ตอนที่7แก้แค้น (2)

1774 คำ
“จริงเหรอคะ” “ครับ...แต่ว่าเธอเสียไปแล้วล่ะครับ เสียไปพร้อมกับลูกในท้องของผมเลย” คำตอบนั้นแม้จะฟังดูเศร้า แต่ทว่าคนฟังกลับรู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อย “พิมพ์เสียใจด้วยนะคะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ถามไปแบบนั้น” “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมเริ่มทำใจได้บ้างแล้ว” “งั้น เดี๋ยวพิมพ์อาสาเป็นคนดามใจให้คุณเองดีไหมคะ” หญิงสาวเผลอเอ่ยออกไปตามความรู้สึกจนภูริตต้องปรามไว้ “น้อย ๆ หน่อยยัยพิมพ์” “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ” เขาว่าพลางหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาจิบแล้วเปลี่ยนประเด็นสนทนา “อาหารที่นี่อร่อยแบบที่คุณภูริตบอกไว้จริงๆ ด้วย” “งั้นก็เชิญคุณราเมศร์มาทานบ่อย ๆ สิครับ” “ผมต้องมาอยู่แล้วล่ะครับ แต่วันนี้เห็นทีว่าผมต้องขอตัวก่อน พอดีว่ามีธุระต้องไปทำต่อน่ะครับ” ราเมศร์กล่าวลาพลางหันไปหยิบถุงกระดาษมาจากณภัทร “นี่เป็นของฝาก จริงๆ ผมตั้งใจซื้อมาให้คุณเพลงขวัญน่ะครับ แต่ได้ยินว่าเธอลาออกไปแล้ว งั้นผมให้คุณพิมพ์แทนนะครับ” เขาแกล้งกล่าวแทงใจดำ และถึงแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บใจแต่พิมพ์พลอยก็ต้องยิ้มตอบแล้วรับมันมาเก็บไว้ “ขอบคุณมากนะคะ” “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบเขาก็ลุกจากไปทั้งที่ยังทานอาหารไปแค่นิดเดียว ณภัทรจึงต้องรีบตามออกไปด้วยอีกคน “คุณเพลงขวัญลาออกไปแล้ว ทีนี้จะเอายังไงต่อครับ” “ก็ทำตามแผนเดิมนั่นแหละ” ราเมศร์หยุดเดินเมื่อออกมาถึงหน้าโรงแรม สายตาคมกริบเหลือบมองไปยังตึกสูงตระหง่านเบื้องหน้าพร้อมกับรอยยิ้มร้าย “ฉันจะทำให้พวกมัน สูญเสียทุกอย่างเหมือนที่เคยทำกับขวัญชีวา” ฝ่ามือใหญ่กำเข้าหากันแน่น เขาต้องการทำให้พวกโยธาพิพัฒน์หมดตัวล้มละลาย จะได้ไม่ต้องเอาเงินมาใช้ในทางที่ผิดอีก ถึงแม้ว่าแผนที่จะทำให้พี่น้องแตกคอกันมันจะจบลงเพราะเพลงขวัญไม่อยู่แล้ว แต่ยังไงเขาก็จะทำให้ภูริตกับพิมพ์พลอย รู้สึกเจ็บปวดเหมือนที่เขาเป็นให้ได้ สองเดือนให้หลังนับตั้งแต่วันที่เพลงขวัญถูกไล่ออกมาจากบ้านในวันนั้นเธอก็ไม่ได้ติดต่อใครอีกเลยแม้กระทั่งบุปผากับทับทิม “เสร็จหรือยังคะคุณแม่ สาย ๆ เดี๋ยวรถจะติดเอานะ” เสียงกอหญ้าเอ่ยเรียกอีกครั้งทำให้เพลงขวัญรีบเก็บกระเป๋าแล้วออกไปหาเพื่อนที่รออยู่ข้างนอกทันที “เสร็จแล้ว ๆ ” “งั้นรีบไปกันเถอะ” อีกฝ่ายช่วยประคองเธอลงไปชั้นล่างเพื่อจะพาไปหาหมอฝากครรภ์ตามที่นัดกันเอาไว้โดยมีกอหญ้าอาสาพาไป “คุณเพลงขวัญ ศรันย์ภักดีค่ะ” หลังจากนั่งรอหมอเพียงไม่นาน พยาบาลหน้าห้องตรวจก็เอ่ยเรียกเธอเข้าไปพบหมอ เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาอัลตราซาวนด์เพื่อดูสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ ที่ฝากฝังอยู่ภายในท้อง “ตอนนี้น้องมีอายุสิบสามสัปดาห์ ย่างเข้าสี่เดือนแล้วนะคะ” เสียงหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังอัลตราซาวนด์ตรวจดูท้อง และวินาทีนั้นเองที่เพลงขวัญได้เห็นลูกน้อยในท้องเป็นครั้งแรก “นั่นเขาเหรอคะหมอ” “ใช่ค่ะ ตอนนี้น้องตัวยาวประมาณสิบแปดเซนติเมตร น้ำหนักก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถขยับตัวและแขนขาได้แล้วนะคะ ดูสิ ดิ้นใหญ่เลย” คำอธิบายของหมอประกอบกับภาพที่แสดงอยู่บนหน้าจอทำให้หญิงสาวถึงกลับยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความปลื้มปริ่ม ไม่คิดไม่ฝันว่าในชีวิตนี้เธอจะได้เป็นแม่คน “ลูกแม่...เขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ” “ตอนนี้ยังมองไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เอาไว้หมอจะนัดมาตรวจดูเพศน้องอีกทีนะคะ” “ค่ะหมอ” เธอยิ้มตอบทั้งที่สายตายังจับจ้องไปบนหน้าจอ “ช่วงนี้ท้องคุณแม่อาจจะยังไม่ออก แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลคิดว่าน้องตัวเล็กนะคะ พอสักหกเจ็ดเดือน ท้องก็จะเริ่มออกค่ะ” คุณหมออธิบายต่อ “เดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงไปให้นะคะ” เพลงขวัญรับรูปอัลตราซาวนด์ที่หมอพรินต์มาให้ด้วยหัวใจที่พองโต รอยยิ้มกว้างยังปรากฏอยู่บนใบหน้าไม่จางหาย แม้ในตอนที่ออกมาจากห้องตรวจแล้วพบกับกอหญ้ากำลังนั่งรออยู่ข้างนอก “เป็นยังไงบ้างแก” “นี่ไง...ลูกฉัน หมอบอกว่าเขาอยู่ในเกณฑ์ปกติทุกอย่าง แถมยังดิ้นเก่งด้วยนะ” “เห็นแกยิ้มได้ก็ค่อยสบายใจหน่อย” อีกฝ่ายลูบไหล่เล็กแผ่วเบาพลางเหลือบมองนาฬิกาด้วยความร้อนใจ “งั้นรีบไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะแวะเอางานที่บริษัทก่อน แกจะได้มีเงินเก็บเยอะ ๆ เอาไว้คลอดลูกไง” “ไปสิ” เพลงขวัญรีบใส่ยาและใบนัดไว้ในกระเป๋าเพื่อเดินทางไปรับงานแปลเอกสารมาทำที่บ้าน ซึ่งเป็นรายได้ทางเดียวที่สามารถเลี้ยงปากท้องเธอได้ในตอนนี้ หลังจากออกจากบ้านมาได้สองเดือน ตอนนี้เธอเริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตนอกบ้านไปเสียแล้ว คิดไปคิดมากลับรู้สึกว่าสุขสบายมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกจากไม่มีนุชรีกับพิมพ์พลอยคอยจิกหัวแล้ว เธอยังใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ อยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเองได้อีกด้วย เมื่อกลับมาถึงห้อง เพลงขวัญก็เริ่มทำงานตรวจและแปลเอกสารที่ได้รับมาทันที คิดเอาไว้ว่าจะเอามาแบ่งจ่ายค่าห้องกับกอหญ้า ไม่อยากอยู่เป็นภาระเพื่อนเสียเท่าไหร่ “ขวัญ...” ในขณะที่เธอกำลังจดจ่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นั้น จู่ ๆ เพื่อนก็หันมาสะกิดเธอแล้วยื่นมือถือส่งมาให้ “อะไรเหรอ” “แกลองอ่านข่าวนี่ดูสิ บางทีแกน่าจะรู้ไว้” เห็นสีหน้าของกอหญ้า เพลงขวัญก็ต้องรับมือถือมาแล้วกดดูเนื้อหาข่าวภายในนั้น “ภูริต โยธาพิพัฒน์ นักธุรกิจพันล้านแห่งพีพีวายโฮเต็ล ช็อกจนต้องหามส่งโรงพยาบาล...พบว่าเส้นเลือดในสมองแตกจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา หลังจากที่ธุรกิจโรงแรมและบริษัทในเครือถูกเทคโอเวอร์ตกไปอยู่ในมือของราเมศร์ อักษราไพศาล นักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงที่ถูกจับตามองในตอนนี้” เนื้อหาข่าวที่โชว์หราอยู่ในนั้น ทำให้คนอ่านเองก็ถึงกับช็อก มากกว่าการสูญเสียธุรกิจของครอบครัวนั่นคือการที่ต้องรับรู้ว่าพ่อกำลังจะตาย “นี่มันอะไรกัน...หมายความว่าคุณราเมศร์ เขายึดทุกอย่างไปหมดแล้วงั้นเหรอ” “ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ” กอหญ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ “นี่แหละนะเวรกรรมที่ทำกับแกไว้ ฉันล่ะอยากเห็นหน้าสองแม่ลูกนั้นจริง ๆ ” “แต่นั่นมันพ่อฉันทั้งคนนะหญ้า” “เขาเคยเห็นแกเป็นลูกไหมล่ะ ถ้าเขารักแก เขาคงไม่ปล่อยให้แกหิ้วท้องมาใช้ชีวิตลำพังแบบนี้หรอก แค่คำว่าพ่อเขายังไม่ให้แกเรียกเลย” “ฉันอยากไปเยี่ยมพ่อ อยากไปดูให้เห็นกับตา...แกช่วยพาฉันหน่อยนะ” เธอหันไปขอร้องเพื่อน เห็นสีหน้าเจียนจะร้องไห้นั้นก็ทำให้กอหญ้าใจอ่อน ยอมพาหญิงสาวนั่งรถไปยังโรงพยาบาลอีกแห่ง แต่เมื่อเดินทางมาถึง เธอกลับไม่กล้าที่จะเข้าไปหาภูริต ได้แต่จ้องมองจากข้างนอก เห็นนุชรีกำลังกอดคอลูกสาวร้องไห้โฮด้วยความเสียใจอยู่ในห้องพักฟื้นหลังจากที่ทำการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดไปแล้ว แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น “ทำไมไม่เข้าไปล่ะ” กอหญ้ากระซิบถาม “ไม่ล่ะ ฉันขอดูอยู่ตรงนี้ดีกว่า” ดวงตาคู่เศร้าจ้องมองร่างที่ไร้สติของภูริตผ่านช่องเล็ก ๆ ที่ประตู คิดไม่ถึงว่าวินาทีนั้นนุชรีจะเหลือบมาเห็นเข้าพอดี เธอจึงรีบหมุนตัวกลับออกไปแต่มันก็ไม่ทัน “ยัยขวัญ” “ขอโทษค่ะคุณป้า หนูแค่อยากจะมาเยี่ยมคุณพ่อ” เพลงขวัญก้มหน้าตอบด้วยความตกใจ คิดว่าจะโดนตำหนิแต่อีกฝ่ายกลับเปิดประตูให้เธอเข้าไปด้วย “มองจากตรงนี้จะไปเห็นอะไร เข้าไปสิ” “คะ!?” หญิงสาวตกใจนิด ๆ แต่พอเห็นว่านุชรีเปิดประตูให้ เธอก็ยอมตามเข้าไปทำให้พิมพ์พลอยที่นั่งอยู่ด้านในขมวดคิ้วด้วยความตกใจ “แม่ให้มันเข้ามาทำไมคะ” “ใจเย็นสิพิมพ์ อย่างน้อยขวัญเขาก็เป็นลูกของพ่อแกอีกคนนะ” นุชรีหันไปห้ามลูกสาวไว้ ปล่อยให้เพลงขวัญได้ใช้เวลาเพื่อเยี่ยมภูริตเพียงลำพังด้วยการลากลูกสาวออกไปจากห้องเพื่อบอกแผนการบางอย่าง กอหญ้าที่รออยู่ข้างนอก พอเห็นสองแม่ลูกออกมาเธอก็รีบแยกตัวออกไปทันที “แม่ จะให้มันมาเยี่ยมพ่ออีกทำไมคะ อยากให้พ่อหัวใจวายตายหรือไง” “แกหัดใจเย็นบ้างสิยัยพิมพ์ แกเป็นคนบอกแม่เองไม่ใช่เหรอว่าเหมือนคุณราเมศร์เขาจะชอบยัยขวัญน่ะ” ผู้เป็นแม่กระซิบบอก “ชอบแล้วไงคะ ตอนนี้ยัยขวัญมันท้อง ไม่มีผู้ชายที่ไหนเอามันลงหรอก” “มันก็ไม่แน่นะ ดูสิ ท้องมันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรด้วย เขาคงมองไม่ออกหรอกว่ามันท้อง ทำไมเราไม่ลองให้มันไปหลอกล่อเอาบริษัทของเราคืนมาล่ะ บางทีคุณราเมศร์เขาอาจจะยอมใจอ่อนกับมันก็ได้นะ แค่เราเป่าหูไม่ให้มันบอกเรื่องท้องกับเขาก็พอ” นุชรีบอกแผนการที่เธอวางไว้ให้พิมพ์พลอยฟัง ซึ่งอีกฝ่ายเองก็เหมือนจะเห็นด้วย “แม่นี่ฉลาดเหมือนกันนะคะ แค่อ้างบุญคุณนิดหน่อย หนูว่ายัยนั่นก็พร้อมถวายหัวให้แล้วล่ะค่ะ” สองแม่ลูกหัวเราะชอบใจ ก่อนจะรีบตีหน้าเศร้า บีบน้ำตาร้องไห้แล้วเข้าไปเล่นละครฉากใหญ่ให้เพลงขวัญเห็นใจพร้อมกับขอร้องอ้อนวอนให้เธอหาทางทวงคืนโรงแรมและบริษัทคืน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม