แม่ผิดหวังล่ะ” นุชรีกำชับก่อนจะวางสายไป ดวงตาคมกริบจ้องมองลงไปที่สนามหลังบ้าน เห็นเพลงขวัญกำลังหอบหิ้วตะกร้าเดินกลับไปที่ห้องคนใช้ รอยยิ้มร้ายก็ฉาบขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง “อยากรู้นักว่าถ้าแกเสียผู้เสียคน พ่อแกยังจะรับเลี้ยงดูอยู่อีกไหม”