ตอนที่8แผนทวงคืน (2)

1640 คำ
“ส่วนโน่นน้ำขิง ฟ้าใส แล้วก็ป้าวิไล เพื่อนร่วมงานแผนกเดียวกันจ่ะ” “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เพลงขวัญกระพุ่มมือไหว้ก่อนที่ทั้งสามคนจะยิ้มและรับไหว้เธออย่างเป็นมิตร หลังจากนั้นพลับพลึงก็พาเธอไปเดินชมรอบรีสอร์ตต่อ ท่ามกลางแสงแดดตอนเที่ยงที่แผดเผาลงมาอย่างไม่ปรานีจนเธอจะวูบอยู่หลายครั้งเพราะยังมีหัวใจอีกดวงเต้นอยู่ในท้อง “อา...อากาศร้อนจังเลยนะคะ” “จริงด้วย เราเพิ่งบินมาถึงนี่ พี่ไม่น่าใจร้อนเลย น่าจะให้เราพักสักวันก่อน” อีกฝ่ายเหมือนเพิ่งรู้ตัวจึงรีบเข้ามาประคองเพลงขวัญไว้ “ไหวหรือเปล่าเนี่ย” “ไหวค่ะ หนูยังไม่ทันเริ่มทำงานเลย เดี๋ยวโดนพี่นิภาบ่นยาวแน่” “พี่นิภาเขาก็แค่แซวไปแบบนั้นแหละ งั้นวันนี้เรากลับไปพักที่ห้องก่อนเถอะ นี่จ่ะกุญแจ พรุ่งนี้เช้าพี่ค่อยพามาใหม่” ว่าแล้วพลับพลึงก็ส่งกุญแจห้องมาให้ เพลงขวัญจึงรับไว้แล้วรีบกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง พยายามกวาดสายตามองหาราเมศร์ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่ณภัทรที่ตัวติดกับเขาแทบตลอดเวลาเธอก็ยังไม่เจอ “หายไปไหนนะ หรือว่ายังอยู่กรุงเทพฯ อย่าเพิ่งกลับมาก็แล้วกัน ขอเวลาให้ฉันตั้งหลักสักพักก่อนนะ” เพลงขวัญพยายามตั้งสติ หยิบยาดมที่พกติดตัวมาสูดเข้าปอดจนรู้สึกดีขึ้น โชคดีที่อย่างน้อยเพื่อนร่วมงานที่นี่ค่อนข้างจะน่ารักและเป็นมิตร ปัญหาเดียวที่มีก็คงจะเป็นวิธีหลบหน้ายังไงให้รอดพ้นจากสายตาของราเมศร์นี่แหละ แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหายไปเมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับฟ้าที่ปลายขอบฟ้า เกิดเป็นแสงสีทองอร่ามทอดลงบนผืนน้ำดูสวยงามราวกับภาพวาด เพลงขวัญนั่งมองภาพนั้นอยู่นานจนกระทั่งความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุมเธอจึงหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องแล้วหยิบเอกสารที่พิมพ์พลอยให้ติดตัวไว้ขึ้นมาดูอีกครั้ง “ฉันจะทำให้คุณยอมเซ็นเอกสารนี่ได้ยังไงนะ” หญิงสาวทอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ใจความสำคัญของเอกสารในมือพอจะสรุปได้ว่า ราเมศร์ยินดีมอบพีพีวายโฮเต็ลและบริษัทในเครือทั้งหมดคืนให้นายภูริต โยธาพิพัฒน์ รวมถึงหุ้นที่ขายให้แบบไม่มีข้อแม้ ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งกลัดกลุ้มเพราะมองไม่เห็นทางเลยสักนิด เขาลงทุนไปตั้งมากมายขนาดนั้นจะยอมเซ็นยกให้ง่าย ๆ ได้ที่ไหนกัน “เห้อ...” เพลงขวัญลอบถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ รีบเก็บเอกสารนั้นไว้ในที่ลับตา หลังจากนอนพลิกไปมาอยู่บนเตียงอย่างคนคิดหนัก ในที่สุดเธอก็เผลอหลับไปตั้งแต่หัวค่ำด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทางที่แสนยาวไกล พอถึงวันที่ต้องเข้าไปทำงานเธอก็รีบตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวด้วยยูนิฟอร์มที่ได้มา โชคดีที่ท้องยังเล็ก เสื้อตัวใหญ่จึงพอปกปิดไม่ให้ใครมองออกว่าเธอกำลังตั้งท้องได้ “มาแต่เช้าเลยนะ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปหาป้าวิไลดีกว่า รายนั้นน่ะ เขาอยู่มานานคงจะแนะนำอะไรได้มากกว่าพี่” พลับพลึงเอ่ยทักทายทันทีที่เห็นร่างบางปรากฏตัว “ค่ะพี่” หญิงสาวพยักหน้าตอบอย่างว่าง่ายก่อนจะตามพลับพลึงไปหาวิไลที่กำลังทำความสะอาดอยู่ในโซนออฟฟิศของรีสอร์ต “ป้าจ๊ะ ฝากน้องด้วยนะ มีอะไรก็แนะนำน้องมันหน่อย” “ได้สิ แต่ฉันอายุขนาดนี้แล้ว อย่าเรียกว่าน้องเถอะ เรียกนังหนูมันว่าหลานจะดีกว่า” วิไลยิ้มอย่างเป็นมิตรจนเพลงขวัญรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย พอพลับพลึงจากไปเธอก็เริ่มเอ่ยถามถึงงานที่ต้องทำทันที “หนูต้องทำยังไงบ้างคะป้า” “งานมันไม่แน่นอนหรอกจ่ะ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป บางวันก็ต้องมาทำความสะอาดตรงนี้ บางวันก็ออกไปข้างนอก บางทีก็ไปกวาดเช็ดห้องต้อนรับแขกน่ะ” “งั้นเดี๋ยวหนูช่วยนะคะ” หญิงสาวขันอาสา เธอหันไปหยิบไม้กวาดมาถือติดมือไว้อย่างคล่องแคล่วเพราะเคยทำที่บ้านโยธาพิพัฒน์มาก่อน “ตรงนี้น่ะฉันทำเสร็จไปแล้ว เราออกไปทำข้างนอกต่อเถอะ” “ได้ค่ะ” เพลงขวัญได้แต่เดินตามไปเงียบ ๆ เป็นเพราะตอนนี้ยังเช้า พนักงานในส่วนหลังบ้านจึงยังไม่เข้ากะ บรรยากาศในนี้เลยค่อนข้างเงียบเพราะไม่มีคนอยู่ ดวงตาคู่สวยอาศัยตอนที่ต้องเดินกวาดขยะ มองหาห้องทำงานของราเมศร์ จนกระทั่งเห็นพลับพลึงเดินกลับเข้ามาพร้อมกับเอกสารกองโต เธอถูกดึงดูดให้มองตามไปจนกระทั่งเห็นอีกฝ่ายเข้าไปในห้องที่อยู่ริมสุด “ตรงนั้นห้องใครเหรอคะป้า” ความอยากรู้ เธอจึงหันไปถามวิไลทันที “ห้องของคุณราเมศร์น่ะ แต่ตอนนี้ไม่อยู่หรอก ต้องบินไปดูแลโรงแรมที่กรุงเทพฯ น่ะ” “ป้าวิไลจ๊ะ ห้องคุณเมศร์ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วใช่ไหมจ๊ะ” พอพูดจบ ประตูห้องริมสุดก็ถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับพลับพลึงที่ชะโงกหน้าออกมาถาม “ป้าทำไปแล้ว มีอะไรตกหล่นหรือเปล่า” “มีจ่ะ ฉันเพิ่งทำแจกันหล่นแตกน่ะ” อีกฝ่ายยิ้มเจื่อนด้วยความรู้สึกผิด เพลงขวัญสบโอกาสที่จะเข้าไปสำรวจข้างในจึงรีบเสนอตัวทันที “งั้นเดี๋ยวหนูเข้าไปช่วยนะคะ” “รบกวนหน่อยนะเพลง พี่ซุ่มซ่ามไปหน่อย” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ” ว่าแล้ว คนตัวเล็กก็รีบหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดเข้าไปในห้องทำงานของราเมศร์ด้วยความตื่นเต้น ดวงตากลมโตพยายามหาโอกาสมองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาสถานที่ที่คิดว่าเขาน่าจะเก็บเอกสารสำคัญไว้ “เร่งหน่อยนะน้องเพลง คุณเมศร์จะเข้ามาวันนี้พอดี” “คะ!? เข้ามาวันนี้เลยเหรอคะ” เพลงขวัญเผลออ้าปากเหวอด้วยความตกใจแต่โชคดีที่พลับพลึงไม่ได้นึกเอะใจอะไร เธอกลับคิดว่าพนักงานใหม่ที่เข้ามาก็ล้วนแต่กลัวราเมศร์กันทั้งนั้น “ไม่ต้องกลัวหรอก คุณราเมศร์เขาไม่ได้ดุขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นพี่คงทำงานร่วมกับเขาไม่ได้มาเป็นสิบปีแน่” “ค่ะพี่” หญิงสาวยิ้มแห้ง รีบจัดการกวาดเศษแก้วอย่างระมัดระวังก่อนจะเช็ดพื้นจนแห้งสนิท พอสายตาเหลือบไปเห็นว่าพลับพลึงออกไปแล้ว เธอจึงถือโอกาสตรวจดูรายละเอียดภายในห้องด้วยการแกล้งถือไม้ขนไก่ไล่ปัดฝุ่นไปทีละนิดจนสังเกตเห็นว่ามีตู้เซฟในนี้ถึงสามตู้ ไม่รวมลิ้นชักที่โต๊ะทำงานซึ่งมีกุญแจล็อกไว้อย่างดีเยี่ยม “เขาต้องเก็บไว้ในนี้แน่ ๆ ” เพลงขวัญสันนิษฐาน ตัดสินใจเข้าไปหยุดยืนที่หน้าตู้เซฟ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่เสียงประตูด้านหลังจะดังขึ้นเพราะมีคนเข้ามา หญิงสาวจึงรีบนำไม้ขนไก่ในมือทำทีเป็นปัดเช็ดฝุ่นบนนั้นแทน “อ้าวน้องเพลง ยังไม่เสร็จอีกเหรอจ๊ะ” เสียงพลับพลึงเอ่ยถาม แต่พอเธอหันหน้ามา สายตากลับเหลือบไปเห็นใครอีกคนที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ด้วยความกลัวและตกใจเธอจึงรีบก้มหน้างุดทันที จะให้เขาเห็นเธอตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด “พอดีหนูเห็นฝุ่นตรงนี้น่ะค่ะ ก็เลยมาเช็ด งั้นขอตัวก่อนนะคะ” ว่าแล้วเธอก็ก้มหน้าแล้วรีบเดินออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็วจนคนสูงวัยกว่ามองตามไปด้วยความขบขัน “สงสัยเธอคงจะกลัวคุณเมศร์มากจริง ๆ ไม่กล้าจะมองหน้าเลยด้วยซ้ำ” “ใครเหรอครับพี่” คนที่กำลังจับจ้องอยู่กับหน้าจอมือถือเพื่อตรวจเช็กตารางงานของตัวเองเอ่ยถาม “น้องเพลงน่ะค่ะ เธอเพิ่งเข้ามาทำงานวันนี้วันแรก” พลับพลึงไม่พูดเปล่าแต่กลับเปิดใบสมัครงานของเพลงขวัญให้ราเมศร์ดู “คุณเมศร์ลองดูสิคะ พี่ว่าเธอน่ารักมากเลยนะ บางทีอาจจะทำให้คุณเมศร์ลืม...” “ผมไม่ลืมหรอกครับ” ราเมศร์สวนกลับพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่ปิดพับแฟ้มเอกสารตรงหน้าอย่างไม่ไยดี “พี่ไม่ต้องหาใครมาให้ผมหรอก ยังไงก็ไม่มีใครแทนที่ขวัญชีวาได้” “ขอโทษค่ะ พี่แค่จะบอกให้คุณเมศร์รู้ว่าพี่รับพนักงานใหม่มาสามคน” พลับพลึงหุบยิ้มในทันที “ถ้าพี่เห็นว่าดีผมก็ว่าดีครับ ผมเชื่อสายตาพี่พลับพลึงอยู่แล้ว ยังไงก็มองคนไม่ผิดแน่” คราวนี้ราเมศร์ยิ้มตอบกลับมาทำให้อีกฝ่ายเหมือนจะใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย “ถ้าไม่ดูงั้นพี่เก็บก็ได้ค่ะ แล้วก็รบกวนคุณเมศร์เซ็นเอกสารที่เหลือให้พี่หน่อยนะ” “ครับ” ว่าแล้วเขาก็จรดปากกาเซ็นเอกสารตรงหน้าทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับพนักงานใหม่ทั้งสิ้น เขาจึงกวาดสายตาอ่านคร่าว ๆ จนเห็นชื่อเพลงขวัญปรากฏอยู่บนนั้น แต่คนละนามสกุลกันเพราะเพลงขวัญลงทุนไปเปลี่ยนมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ “เพลงขวัญ สิริรักษ์เหรอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วแล้วส่ายหน้าไล่ความคิดวูบหนึ่งออกไป คิดว่าชื่อนี้อาจจะมีใครอีกหลายคนตั้งซ้ำกันก็เป็นไปได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม