วันต่อมา...
หากปล่อยไว้อาจจะทำให้ไม่สามารถไปทำงานได้ตามที่นัดลูกค้าไว้ ปานเดือนหอบสังขารที่ไม่ไหวนี้มาโรงพยาบาล สองขาที่แยกออกจากกันให้แพทย์สาวตรวจภายในนั้นทำให้เธอขายหน้าอยู่ไม่น้อย
“สามีมีรสนิยมชอบใช้ความรุนแรงใช่ไหมคะ” แพทย์สาวถาม
“เอ่อ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เธอตอบไม่เต็มเสียมากนัก
“เลือดออกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วใช่ไหมคะ ตอนนี้ยังมีซึมอยู่เลยค่ะ น่าจะมีบาดแผลข้างในนะคะ” คุณหมอมองแล้วรู้สึกสงสารอยู่ไม่น้อย หัวอกผู้หญิงด้วยกันนั้น หากไม่ได้มีรสนิยมนิยมความรุนแรง ก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็น
“แล้ว...ต้องทำยังไงคะ” ปานเดือนเป็นกังวล ไม่รู้ว่าเขาจะผีเข้าผีออกอีกเมื่อไร ถ้าเป็นคืนนี้ต้องคอยรองรับอารมณ์เขาอีกล่ะ เธอจะไม่ตายแน่หรือ
“อาจจะต้องทานยาให้แผลหายไว แต่ระหว่างนี้งดมีเพศสัมพันธ์ก่อนนะคะ ไม่งั้นแผลอาจจะติดเชื้อได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะรักษายากค่ะ” ปานเดือนมีสีหน้าลำบากใจ เพราะเธอขัดคำสั่งของเขาไม่ได้เลย
“อ่อ ได้ค่ะ” แต่ก็ต้องตอบรับไปก่อน คงต้องเอาใบรับรองแพทย์ไปให้เขาดู เผื่อว่าเขาจะเห็นใจเธอบ้าง “ขอใบรับรองแพทย์ด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหมอสั่งยาให้นะคะ” เธอพยักหน้ารับ ก่อนจะลงจากเตียง การขยับเพียงเล็กน้อยนั้นทำให้รู้สึกเจ็บมาก น้ำตาของเธอแห้งเหือด เพราะร้องไห้ทั้งคืน...จนถึงเช้า
เวลาผ่านไปสักพัก...ปานเดือนนั่งรอรับยาเพียงลำพัง มองเห็นผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ยิ่งแผนกนรีเวชแล้วหลายคนก็มาเป็นคู่ สามีภรรยาที่มาด้วยกันทำให้เธอก้มลงมองฝ่ามือของตัวเอง ความเจ็บของเมื่อคืนยังไม่จางหาย ทรมานตั้งแต่ได้แต่งงานกับเขา
ความรัก...มันค่อย ๆ จางหายไปโดยที่เธอเองก็รู้สึกได้ เขากลายเป็นปีศาจในสายตาของเธอ แทนที่ผู้ชายที่เธอเคยส่งจดหมายไปหาเมื่อครั้นยังเด็ก
เพียงแค่คิดน้ำตาก็ร่วงเผาะลง
เพียงเพราะเขาไม่รัก...เขาก็เลยใจร้ายก็เท่านั้น
ครืดด ครืดด~
เสียงโทรศัพท์ดึงสติที่หลุดลอยนั้นกลับมา ฝ่ามือบางล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายข้าง เธอมองรายชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก่อนจะกดรับ
“ว่าไง”
[อยู่ไหนอะ เหงา ไปกินข้าวมะ] เป็นไอติมที่โทรมาหา
“หึ บอกว่าให้หาแฟนได้แล้ว ทีงี้แล้วมาบ่นเหงา” หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ ไอติมสาวตรึมมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่มีแฟนเสียที
[โห ไล่ตลอด แล้วอยู่ไหนล่ะ ยังไม่ตอบเลย] ปานเดือนไม่อยากให้เพื่อนสนิทคนนี้รู้สึกเท่าไร เพราะไอติมนั้นจะเป็นห่วง ทว่า
“ขอเชิญคนไข้หมายเลข 8756 ที่ช่องบริการ 4 ค่ะ” อยู่ ๆ เสียงเรียกอัตโนมัติของโรงพยาบาลก็ดังขึ้น
[เดี๋ยวนะ เสียงเหมือนอยู่โรงพยาบาลเลย เธอไปทำอะไรที่โรงพยาบาลเดือน]
“คือว่า...ก็แค่มาตรวจร่างกายเฉย ๆ น่ะ”
[ไม่จริง เธออยู่ไหน บอกมา]
“คือแกไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ฉันไม่เป็นอะไรเว้ย นี่เดือนแมวเก้าชีวิตนะ”
[หยุดพูดแล้วบอกมาว่าอยู่ที่ไหน]
“ติม...”
[มันทำเหี้.ยอะไรเธออีก!!] เขาตะคอกเสียงดังผ่านโทรศัพท์มือถือ จนคนปลายสายต้องดึงโทรศัพท์ออกจากหู ปานเดือนตกใจเสียงของเขา
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่เป็นไร”
[ไม่เป็นไรก็บอกมาดิวะ ยิ่งเธอพูดอย่างนี้ฉันก็ยิ่งโมโห] ได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมา ปานเดือนยอมบอกชื่อโรงพยาบาลในที่สุด ไม่อย่างนั้นไอติมก็คงไม่ยอมอยู่ดี เธอไม่อยากมีปัญหากับเพื่อน ยิ่งมีเพื่อนน้อยอยู่แล้วด้วย...
เวลาต่อมา...
เปรมนัตย์มาทำงานด้วยใบหน้านิ่งเรียบ งานของเขานั้นไม่ได้หนักอะไรมาก เพียงแค่รอเซ็นเอกสาร ฟังรายงาน คอยออกคำสั่ง เดี๋ยวมดงานในบริษัทก็จะคอยทำงานตามคำสั่งของเขาเอง
“เอ่อ ท่านครับ คุณเดือนไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วนะครับ” เขาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร
“คอยจับตาดูด้วยว่าเธอไปบอกพ่อกับแม่ฉันหรือเปล่า”
“ครับ” ไตเติ้ลทำงานกับพ่อของเขามาก่อน ก่อนจะถูกสั่งให้คอยรับใช้ลูกชายของประธานกรรมการบริหารอาวุโสอย่าง ปรวีร์ “อ้อ ผมลืมบอกไป คุณเดือนกลับบ้านกับเพื่อนของเธอนะครับ”
“หือ ไอ้เวรนั่นเหรอ”
“ครับ” ฝ่ามือหน้ากำเข้าหากันแน่น สองคนนี้สนิทสนมจนเกินหน้าเกินตาเขามานาน ไม่ได้หวง ไม่ไห้หึงอะไรหรอก เพียงแต่กลัวว่าเธอจะเอาโรคมาให้เขา
“ถ้างั้นก็กลับ”
“หือ...กลับตอนนี้เหรอครับ”
“ก็ใกล้เลิกงานแล้วนี่” เขามองนาฬิกาบนข้อมือ ก่อนจะลุกพรวดขึ้น เปรมนัตย์เดินออกจากห้องทำงาน ผ่านพนักงานหลายคนที่ค้อมศีรษะให้ ไม่เว้นแม้นแต่ชัชวาลที่ปรี่เข้าหา
“เอ่อ ท่านครับ” เห็นอย่างนั้นเปรมนัตย์ก็ยกฝ่ามือขึ้นปรามเพื่อบอกว่ารีบ ซึ่งอีกฝ่ายก็เดินขนาบข้าง ไม่ได้เข้าไปขวางด้านหน้า
“ผมอยากให้ท่านพิจารณาตำแหน่งให้ลูกสาวผม...”
กึก!
“ทำงานกับผมมานานแล้ว ไม่รู้หรือไงว่าผมเกลียดระบบอุปถัมภ์มากแค่ไหน” ชายหนุ่มไม่เคยรับเด็กของใครเข้ามาทำงานโดยไม่ได้ดูความสามารถ ไม่ว่าจะใหญ่โตแค่ไหนเขาก็ไม่เคยรับ ซึ่งคำพูดของคนเป็นนายทำเอาชัชวาลกำฝ่ามือแน่นด้วยความโกรธ ด้วยความที่เปรมนัตย์เอ่ยพูดตอนเมาว่าได้ ทำให้เขาค่อนข้างที่จะคาดหวังเลยทีเดียว...
...ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงบ้าน แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ปานเดือนอยู่กับไอ้เวรนั่นจริง ๆ ซึ่งพอเขามาถึงก็เห็นคนสองคนกำลังนั่งคุยกันที่โซฟาภายในบ้าน โดยที่ทั้งคู่หันหลังให้เขา
“ดีจริง ๆ นะ ผัวทำงานเมียเอาผู้ชายเข้าบ้าน” เสียงทุ้มลึกเต็มไปด้วยการประชดประชันทำให้ทั้งคู่สะดุ้ง ด้วยความที่ทั้งคู่ตั้งใจจดจ่อพูดคุยกันทำให้ไม่ได้ยินเสียงรถ ปานเดือนหันไปมองเขา เช่นเดียวกับไอติมที่ลุกพรวดขึ้น
“ไอ้เลว...”
“ว่าไง...ไอ้เวร” เปรมนัตย์สวนกลับทันควันเช่นกัน เห็นท่าไม่ดีปานเดือนรีบดึงแขนของเพื่อนชายไว้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะกระโจนใส่ ชายหนุ่มสลัดแขนทำให้แขนของเธอที่ยังพองอยู่นั้นรู้สึกเจ็บ
“โอ๊ย!”
“เดือน!!” ไอติมรีบเข้ามาประคอง หัวใจของเขาร่วงลงพื้น เมื่อเห็นว่าเธอเจ็บ ซึ่งการกระทำของอีกฝ่ายทำให้เปรมนัตย์หมั่นไส้เป็นอย่างมาก ฝ่ามือหนาคว้าบ่าของอีกฝ่ายให้หันมา ก่อนจะซัดหมัดหนัก ๆ ใส่หน้าโดยที่ไอติมไม่ทันได้ตั้งตัว
ผลัวะ!!
“กรี๊ดด! พี่เปรม!! หยุดนะ” ไม่เว้นช่วง พอไอติมเสียหลักล้มก็ขึ้นคร่อมพร้อมกับรัวหมัดใส่ไม่บันยะบันยังกะเอาให้พิการเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่ไอติมยังไม่ทันได้ทำอะไรเขาเลย ซึ่งอีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งหลัก แต่พอตั้งหลักได้ก็ถีบหน้าท้องของเปรมนัตย์อย่างแรง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมแทน
ชายหนุ่มกระชากคอเสื้อเชิ้ตพร้อมกับง้างหมัดขึ้น ทว่าปานเดือนกลับทรุดเข่าลงพื้นพนมมือไหว้เขาเสียก่อน
“ไอติมเราขอร้อง ฮึก พะพอได้ไหม” เพราะเป็นคนที่เธอรัก เธอถึงทำขนาดนี้ ไอติมยอมที่จะปล่อยอีกฝ่ายไปแม้นจะยังไม่ได้ต่อยเลยสักหมัดเดียว
“หึ มึงกล้าเข้ามาในบ้านกู ด่ากูแล้วคิดจะต่อยกูอีก” เปรมนัตย์ว่าเสียงเข้ม ก่อนจะล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงหมายจะเอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาตำรวจ เตรียมแจ้งข้อหาบุกรุก ทว่า
“พี่คะ ขอร้องล่ะ...อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ได้ไหมคะ ฮึก ได้โปรดเถอะ” เขาเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ เป็นไฮโซหน้าตาดีที่ใคร ๆ ต่างให้ความสนใจ หากมีการแจ้งตำรวจเรื่องคงบานปลายไม่จบไม่สิ้นเสียที
“ทำไม เป็นห่วงชู้รักนักหรือไง”
“เขาไม่ได้เป็นชู้ของฉัน เขาเป็นเพื่อน”
“อ้อ เพื่อน...” ชายหนุ่มจงใจเน้นย้ำคำว่าเพื่อน กระนั้นก็ไม่วายอยากต่อว่าเธอ “ก็ถ้าได้กันแล้วเอาโรคมาติดกู กูไม่เอาไว้แน่”
“ทุเรศฉิบหาย” ไอติมสบถออกมาให้กับความคิดสกปรกโสโครกของอีกฝ่าย
“ทำไม มึงมายุ่งกับเมียคนอื่นก็ทุเรศเหมือนกัน”
“พอเถอะค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน...” ปานเดือนไม่ค่อยอยากให้ไอติมมาหาสักเท่าไร เพราะจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้วนซ้ำไปไม่จบไม่สิ้น “แกกลับไปก่อนได้ไหม”
“ถ้าเรากลับไป แล้วมันทำอะไรเดือนล่ะ แค่นี้มันยังไม่พออีกเหรอ” เขาเห็นใบรับรองแพทย์แล้วก็ยิ่งปวดใจ ปวดใจที่ไม่สามารถช่วยผู้หญิงที่ตัวเองรักได้เลย
“ขอร้อง กลับไปก่อนนะ”
“เดือน...”
“หึ พลอดรักกันดีจริง ๆ อาลัยอาวรณ์นักไม่ชวนมันย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยล่ะ” สามีหนุ่มประชด ยิ่งเห็นใบหน้าของไอ้เวรนี่ก็ยิ่งอยากเข้าไปต่อยให้หนำใจอีกสักร้อยหมัด
“เดือน ถ้ามีอะไร...เดือนโทรหาเรานะ”
“อือ เราจะโทรหาไอติมคนแรกเลย” เปรมนัตย์ได้ยินอย่างนั้นถึงกับทำทีเหมือนจะอ้วก ก่อนที่ไอติมจะมองมาที่เขาด้วยสายตาอาฆาตแค้น
ริมฝีปากหนาของคนหนุ่มกว่าพึมพำด่า ‘ไอ้เลว’ โดยไม่มีเสียง ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป ปล่อยให้ปานเดือนเผชิญกับผู้ชายที่ไม่ต่างจากปีศาจคนนี้เพียงลำพัง