คฤหาสน์
“คนสวยจะไปมหาลัยแล้วหรอ”
“ใช่ค่ะ วันนี้คุณป๋ายังไม่ไปทำงานหรอคะ”
“วันนี้ไม่มีประชุมป๋าเลยจะพักอยู่บ้าน”
ฉันเดินผ่านห้องนั่งเล่นเพื่อจะไปมหาลัยก็โดนเสียงของเจ้าสัววันชัยคุณป๋าหรือพ่อของฉันทักขึ้นมาทำให้ฉันเดินเข้าไปหาท่านที่ห้องนั่งเล่น
ปกติเวลานี้คุณป๋าจะต้องออกไปดูกิจการแล้วซึ่งบ้านของเราทำธุรกิจอัญมณีเพชรพลอยและร้านทองมีหลายสาขาทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนพี่ชายฉันก็ทำงานที่อิตาลีเป็นหลักถึงแม้กิจการของเราจะรวยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศแต่ในตลาดสากลเราก็ยังเป็นเพียงผู้ค้าอัญมณีรายเล็กเท่านั้น
ดังนั้นหลังเรียนจบที่ไทยธันวาพี่ชายฉันก็ไปเรียนต่อเฉพาะทางที่อเมริกาและศึกษาด้านอุตสาหกรรมอัญมณีเพิ่มเติมเพื่อพัฒนากิจการของเราให้ก้าวเข้าสู่ระบบสากล เป็นยังไงพี่ชายและคุณป๋าฉันเก่งใช่ไหมล่ะ
ส่วนฉัน เสาร์ อาทิตย์ก็เข้าไปดูร้านช่วยคุณป๋าบ้างบางครั้งและก็มีแพลนจะไปเรียนด้านออกแบบอัญมณี ต่อด้วยแต่มันก็เรื่องของอนาคตแหละตอนนี้ฉันคงต้องไปเรียนก่อน
“งั้นหนูไปเรียนแล้วนะคะวันนี้อาจารย์ดุ”
“ไปเถอะ อย่าลืมทานข้าวด้วยล่ะ”
“รับทราบค่ะ”
ก่อนออกจากห้องนั่งเล่นฉันก็ก้มหน้าลงไปหอมแก้มท่านอย่างที่ทำประจำ หลายคนคงสงสัยว่าแม่ฉันไปไหน ตอนนี้ท่านอยู่ที่อเมริกาดูแลกิจการที่นู่นนานทีท่านจะกลับมาส่วนความสัมพันธ์ของท่านกับคุณป๋าก็เหมือนเพื่อนกันมากกว่าดูไม่เหมือนคนรักกันเท่าไหร่แต่ในฐานะพ่อและแม่พวกท่านล้วนทำหน้าที่ได้ดี
ร่างบางของสาวฮอตคนดังของนิเทศศาสตร์ก้าวเข้ามาภายในลานคณะด้วยความมั่นใจดวงตากลมโตสวยเฉี่ยวขึ้นเสริมให้เธอมีเสน่ห์เหลือล้นจนใครหลายคนมองจนเหลียวหลัง
“ลูกสาวววว”
ฉันชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาแต่ไกลไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร เจ้แบม พี่รหัสของฉันเองพวกเราสนิทกันมากตั้งแต่ตอนฉันเข้าเรียนใหม่ๆ
“สภาพเหนื่อยหอบมากไม่เหมาะเป็นเจ้เลย” เมษาอดแซวไม่ได้เมื่อเห็นพี่รหัสสาวสองคนสนิทที่วันนี้ไม่ได้แต่งหน้า ปกติพี่แกจัดเต็มจะตาย
“ช่างมัน ช่วงนี้งานฉันยุ่งมากมีเวลากินนอนก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“ขนาดนั้นเลย” ฉันขมวดคิ้วไม่คิดว่าพอขึ้นปี 4 แล้วงานจะยุ่งกันขนาดนี้นึกว่าพอขึ้นปีสุดท้ายแล้วจะงานน้อยลงเพราะเห็นวิชาเรียนไม่เยอะ
“ปีสุดท้ายก็แบบนี้แหละ แกเก็บแรงรอได้เลยมันยุ่งยากเรียนน้อยก็จริงแต่งานเยอะ ไหนจะต้องเอาใจอาจารย์ประจำวิชาอีก”
ฉันพยักหน้ารับฟังเจ้แกระบายความเหนื่อยยากในการเรียนของปีสุดท้ายก่อนที่เจ้แกจะวกกลับมาประเด็นที่ทำให้เจ้แบมเรียกฉันไว้
“ที่ฉันมาหาแกเพราะจะให้แกช่วยนี่แหละ”
“ห๊ะ ช่วยอีกแล้วหรอ”
“โอ๊ย ช่วยฉันสักครั้ง”
“สักครั้งอะไรล่ะรอบก่อนก็ช่วยถือป้ายงานกีฬาคราวนี้ก็มาขอให้ช่วยอีก”
“โถ่ น้องรักก็แกมันสวยแกมันเด่นได้แกมาช่วยงานคราวนี้รับรองฉันได้เกรดเอแน่”
“อ้าว แล้วแบบนี้ฉันได้อะไรล่ะ” คราวก่อนงานกีฬามหาลัยเจ้แบมมาขอให้ฉันและยัยควีนไปถือป้ายคณะและเป็นคฑากร พวกเรายิ่งไม่ชอบทำตัวโดดเด่นเท่าไหร่ ตำแหน่งนี้มันควรเป็นพวกดาวคณะไม่ใช่พวกเราสองคน
“เลี้ยงเหล้ากลมหนึ่ง” เจ้แบมตอบอย่างกระตือรือร้น
“ไหนอยากได้เกรดเอ แต่จ้างด้วยเหล้ากลมเดียวเนี่ยนะขี้งกไปไหมคะ” ฉันกลอกตาจีบปากจีบคอใส่พี่รหัสสาวปกติพวกเราก็คุยกันแบบนี้ฉันเลยกล้าว่าเจ้แก
“แล้วแกอยากได้อะไร”
“พาไปเที่ยวบาร์โฮสหน่อยสิ”
“แค่นี้เองได้สิ”
“เลี้ยงด้วยนะ”
“ห๊ะ!!”
“พาเที่ยวเฉยๆ ได้ยังไงต้องเลี้ยงด้วยไม่งั้นไม่ช่วยนะบอกเลย” ฉันเท้าคางพลางส่งยิ้มให้พี่รหัสสาวที่กำลังทำหน้าเข่นเขี้ยว
“เออ ก็ได้แต่...”
แน่ะ! ยังจะมีแต่อีก
“หลังจากเกรดออกแล้วได้เอเท่านั้น”
“นี่จะไม่ยอมเสียเปรียบน้องเลยใช่ไหม” ฉันเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน ยัยเจ้ขี้งกไม่ยอมเสียเปรียบกันเลยจริงๆ
“ก็ได้”
“งั้นดีล” เจ้แบมยิ้มอย่างพอใจ
“แล้วงานที่ให้ช่วยมันคืออะไร ทำไมดูซีเรียสขนาดนั้น” ฉันลากแขนพี่รหัสมานั่งที่โต๊ะใต้คณะเพราะคิดว่าอาจจะได้คุยกันเล็กน้อยอีกอย่างเหลือบมองเวลาในโทรศัพท์แล้วยังเหลือตั้งสิบนาทีกว่าอาจารย์จะเข้า
“ก็วิชาสื่อโฆษณาอาจารย์ให้โปรเจคมาเป็นงานถ่ายภาพออกแบบบุคคล ซึ่งกลุ่มของเจ้เลือกถ่ายแบบแนวโรมานซ์”
“แนวโรมานซ์หรอ”
“ใช่ปกคู่ ภาพสะท้อนความรักผ่านทางสายตาพอวางแผนและเตรียมทุกอย่างก็เหลือแค่นางแบบนายแบบซึ่งลี่มันไปหานายแบบส่วนฉันก็นึกถึงแต่แกเลย ทั้งใบหน้าทั้งหุ่นไหนจะสายตาแกเกิดมาเพื่องานฉันโดยเฉพาะเลยเมษาลูกรัก”
“เจ้อย่าเว่อร์!”
“เออนั่นแหละ ฉันเลยหอบสังขารของฉันมาหาแกไง”
“ถ่ายแบบก็ได้ไม่มีปัญหาแต่งานออกมาไม่ดีอย่ามาโทษฉันแล้วกัน เออแล้วทำไมไม่ไปขอยัยควีนล่ะรายนั้นเคยถ่ายแบบ”
“น้องควีนคาแรคเตอร์ยังไม่ใช่ที่ฉันต้องการ อีกอย่างแฟนเขาหวงขนาดนั้นใครจะกล้า” แบมบี้ลูบไล้แขนตัวเองอย่างขนลุกขนพองเพราะเคยมาขอให้ควีนช่วยงานกีฬาเธอยังโดนไฟจ้องเขม็งจะตาย
“ฮ่า ฮ่า พี่ไฟสินะ” ฉันหัวเราะอย่างรู้ทันความคิดของเจ้แบม
“ใช่ แกจะหาเรื่องตายให้ฉัน”
“แหม ก็ยัยควีนสวยขนาดนั้นพี่ไฟจะหวงก็ไม่แปลก”
“แล้วแกล่ะไม่คิดจะมีแฟนกับเขาบ้างหรอ”
“เข็ด!” ฉันส่ายหน้า
“โอ๊ย ผู้ชายดีๆ มีเยอะแยะอย่าไปจมปลักกับผู้ชายห่วยแตกคนเดียวสิ”
“ก็ยังหาดีไม่ได้ไง โถ่” ผู้ชายทุกวันนี้หาดีได้ที่ไหนอยู่เป็นโสดสบายใจกว่า สวย รวย เก่งแบบฉันจะพึ่งผู้ชายไปทำไม
“จ้ะ แม่คนสวยงั้นเดี๋ยวเจ้ไปก่อนยังไงจะนัดอีกทีนะ”
“โอเค ไว้เจอกันเจ้”
ฉันเดินแยกขึ้นตึกส่วนเจ้เดินออกไปอีกทางสงสัยมีเรียนตึกอื่น ระหว่างทางก็มองเวลาในโทรศัพท์ไปด้วยจนมาถึงห้องเรียนก็เห็นควีนเพื่อนสาวคนสนิทโบกมือให้ฉันเลยรีบเดินไปนั่งที่ที่เพื่อนจองไว้
“วันนี้มาช้าจัง” ควีนหันมาถามเมื่อเห็นเมษานั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“เจอเจ้แบมเลยนั่งคุยกับพี่แกอยู่ข้างล่างน่ะ แล้วนี่รอนานไหมโทษทีฉันลืมทักบอก”
“ไม่นานพึ่งมาเหมือนกัน”
เราคุยกันได้ไม่นานอาจารย์ประจำวิชาก็เข้าหลังจากนั้นพวกเราก็หยุดบทสนทนากันและจดจ่ออยู่กับการสอนเพราะวิชานี้อาจารย์ดุมากฉันไม่อยากโดนถามระหว่างอาจารย์สอนส่วนควีนก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนเพราะชั่วโมงที่แล้วเธอไม่ได้เข้า
ถึงพวกเราจะเที่ยวบ้างเรียนบ้างแต่ผลการเรียนไม่เคยตกเพราะระหว่างเรียนก็ตั้งใจเรียนกันตลอดทั้งฉันและยัยควีนรายนี้ถ้าไม่โดนพี่ไฟก่อกวนก็ไม่มีทางขาดเรียนหรอก ฉันคิดกับตัวเองในใจก่อนจะแอบเห็นรอยสีแดงที่คอเพื่อนแล้วได้แต่ส่ายหัวยัยควีนก็ตัวแค่นี้พี่ไฟทำไมต้องทำเพื่อนฉันช้ำขนาดนี้ด้วย นี่ถ้าฉันมีแฟนแล้วฉันเป็นแบบนี้นะบอกเลยฉันจะทุบให้หนัก!