วันนี้เลิกเรียนค่ำหลังเลิกเรียนพวกเราเลยชวนกันมาหาอะไรกินแถวมหาลัยและฉันจะแวะไปส่งเธอที่คอนโดด้วยเพราะวันนี้พี่ไฟติดทำโปรเจคที่คณะพี่แกไม่อยากให้ควีนรอเลยให้ควีนกลับมาที่ห้องก่อน
ประจวบกับที่ยัยนินิวเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่มัธยมที่เรียนคณะบริหารชวนไปกินหมูกระทะพวกเราเลยตกลง คนที่มีความสุขที่สุดคงเป็นฉันเพราะไม่ได้เจอนินิวนานมากล่าสุดก็ตั้งแต่เปิดเทอมปี 3 ที่ไปกินเหล้าด้วยกันกับอิงปิง เมโกะ และน้องไซซีซินเซียจากคณะวิศวะ
“เมษาทางนี้”
เสียงหวานสดใสดังมาจากอีกฝั่งทางเข้าร้านทำให้ฉันยิ้มและหันไปคว้าแขนควีนเดินไปที่โต๊ะของนินิว
“แก นี่ควีน..ควีนนี่นินิวเพื่อนตั้งแต่มัธยมที่เคยเล่าให้ฟังเรียนมหาลัยเดียวกับเราแต่อยู่บริหาร”
“หวัดดีควีน ตัวจริงสวยมากเลย”
“นินิวก็เหมือนกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ร้านนี้แบบชุดใช่ป่ะ”
หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จฉันก็หันไปถามนินิวเพราะร้านนี้ฉันไม่เคยมาแต่เห็นเพื่อนนัดมาที่นี่คงจะเคยมากินบ้างแล้ว
“คงใช่ เห็นพี่นินบอกแบบนั้น”
“พี่นิน..กลับมาแล้วหรอ?”
“ใช่ นึกว่าแกจะลืมพี่ชายฉันแล้วนะเนี่ยอุตส่าห์เล่าเรื่องแกให้พี่นินฟังบ่อยๆ”
พี่นิน หรือ พี่นินจาเป็นพี่ชายนินิวอายุมากกว่าพวกเราแค่ปีเดียวอย่างที่บอกฉันกับนินิวเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมบ้านเราก็รู้จักกันทำให้ฉันสนิทกับพี่นินจาไปด้วยแต่พอขึ้นมหาลัยพี่เขาก็ไปเรียนที่มหาลัยคิงเวลล์แต่ฉันไม่รู้ว่าคณะอะไรไม่ได้ถาม
“จะลืมได้ยังไงกับพี่นินฉันก็สนิทนะหมายถึงสมัยก่อนไม่ใช่ตอนนี้”
“เดี๋ยวเจอก็สนิทกันใหม่เหมือนเดิมแกคุยเก่ง”
“คุยเก่งอะไรล่ะ”
“ใช่ไหมควีน” นินิวหันไปหาพรรคพวก
“อืมใช่ตอนเจอกันครั้งแรกก็เป็นเมษามาทักก่อน”
“หรอเหมือนตอนมัธยมเมษาก็มาทักนิวก่อนเหมือนกันเห็นไหมแกน่ารักจะตายอัธยาศัยดี คิกคิก”
“พอๆ หิวแล้วสั่งเลยดีกว่า”
ฉันตัดบทก่อนนินิวจะพูดอะไรเลอะเทอะไปมากกว่านี้ ร้านนี้พนักงานเยอะมากและลูกค้าก็เยอะมากเช่นกันเป็นร้านใหญ่ตกแต่งดีและบริการดีแล้วทำไมฉันถึงไม่เคยมากันนะ
ดวงตากลมโตสวยเฉี่ยวหันไปมองบรรยากาศนอกร้านก่อนจะหยุดลงที่หน้าร้านอาหารข้างร้านหมูกระทะที่มีรถสปอร์ตสุดหรูขับมาจอดร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนและรอยยิ้มทรงเสน่ห์ก้าวลงมาจากรถโดยมีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องอยู่ เมื่อเห็นว่าเป็นใครเธอก็เบะปากก่อนจะสะบัดหน้าหนี
ไม่ได้มั่นหน้าหรืออะไรนะแต่ทุกครั้งที่เจอกันเพทายชอบเข้ามาหาฉันทุกครั้งซึ่งฉันก็ไม่มีอารมณ์อยากจะคุยกับเขาทุกครั้งนั่นแหละยิ่งเกลียดยิ่งเจอ ไม่รู้ทำไม
เฮ้อ!!!
“ถอนหายใจอะไรขนาดนั้น”
“อ๊ะ เปล่าคิดอะไรเพลินๆ”
ฉันสะดุ้งเมื่อหันหน้ากลับมาเจอยัยควีนกำลังจ้องฉันอยู่อย่างจับผิดไม่ใช่อะไรนะก็ตอนที่ควีนกับพี่ไฟทะเลาะกันไม่กี่วันก่อนแล้วมีผู้หญิงมาหาพี่แกฉันก็โทรไปบอกยัยควีน
ซึ่งใครจะไปคิดหลังจากดีกันแล้วยัยควีนดันมาจับผิดฉันว่ารู้ได้ยังไงในเมื่อในโซนนั้นมันมีแค่โต๊ะของพวกพี่ไฟ ฉันก็ได้แต่อึกอักไม่ยอมบอกควีนเลยจับผิดฉันมาตลอด
จะให้ฉันบอกได้ยังไงละว่าคนที่บอกฉันคือพี่นักรบตั้งแต่วันที่เจอพี่เขากับเจ้าหมูปิ้งฉันก็แวะไปเล่นด้วยตลอดเราเลยได้คุยกันบ้างและวันนั้นเขาก็ทักมาบอกทางไอจีซึ่งฉันกดติดตามพี่เขาแต่เขาไม่ได้ติดตามฉันเพราะเดี๋ยวมีประเด็นกันอีก
“เดี๋ยวนี้มีความลับเยอะนะเรา”
“ความลับอะไรไม่มี๊” ฉันรีบปฏิเสธ
“เสียงสูงปรี๊ดเลย”
“ความลับอะไร ขอรู้ด้วยคนสิ”
นินิวที่ละมือจากการคีบพลิกเนื้อบนเตาก็แทรกเข้ามาทันทีเมื่อเห็นทั้งสองกำลังฟาดฟันกันอยู่เธอก็อยากรู้ด้วย
“ไม่มี/เมษามีความลับ”
เมษาและควีนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันอย่างรวดเร็วและหันกลับมาจ้องหน้ากันจนนินิวหัวเราะ
“สรุปมีหรือไม่มี”
“มี เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง”
แล้วยัยควีนก็เล่าเรื่องนี้ให้นินิวฟังไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองคนจะสนิทกันได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ส่วนฉันก็นั่งหน้าตึงมองสองคนนี้คุยกันสนุกปากซึ่งเรื่องที่คุยก็ไม่พ้นเรื่องฉัน
ถึงจะเค้นยังไงฉันก็ไม่บอกหรอกเพราะตกลงกับพี่นักรบแล้วถ้าฉันบอกสองคนนี้ก็ถามยาวอีกว่าไปรู้จักกันตอนไหนหรือไปคุยกันตอนไหน
“ไปห้องน้ำนะ”
ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะบอกเพื่อนไว้แต่ทั้งสองแค่หันมาพยักหน้าและคุยกันต่อฉันเดินออกจากหลังร้านเพื่อไปเข้าห้องน้ำเพราะที่ร้านทำห้องน้ำไว้ห่างจากโซนร้านเล็กน้อย
เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จฉันก็เตรียมจะเดินกลับเข้าร้านแต่ฝนดันตกลงมาทั้งที่วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสมากฉันทักแชทไปบอกเพื่อนว่าติดฝนรอฝนซาถึงจะเข้าไปเพราะขืนวิ่งผ่าฝนไปคงได้เปียกเป็นลูกหมาแน่เลยไหนจะเสื้อนักศึกษาสีขาวอีก
ครืนนนนน
เปี้ยง!
“หนักกว่าที่คิดไว้”
เมษาพึมพำเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงดังกัมปนาทของท้องฟ้าที่คำรามลั่นอย่างน่ากลัวเธอไม่ได้กลัวเพียงแค่ยกมือมาปิดหูไว้เท่านั้น
“แล้วทำไมมันมีแค่ฉันคนเดียวที่มาห้องน้ำ” ฉันหันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนร่วมชะตากรรมแล้วไม่มีก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก
สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยร่างบางยืนหลบฝนใต้ชายคาห้องน้ำแขนเรียวยกขึ้นมากอดตัวเองเมื่อรู้สึกหนาวเพราะละอองฝนก็กระเด็นมาโดนตัวบ้างประปราย
ฟุ่บ!
“อ๊ะ..”
ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อมีเสื้อมาคลุมที่ตัวและหัวฉันจนมองไม่เห็นอะไร มือบางจับเสื้อออกก่อนจะมองคนที่ถือวิสาสะทำอะไรแบบนี้
เพทาย
“นายทำอะไรของนาย”
“สิ่งที่เธอควรพูดกับฉันคือ ขอบคุณนะคะพี่เพทาย ไม่ใช่มาย้อนถามว่าทำไปทำไม”
ร่างสูงพูดเสียงขึ้นจมูกอย่างหงุดหงิดเขากำลังนั่งกินข้าวกับน้องพีนัท บริหารปี 3 อยู่ร้านข้างกันหันมาเจอเธอที่ยืนตากฝนอยู่ตอนแรกเขาก็ไม่สนใจหรอกแต่เมื่อฝนเริ่มตกแรงขึ้นนานเข้าฝนไม่หยุดเขาก็ยังเห็นเธอยืนโง่หลบฝนอยู่ที่เดิม
พอมองทั่วทั้งร่างก็พอเข้าใจว่าทำไมไม่วิ่งผ่าฝนเสื้อนิสิตสีขาวสะอาดตากับกระโปรงทรงเอรัดรูปถ้าโดนน้ำมีหวังเห็นไปถึงไหนต่อไหนเขาเฝ้ามองเธอมาสักพักจนเห็นยัยตัวแสบยกแขนกอดตัวเองเขาเลยรีบลุกออกจากร้านและถอดเสื้อช็อปออกมาเพราะกลัวเสื้อช็อปเปียกก่อนที่เธอจะใส่แต่ดูสิ่งที่เธอถามคำสิ..ใช้ได้ที่ไหนกัน
“แล้วฉันได้ขอนายไหมล่ะ”
ฉันรู้นะว่าการพูดแบบนี้มันไร้มารยาทมากถ้าเป็นคนอื่นฉันก็จะไม่ว่าอะไรเลยแต่นี่คือเพทายฉันกับเขาเราไม่ได้สนิทกันเจอกันแต่ละทีก็ปะทะฝีปากกันตลอดเขาจะมาช่วยฉันทำไมกัน
“ยัยแสบพูดดีๆ สักวันมันจะตายไหม ทำไม!เป็นฉันมาช่วยเธอเลยไม่พอใจงั้นหรอ” น้ำเสียงทุ้มแหบเริ่มโมโหทำไมเธอต้องปากจัดกับเขาด้วยทั้งที่เขามาช่วยเธอแท้ๆ
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ขอ แล้วเสื้อเนี่ยก็เอาคืนไปฉันไม่ใส่ของคนอื่น” ฉันพูดก่อนจะยื่นเสื้อช็อปสีแดงคืนเขาไปแต่เพทายก็ไม่ยอมยื่นมือมารับเสื้อของเขาเลย
“รังเกียจขนาดนั้นเลย?” บรรยากาศหนาวเหน็บและเสียงฝนในที่สุดเพทายก็เอ่ยออกมา นัยน์ตาทรงเสน่ห์มองจ้องมาที่เธอเรียบนิ่งไม่มีแววขี้เล่นหลงเหลืออยู่ชั่ววูบหนึ่งแฝงแววน้อยใจอยู่ในนั้น
เมษาเม้มริมฝีปากแน่นอย่างใช้ความคิดไม่รู้เขาจะมาไม้ไหนส่วนเรื่องเสื้อเธอก็ไม่ชอบใช้ของร่วมกันกับใครอยู่แล้วทำไมเขาต้องคะยั้นคะยอให้ใส่เสื้อเขาด้วย
“ใช่ รังเกียจ!นายไม่จำเป็นต้องมาทำดีกับฉันเราแค่ต่างคนต่างอยู่” เมษามองร่างสูงตรงหน้านิ่งไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขาแต่อย่ามายุ่งกับเธอก็พอ
ฉันมองเขารับเสื้อช็อปกลับไปก่อนจะสำรวจทั่วทั้งร่างของเขา ดวงตากลมโตของฉันเบิกกว้างผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกจนลู่ลงไหนจะเสื้อยืดและกางเกงยีนก็เปียกชุ่มไปทั้งตัวอีก
ทำไมเปียกขนาดนี้?
“ถ้าไม่เอาก็ช่างเถอะ”
“นี่นาย!”
ฟุ่บ!
ฉันมองเพทายโยนเสื้อช็อปลงพื้นก่อนจะเดินผ่าฝนออกไปเขาไม่ได้เดินไปที่ร้านข้าวข้างร้านหมูกระทะของฉันแต่เดินไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ร่างบางยืนมองเขาขับรถออกไปจนสุดท้ายตาก่อนจะหันมามองเสื้อช็อปสีแดงที่นอนแอ้งแม้งในน้ำ เธอควรทำยังไงดีหยิบเสื้อขึ้นมาหรือทิ้งมันไว้ตรงนี้
ช่างเถอะขนาดเจ้าของมันยังไม่สนแล้วเธอจะสนทำไม ฝนเริ่มเบาลงมากแล้วเธอเลยตัดสินใจผ่าฝนไปที่ร้านหมูกระทะ แต่เสียงวีนของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังเข้าสู่โซนประสาทซะก่อนทำให้เธอหยุดชะงัก
“กรี๊ดด แกมารับฉันด่วนเลยนะ ฉันอายมากแก โดนผู้ทิ้งไว้ที่ร้านข้าวแบบนี้อยู่ดีๆ ก็ลุกหนีออกไปเลยตอนแรกนึกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ….จะใครล่ะก็พี่เพทายไง…เร็วๆ เลยคนในร้านมองใหญ่แล้ว”
เมื่อหญิงสาวคนนั้นกดวางสายและเดินกลับเข้าไปในร้านแล้วเมษาเลยหันกลับไปมองเสื้อช็อปสีแดงตัวนั้นพลางนึกไปถึงเจ้าของของมันและได้แต่ถอนหายใจ
นายคิดจะทำอะไรกันแน่..เพทาย!