“ป้าขอร้อง ช่วยพวกเราด้วยเถอะนะขวัญ” นุชรีพยายามโน้มน้าวอีกครั้งหลังจากที่ขอร้องให้เพลงขวัญเข้าไปหลอกเอาข้อมูลบริษัท รายชื่อคณะกรรมการบริหารและหุ้นส่วนรายใหม่ที่ราเมศร์เก็บเอาไว้ เผื่อว่าจะมีประโยชน์ทำให้เธอได้โรงแรมและบริษัทในเครือกลับมา “ตอนนี้ป้าจนปัญญาแล้วจริง ๆ ”
“นะขวัญ...ลองคิดดูสิ ถ้าแก...เอ่อ...ถ้าเธอช่วยทำให้เราได้ทุกอย่างคืนมา ลูกของเธอที่กำลังจะคลอดก็จะสุขสบายไปด้วยนะ เธอจะได้ไม่ต้องออกไประเห็จลำบากเหมือนตอนนี้ไง” เห็นเพลงขวัญยังลังเล พิมพ์พลอยจึงช่วยเสริมด้วยอีกคน
“แต่มันเสี่ยงมากเลยนะคะ ถ้าคุณราเมศร์เขารู้ เขาจะไม่ส่งหนูให้ตำรวจเหรอคะ”
“แกก็อย่าโง่ให้เขาจับได้สิ” นุชรีเผลอตะคอกใส่ แต่พอนึกได้ก็รีบปรับสีหน้ายิ้มแย้มตามเดิม “ป้าไว้ใจหนูนะขวัญ ป้าเชื่อว่าหนูต้องทำได้”
“ช่วยพวกเราทีนะขวัญ ไม่เห็นแก่พวกเราสองคนแม่ลูกก็เห็นแก่พ่อก็ได้ เธอดูสิ...พ่อคงจะเสียใจมากจนต้องเป็นแบบนี้” พิมพ์พลอยบีบน้ำตา จับมือเรียวของเพลงขวัญไว้เพื่อขอร้อง
“แล้วหนูต้องทำยังไงบ้างคะ”
“เธอก็แค่แฝงตัวไปทำงานกับเขา แล้วแอบเอาข้อมูลของบริษัทมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แล้วถ้าจะให้ดี เธออาจจะใช้มารยาหลอกล่อให้เขายอมเซ็นยกโรงแรมคืนให้เรา ถ้าเป็นแบบนั้น พอได้เอกสารมาเธอก็ชิ่งได้เลย” พี่สาวอธิบายแผนการเป็นฉาก ๆ
“ฟังดูมันก็ยังเสี่ยงอยู่ดีนะคะ”
“ฉันขอล่ะขวัญ จะให้ฉันกราบก็ได้” คราวนี้นุชรีไม่พูดเปล่าแต่กลับเล่นละครฉากใหญ่ ทรุดกายนั่งคุกเข่าตรงหน้าแล้วกระพุ่มมือไหว้คนที่อ่อนวัยกว่าทั้งน้ำตา
“คุณป้า อย่าทำถึงขนาดนี้เลยค่ะ”
“ฉันขอร้องเถอะนะ ฉันสัญญาว่าถ้าเราได้ทุกอย่างคืน ฉันจะพูดให้คุณภูริตเขายกโทษให้หนู ช่วยหน่อยเถอะนะ ตอนนี้พวกเราไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ ” นุชรีบีบมือเรียวไว้แน่น เห็นทั้งสองพยายามขอร้องอ้อนวอนขนาดนี้ คนอ่อนต่อโลกก็เริ่มใจอ่อน จนในที่สุดเธอก็ยอมรับปากออกไป
“ก็ได้ค่ะ หนูจะลองเสี่ยงดู”
“ขอบคุณมากเลยนะขวัญ เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ ถ้าคุณราเมศร์เขาจะจับเธอเข้าคุกจริง ๆ ฉันยินดีจะสู้คดีเคียงข้างเธอ” พิมพ์พลอยให้คำมั่นสัญญาพลางยิ้มออกมาทั้งน้ำตาที่ลงทุนบีบออกมาชุดใหญ่
“แล้ว หนูต้องเริ่มทำอะไรก่อนล่ะคะ”
“ถึงคุณราเมศร์เขาจะเทคโอเวอร์โรงแรมและบริษัทนำเที่ยวในเครือไป แต่เขาก็ไม่ได้บินมาบ่อยเหมือนตอนแรกแล้วล่ะ” นุชรีอธิบาย สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด “แล้วถ้าหนูจะแฝงตัวเข้าไปทำงานที่โรงแรม พนักงานคนอื่น ๆ ก็ต้องจำได้อยู่ดีเพราะพนักงานส่วนใหญ่ยังเป็นคนเก่าอยู่จะเหลือก็แค่เราสามคนพ่อแม่ลูกนี่แหละที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปเหยียบ”
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ทางนี้พิมพ์ให้ยัยณัชชากับชุติมาคอยดูลาดเลาไว้แล้ว พิมพ์ว่าข้อมูลสำคัญมันต้องอยู่ที่ตัวคุณราเมศร์นั่นแหละ” พิมพ์พลอยสันนิษฐาน
“แล้วคุณราเมศร์เขาอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
“ได้ยินว่าเขามีรีสอร์ตอยู่ที่เกาะพระพายน่ะ ฉันว่าเขาต้องเก็บเอกสารสำคัญไว้ที่นั่นแหละ เพราะโรงแรมที่นี่มีเลขาฯ ของเขาบินมาดูแลให้”
“แปลกเนอะ ตอนแรกเหมือนจะเข้าออกโรงแรมบ่อยๆ แต่พอได้ไปกลับปล่อยวางไม่มาดูแลซะงั้น” นุชรีขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ก็เขารวยนี่คะแม่ ธุรกิจเขามีตั้งหลายที่เขาไม่มาดูเขาก็ไม่ขาดทุนหรอก” พิมพ์พลอยเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ “น่าเสียดายที่หนูจับเขาไม่สำเร็จ”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้เราต้องหาทางเอาธุรกิจของเราคืนมาให้ได้ก่อน” ผู้เป็นแม่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วจึงหันไปขอร้องเพลงขวัญต่อ “ช่วยหน่อยเถอะนะขวัญ”
“หมายความว่าหนูต้องแฝงตัวเข้าไปทำงานที่รีสอร์ตของเขาเพื่อเริ่มแผนเหรอคะ” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้ง
“มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ แล้วระวังอย่าให้ใครรู้ว่าเธอท้องล่ะ เดี๋ยวเขาก็ไม่รับเข้าทำงานพอดี”
“ได้ค่ะ หนูจะพยายามนะคะ”
“ขอบใจมากนะขวัญ หนูนี่แสนดีที่หนึ่งจริง ๆ ” นุชรียิ้มอย่างพอใจก่อนจะก้มลงหยิบธนบัตรขึ้นมาส่งให้จำนวนหนึ่ง “นี่ถือเป็นค่าตอบแทนที่หนูยินดีจะช่วยเรานะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้า หนูยินดีจะช่วยอยู่แล้ว ที่หนูมีวันนี้ก็เพราะธุรกิจที่พ่อสร้างไว้ให้นั่นแหละค่ะ”
“รับไปเถอะน่า ถือซะว่าเป็นค่าเครื่องค่าเดินทางไปเกาะพระพายนั่นไง” พิมพ์พลอยยิ้มพลางหยิบธนบัตรมายัดใส่ฝ่ามือเล็กด้วยความขัดใจทำให้เพลงขวัญต้องรับมาอย่างไม่มีทางเลือก
“ก็ได้ค่ะ”
“ขอบใจนะ” เธอยิ้มให้น้องสาวนอกไส้อีกครั้งแต่พอหันไปมองหน้าแม่ รอยยิ้มนั้นก็หายไปทันทีเพราะไม่รู้ตัวเลยว่าเงินที่หยิบออกมานั้น นุชรีแกล้งจะหลอกล่อให้ตายใจเฉย ๆ ไม่ใช่จะให้จริง ๆ เสียหน่อย
“พ่อต้องหายนะคะ หนูสัญญาว่าหนูจะทวงทุกอย่างที่เป็นของเราคืนมาให้ได้ค่ะ” เพลงขวัญหันไปสัญญากับภูริตที่ยังนอนไม่ได้สติ เธอใช้เวลาเยี่ยมอยู่นานก่อนจะขอตัวลากลับไปเพื่อเริ่มแผนการที่รับปากไว้
เพลงขวัญใช้เวลาค้นหาข้อมูลทั้งวัน จนเจอประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งแม่บ้านทำความสะอาดของรีสอร์ตเข้าพอดี เธอจึงตัดสินใจลงทุนไปเปลี่ยนนามสกุลและทำบัตรประชาชนใหม่ ก่อนจะกรอกข้อมูลแล้วส่งประวัติส่วนตัวไปทางอีเมลของแผนกบุคคล เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อจนในที่สุดก็มีสายจากรีสอร์ตโทรมาแจ้งข่าว
(สวัสดีค่ะ ใช่คุณเพลงขวัญหรือเปล่าคะ)
“ใช่ค่ะ”
(ทางเราจะโทรมาแจ้งให้ทราบว่า เรายินดีรับคุณเพลงขวัญเข้าทำงานนะคะ)
“จริงเหรอคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ อย่างน้อยแผนการที่วางไว้มันก็สำเร็จไปอีกขั้น “แล้วนี่ไม่มีการสัมภาษณ์อะไรเหรอคะ”
(จริง ๆ มันก็มีค่ะ แต่ตอนนี้ทางรีสอร์ตขยายห้องพัก ต้องการพนักงานเป็นจำนวนมาก ถ้าคุณเพลงขวัญสะดวกก็สามารถเดินทางมาเริ่มงานได้ต้นเดือนเลยค่ะ)
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เพลงขวัญรีบวางสายไป พอรู้ว่าจะได้งานทำ เธอก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินและจัดกระเป๋าในอีกสัปดาห์ต่อมาเพื่อจะเดินทางไปที่เกาะพระพายทันที
“นี่ตกลงจะไปจริง ๆ เหรอ มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าสองแม่ลูกนั่นตั้งใจจะหลอกใช้แก่น่ะขวัญ” กอหญ้าเอ่ยถามอีกครั้งในตอนที่เพื่อนกำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวออกเดินทาง หลังจากที่พยายามขอให้หยุดแต่เพลงขวัญก็ยังยืนยันที่จะไป
“ฉันรู้นะหญ้าว่าป้านุชกับพี่พิมพ์เขาหลอกใช้ แล้วก็รู้ด้วยว่าต่อให้ฉันนำทุกอย่างมาคืนให้เขาสองคนก็ไม่มีทางยอมให้ฉันกลับไปอยู่บ้านหรอก แต่ที่ฉันต้องทำเพราะฉันเห็นแกพ่อต่างหาก” เธอให้เหตุผลแต่กอหญ้าก็ยังไม่เข้าใจ
“พ่อที่ไม่เคยเห็นว่าแกเป็นลูกนี่อ่านะ”
“แต่เขาก็ยอมเลี้ยงฉันมาจนโตนะหญ้า ให้ฉันไปเถอะนะ ฉันจะได้ถือโอกาสตอบแทนบุญคุณ ไม่ต้องจากมาทั้งที่ยังติดค้างกันแบบนี้”
“เห้อ...เอาตัวเองไปเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางแท้ ๆ แกท้องอยู่นะขวัญ” กอหญ้ากุมขมับ ชี้ให้ดูท้องที่อายุครรภ์ย่างเข้าสู่เดือนที่สี่
“ฉันเอาตัวรอดได้ แกไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
เมื่อได้ยินเพลงขวัญยืนยันที่จะไป กอหญ้าจึงต้องเป็นฝ่ายอาสาไปส่งเพื่อนที่สนามบิน ใช้เวลาบอกลากันอีกนานก่อนที่หญิงสาวจะบินลัดฟ้ามุ่งหน้าลงสู่ทะเลใต้ นั่งเครื่อง นั่งรถ แล้วนั่งเรืออีกทอด จนในที่สุดเธอก็มาถึงพระพายรีสอร์ตซึ่งตั้งอยู่บนเกาะพระพาย
“สวยเหมือนกันนะเนี่ย” ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบกายเมื่อเรือของรีสอร์ตแล่นมาจอดเทียบท่า เพียงแค่บอกว่าเธอเดินทางมาทำงาน พนักงานของรีสอร์ตก็รีบพาเธอไปที่ห้องแผนกบุคคลทันที
“สวัสดีค่ะ หนูสมัครงานแผนกแม่บ้านไว้น่ะค่ะ”
“อ้อ มาถึงแล้วเหรอ ดูตัวเล็กกว่าในรูปอีกนะเนี่ย” อีกฝ่ายเอ่ยทักทายด้วยความเป็นมิตร พอได้ยินแบบนั้นเพลงขวัญก็เผลอยกมือขึ้นปิดหน้าท้องตัวเองไว้ด้วยความลืมตัว “เพลงขวัญใช่ไหมจ๊ะ พี่ชื่อพลับพลึงนะ เป็นหัวหน้าแผนกบุคคลแล้วก็เป็นผู้ช่วยของคุณราเมศร์ เจ้าของที่นี่นะ”
“ค่ะพี่ ยินดีที่รู้จักอีกครั้งนะคะ”
“ไปเถอะ เดี๋ยวพี่จะพาเราไปดูห้องพักพนักงานแล้วจะได้พาเที่ยวชมรอบรีสอร์ต ทำความรู้จักเพื่อนร่วมงานกัน”
พลับพลึงพูดจบก็ช่วยลากกระเป๋าเดินทางของเพลงขวัญเดินผ่านห้องอาหารของพนักงานไปยังทางเดินแคบ ๆ ที่ทะลุไปถึงห้องพักพนักงานที่อยู่ทางด้านหลัง ซึ่งเป็นห้องแถวสองชั้น โอบล้อมไปด้วยป่าสนและผาสูง วิวสวยไม่แพ้รีสอร์ตเลยสักนิด
“ที่นี่สวยจังเลยค่ะพี่พลับพลึง”
“ใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวอยู่ไปนาน ๆ เราก็จะติดใจเหมือนพี่นี่แหละ” พลับพลึงยิ้มตอบพลางไขกุญแจห้องพักชั้นล่างซึ่งอยู่ริมสุด “เป็นยังไงเพลงพออยู่ได้ไหม”
“คะ!?” คนตัวเล็กรู้สึกตกใจเล็กน้อยกับชื่อเล่นใหม่ที่พลับพลึงใช้เรียกเธอ จะว่าไปใช้ชื่อนี้ก็ดีเหมือนกัน ราเมศร์จะได้ไม่สงสัยด้วย
“พี่ถามว่าเพลงพออยู่ได้ไหม”
“อยู่ได้ค่ะ ห้องสวย วิวดีขนาดนี้ หนูอยู่ได้สบายมากเลยค่ะ”
“งั้นก็เก็บกระเป๋าไว้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะพาเราไปวัดตัวเอายูนิฟอร์มเลย วันเริ่มงานจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” พลับพลึงชี้แจง เพลงขวัญจึงต้องรีบเก็บกระเป๋าแล้ววกกลับมาที่รีสอร์ตอีกครั้งตรงดิ่งไปยังห้องแผนกแม่บ้านเพื่อวัดตัวและรับยูนิฟอร์ม “นี่พี่นิภา หัวหน้าแผนกจ่ะ”
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อเพลงค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ”
“ตายจริง รูปร่างผอมบาง ผิวพรรณดีแบบนี้จะทำไหวเหรอ” คนสูงวัยกว่าเอ่ยถาม ดวงตาภายใต้แว่นเลนส์ใสบอกให้รู้ว่าเธอเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ เห็นดังนั้นเพลงขวัญจึงรีบแสดงเลือดนักสู้ให้เห็นทันที
“ไหวค่ะ หนูสู้สุดใจแน่นอน”
“ทำอย่างที่พูดให้ได้ก็แล้วกัน อย่าเป็นลมเป็นแล้งไปล่ะ” นิภากำชับอีกครั้งก่อนจะเป็นฝ่ายเบิกชุดยูนิฟอร์มให้ จากนั้นพลับพลึงก็พาเธอเยี่ยมชมรอบรีสอร์ต ทักทายเพื่อนร่วมงานที่กำลังพักทานข้าวอยู่ที่ห้องอาหาร
“ทุกคนจ๊ะ นี่เพลงจ่ะ พนักงานใหม่แผนกแม่บ้าน ฝากเอ็นดูน้องด้วยนะ”
“น่ารักแบบนี้จะไม่ให้ดูเอ็น เอ๊ย เอ็นดูไหวเหรอพี่” เขตต์พนักงานแผนกช่างเอ่ยแซว พลับพลึงจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเพราะอีกฝ่ายค่อนข้างเป็นคนทะลึ่งพอตัวอยู่แล้ว