“จริงเหรอคะ”
“ครับ...แต่ว่าเธอเสียไปแล้วล่ะครับ เสียไปพร้อมกับลูกในท้องของผมเลย” คำตอบนั้นแม้จะฟังดูเศร้า แต่ทว่าคนฟังกลับรู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อย
“พิมพ์เสียใจด้วยนะคะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ถามไปแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมเริ่มทำใจได้บ้างแล้ว”
“งั้น เดี๋ยวพิมพ์อาสาเป็นคนดามใจให้คุณเองดีไหมคะ” หญิงสาวเผลอเอ่ยออกไปตามความรู้สึกจนภูริตต้องปรามไว้
“น้อย ๆ หน่อยยัยพิมพ์”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ” เขาว่าพลางหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาจิบแล้วเปลี่ยนประเด็นสนทนา “อาหารที่นี่อร่อยแบบที่คุณภูริตบอกไว้จริงๆ ด้วย”
“งั้นก็เชิญคุณราเมศร์มาทานบ่อย ๆ สิครับ”
“ผมต้องมาอยู่แล้วล่ะครับ แต่วันนี้เห็นทีว่าผมต้องขอตัวก่อน พอดีว่ามีธุระต้องไปทำต่อน่ะครับ” ราเมศร์กล่าวลาพลางหันไปหยิบถุงกระดาษมาจากณภัทร “นี่เป็นของฝาก จริงๆ ผมตั้งใจซื้อมาให้คุณเพลงขวัญน่ะครับ แต่ได้ยินว่าเธอลาออกไปแล้ว งั้นผมให้คุณพิมพ์แทนนะครับ”
เขาแกล้งกล่าวแทงใจดำ และถึงแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บใจแต่พิมพ์พลอยก็ต้องยิ้มตอบแล้วรับมันมาเก็บไว้
“ขอบคุณมากนะคะ”
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบเขาก็ลุกจากไปทั้งที่ยังทานอาหารไปแค่นิดเดียว ณภัทรจึงต้องรีบตามออกไปด้วยอีกคน
“คุณเพลงขวัญลาออกไปแล้ว ทีนี้จะเอายังไงต่อครับ”
“ก็ทำตามแผนเดิมนั่นแหละ” ราเมศร์หยุดเดินเมื่อออกมาถึงหน้าโรงแรม สายตาคมกริบเหลือบมองไปยังตึกสูงตระหง่านเบื้องหน้าพร้อมกับรอยยิ้มร้าย “ฉันจะทำให้พวกมัน สูญเสียทุกอย่างเหมือนที่เคยทำกับขวัญชีวา”
ฝ่ามือใหญ่กำเข้าหากันแน่น เขาต้องการทำให้พวกโยธาพิพัฒน์หมดตัวล้มละลาย จะได้ไม่ต้องเอาเงินมาใช้ในทางที่ผิดอีก ถึงแม้ว่าแผนที่จะทำให้พี่น้องแตกคอกันมันจะจบลงเพราะเพลงขวัญไม่อยู่แล้ว แต่ยังไงเขาก็จะทำให้ภูริตกับพิมพ์พลอย รู้สึกเจ็บปวดเหมือนที่เขาเป็นให้ได้
สองเดือนให้หลังนับตั้งแต่วันที่เพลงขวัญถูกไล่ออกมาจากบ้านในวันนั้นเธอก็ไม่ได้ติดต่อใครอีกเลยแม้กระทั่งบุปผากับทับทิม
“เสร็จหรือยังคะคุณแม่ สาย ๆ เดี๋ยวรถจะติดเอานะ” เสียงกอหญ้าเอ่ยเรียกอีกครั้งทำให้เพลงขวัญรีบเก็บกระเป๋าแล้วออกไปหาเพื่อนที่รออยู่ข้างนอกทันที
“เสร็จแล้ว ๆ ”
“งั้นรีบไปกันเถอะ” อีกฝ่ายช่วยประคองเธอลงไปชั้นล่างเพื่อจะพาไปหาหมอฝากครรภ์ตามที่นัดกันเอาไว้โดยมีกอหญ้าอาสาพาไป
“คุณเพลงขวัญ ศรันย์ภักดีค่ะ” หลังจากนั่งรอหมอเพียงไม่นาน พยาบาลหน้าห้องตรวจก็เอ่ยเรียกเธอเข้าไปพบหมอ เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาอัลตราซาวนด์เพื่อดูสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ ที่ฝากฝังอยู่ภายในท้อง
“ตอนนี้น้องมีอายุสิบสามสัปดาห์ ย่างเข้าสี่เดือนแล้วนะคะ” เสียงหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังอัลตราซาวนด์ตรวจดูท้อง และวินาทีนั้นเองที่เพลงขวัญได้เห็นลูกน้อยในท้องเป็นครั้งแรก
“นั่นเขาเหรอคะหมอ”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้น้องตัวยาวประมาณสิบแปดเซนติเมตร น้ำหนักก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถขยับตัวและแขนขาได้แล้วนะคะ ดูสิ ดิ้นใหญ่เลย” คำอธิบายของหมอประกอบกับภาพที่แสดงอยู่บนหน้าจอทำให้หญิงสาวถึงกลับยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความปลื้มปริ่ม ไม่คิดไม่ฝันว่าในชีวิตนี้เธอจะได้เป็นแม่คน
“ลูกแม่...เขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ”
“ตอนนี้ยังมองไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เอาไว้หมอจะนัดมาตรวจดูเพศน้องอีกทีนะคะ”
“ค่ะหมอ” เธอยิ้มตอบทั้งที่สายตายังจับจ้องไปบนหน้าจอ
“ช่วงนี้ท้องคุณแม่อาจจะยังไม่ออก แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลคิดว่าน้องตัวเล็กนะคะ พอสักหกเจ็ดเดือน ท้องก็จะเริ่มออกค่ะ” คุณหมออธิบายต่อ “เดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงไปให้นะคะ”
เพลงขวัญรับรูปอัลตราซาวนด์ที่หมอพรินต์มาให้ด้วยหัวใจที่พองโต รอยยิ้มกว้างยังปรากฏอยู่บนใบหน้าไม่จางหาย แม้ในตอนที่ออกมาจากห้องตรวจแล้วพบกับกอหญ้ากำลังนั่งรออยู่ข้างนอก
“เป็นยังไงบ้างแก”
“นี่ไง...ลูกฉัน หมอบอกว่าเขาอยู่ในเกณฑ์ปกติทุกอย่าง แถมยังดิ้นเก่งด้วยนะ”
“เห็นแกยิ้มได้ก็ค่อยสบายใจหน่อย” อีกฝ่ายลูบไหล่เล็กแผ่วเบาพลางเหลือบมองนาฬิกาด้วยความร้อนใจ “งั้นรีบไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะแวะเอางานที่บริษัทก่อน แกจะได้มีเงินเก็บเยอะ ๆ เอาไว้คลอดลูกไง”
“ไปสิ” เพลงขวัญรีบใส่ยาและใบนัดไว้ในกระเป๋าเพื่อเดินทางไปรับงานแปลเอกสารมาทำที่บ้าน ซึ่งเป็นรายได้ทางเดียวที่สามารถเลี้ยงปากท้องเธอได้ในตอนนี้
หลังจากออกจากบ้านมาได้สองเดือน ตอนนี้เธอเริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตนอกบ้านไปเสียแล้ว คิดไปคิดมากลับรู้สึกว่าสุขสบายมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกจากไม่มีนุชรีกับพิมพ์พลอยคอยจิกหัวแล้ว เธอยังใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ อยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเองได้อีกด้วย
เมื่อกลับมาถึงห้อง เพลงขวัญก็เริ่มทำงานตรวจและแปลเอกสารที่ได้รับมาทันที คิดเอาไว้ว่าจะเอามาแบ่งจ่ายค่าห้องกับกอหญ้า ไม่อยากอยู่เป็นภาระเพื่อนเสียเท่าไหร่
“ขวัญ...” ในขณะที่เธอกำลังจดจ่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นั้น จู่ ๆ เพื่อนก็หันมาสะกิดเธอแล้วยื่นมือถือส่งมาให้
“อะไรเหรอ”
“แกลองอ่านข่าวนี่ดูสิ บางทีแกน่าจะรู้ไว้” เห็นสีหน้าของกอหญ้า เพลงขวัญก็ต้องรับมือถือมาแล้วกดดูเนื้อหาข่าวภายในนั้น
“ภูริต โยธาพิพัฒน์ นักธุรกิจพันล้านแห่งพีพีวายโฮเต็ล ช็อกจนต้องหามส่งโรงพยาบาล...พบว่าเส้นเลือดในสมองแตกจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา หลังจากที่ธุรกิจโรงแรมและบริษัทในเครือถูกเทคโอเวอร์ตกไปอยู่ในมือของราเมศร์ อักษราไพศาล นักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงที่ถูกจับตามองในตอนนี้”
เนื้อหาข่าวที่โชว์หราอยู่ในนั้น ทำให้คนอ่านเองก็ถึงกับช็อก มากกว่าการสูญเสียธุรกิจของครอบครัวนั่นคือการที่ต้องรับรู้ว่าพ่อกำลังจะตาย
“นี่มันอะไรกัน...หมายความว่าคุณราเมศร์ เขายึดทุกอย่างไปหมดแล้วงั้นเหรอ”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ” กอหญ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ “นี่แหละนะเวรกรรมที่ทำกับแกไว้ ฉันล่ะอยากเห็นหน้าสองแม่ลูกนั้นจริง ๆ ”
“แต่นั่นมันพ่อฉันทั้งคนนะหญ้า”
“เขาเคยเห็นแกเป็นลูกไหมล่ะ ถ้าเขารักแก เขาคงไม่ปล่อยให้แกหิ้วท้องมาใช้ชีวิตลำพังแบบนี้หรอก แค่คำว่าพ่อเขายังไม่ให้แกเรียกเลย”
“ฉันอยากไปเยี่ยมพ่อ อยากไปดูให้เห็นกับตา...แกช่วยพาฉันหน่อยนะ” เธอหันไปขอร้องเพื่อน เห็นสีหน้าเจียนจะร้องไห้นั้นก็ทำให้กอหญ้าใจอ่อน ยอมพาหญิงสาวนั่งรถไปยังโรงพยาบาลอีกแห่ง
แต่เมื่อเดินทางมาถึง เธอกลับไม่กล้าที่จะเข้าไปหาภูริต ได้แต่จ้องมองจากข้างนอก เห็นนุชรีกำลังกอดคอลูกสาวร้องไห้โฮด้วยความเสียใจอยู่ในห้องพักฟื้นหลังจากที่ทำการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดไปแล้ว แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น
“ทำไมไม่เข้าไปล่ะ” กอหญ้ากระซิบถาม
“ไม่ล่ะ ฉันขอดูอยู่ตรงนี้ดีกว่า” ดวงตาคู่เศร้าจ้องมองร่างที่ไร้สติของภูริตผ่านช่องเล็ก ๆ ที่ประตู คิดไม่ถึงว่าวินาทีนั้นนุชรีจะเหลือบมาเห็นเข้าพอดี เธอจึงรีบหมุนตัวกลับออกไปแต่มันก็ไม่ทัน
“ยัยขวัญ”
“ขอโทษค่ะคุณป้า หนูแค่อยากจะมาเยี่ยมคุณพ่อ” เพลงขวัญก้มหน้าตอบด้วยความตกใจ คิดว่าจะโดนตำหนิแต่อีกฝ่ายกลับเปิดประตูให้เธอเข้าไปด้วย
“มองจากตรงนี้จะไปเห็นอะไร เข้าไปสิ”
“คะ!?” หญิงสาวตกใจนิด ๆ แต่พอเห็นว่านุชรีเปิดประตูให้ เธอก็ยอมตามเข้าไปทำให้พิมพ์พลอยที่นั่งอยู่ด้านในขมวดคิ้วด้วยความตกใจ
“แม่ให้มันเข้ามาทำไมคะ”
“ใจเย็นสิพิมพ์ อย่างน้อยขวัญเขาก็เป็นลูกของพ่อแกอีกคนนะ” นุชรีหันไปห้ามลูกสาวไว้ ปล่อยให้เพลงขวัญได้ใช้เวลาเพื่อเยี่ยมภูริตเพียงลำพังด้วยการลากลูกสาวออกไปจากห้องเพื่อบอกแผนการบางอย่าง กอหญ้าที่รออยู่ข้างนอก พอเห็นสองแม่ลูกออกมาเธอก็รีบแยกตัวออกไปทันที
“แม่ จะให้มันมาเยี่ยมพ่ออีกทำไมคะ อยากให้พ่อหัวใจวายตายหรือไง”
“แกหัดใจเย็นบ้างสิยัยพิมพ์ แกเป็นคนบอกแม่เองไม่ใช่เหรอว่าเหมือนคุณราเมศร์เขาจะชอบยัยขวัญน่ะ” ผู้เป็นแม่กระซิบบอก
“ชอบแล้วไงคะ ตอนนี้ยัยขวัญมันท้อง ไม่มีผู้ชายที่ไหนเอามันลงหรอก”
“มันก็ไม่แน่นะ ดูสิ ท้องมันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรด้วย เขาคงมองไม่ออกหรอกว่ามันท้อง ทำไมเราไม่ลองให้มันไปหลอกล่อเอาบริษัทของเราคืนมาล่ะ บางทีคุณราเมศร์เขาอาจจะยอมใจอ่อนกับมันก็ได้นะ แค่เราเป่าหูไม่ให้มันบอกเรื่องท้องกับเขาก็พอ” นุชรีบอกแผนการที่เธอวางไว้ให้พิมพ์พลอยฟัง ซึ่งอีกฝ่ายเองก็เหมือนจะเห็นด้วย
“แม่นี่ฉลาดเหมือนกันนะคะ แค่อ้างบุญคุณนิดหน่อย หนูว่ายัยนั่นก็พร้อมถวายหัวให้แล้วล่ะค่ะ”
สองแม่ลูกหัวเราะชอบใจ ก่อนจะรีบตีหน้าเศร้า บีบน้ำตาร้องไห้แล้วเข้าไปเล่นละครฉากใหญ่ให้เพลงขวัญเห็นใจพร้อมกับขอร้องอ้อนวอนให้เธอหาทางทวงคืนโรงแรมและบริษัทคืน