“ร่านนักนะ” เปรมนัตย์เท้าเอวต่อว่าเธอ มองผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าภรรยาด้วยหางตาอย่างคนเหยียดหยาม ถึงแม้นจะรังเกียจเธอปางตาย แต่เขาก็ไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนไหน ไม่เคยเที่ยวผู้หญิงตั้งแต่แต่งงานกันมา เพราะแท้จริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้ชอบมั่วไปทั่วเช่นกัน แต่การที่เธอพาผู้ชายเข้าออกบ้าน มันไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ”
“เหรอ หรือจะรอให้ทำก่อนล่ะฉันถึงพูดได้” เขาโมโห ยิ่งเห็นเธอสำออยคล้ายจะร้องไห้ก็ยิ่งโมโห “อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอพามันเข้ามาในบ้านอีก”
“แต่ไอติมเป็นเพื่อนฉันนะคะ เราทำงานด้วยกันด้วย”
“เพื่อน? ไอ้หน้าหนวดนั่นเป็นเพื่อนเธอ เธอโง่หรือยังไง มันจะจับเธอ***อยู่แล้วแต่ยังพูดออกมาได้ว่าเป็นเพื่อน” ริมฝีปากบางอ้าค้างเมื่อผู้ชายตรงหน้าหลุดคำพูดหยาบกร้านออกมา เปลือกตาบางกะพริบปริบ ๆ
“ทำไมถึงดูถูกความคิดของคนอื่นแบบนั้นคะ ไม่มีใครคิดอะไรต่ำ ๆ แบบนั้นหรอกค่ะ”
“ทำไม หึ หรือกลัวจะคิดถูก”
“ไม่ใช่ อึก เราไม่ได้ทำอะไรแบบที่พี่คิดหรอกค่ะ ฉันกับไอติมเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถมแล้ว” เขาส่ายหน้าเบา ๆ
“ที่พูดไม่ได้หวงเธออะไรหรอกนะ แต่ถ้าเธอเอาโรคมาให้ฉัน...ฉันจะฆ่าเธอให้ตายคามือ”
ถ้อยคำที่เปล่งออกมาแต่ละคำนั้นช่างต่างจากพี่เปรมที่เธอเคยรู้จัก เพราะความอาฆาตแค้นหลังคู่หมั้นตายทำให้เขากลายเป็นคนอีกคนที่เธอไม่รู้จัก
“ก็ถ้าเธอไม่หยุดคบกับมัน ก็รอดูเลย” เขาชี้นิ้วข่มขู่ “ถ้าเธอมีชู้ กูจะมีเมียน้อยสักสิบคน”
“_” เธอกลืนน้ำลายลงคอ แค่เขารักคนอื่นก็เจ็บแล้ว หากมีเมียน้อยอย่างที่ปากว่า...เธอจะทำใจได้หรือ
“หึ...” เปรมนัตย์หัวเราะเมื่อเห็นหน้าเหวอ ๆ ของเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปกระชากต้นแขนเล็กให้ขยับเข้ามาใกล้ พลิกตัวเธอซ้ายขวาเพื่อดูว่าเจ้าหล่อนได้ทำเรื่องน่ารังเกียจพรรค์นั้นหรือไม่
“พะพี่เปรม ฉันเจ็บค่ะ”
“เจ็บอะไร สำออยนัก” ก็เขาเล่นจับตัวเธอแรง ๆ ฝ่ามือของชายชาตรีอย่างเขานั้นจับนิดจับหน่อยคนอ่อนนุ่มอย่างเธอก็เจ็บไปทั้งกาย “หรือจะลองเช็กของดู”
“อย่านะ” เธอดันปลายคางของเขาออก “ฉันไปตรวจภายในมาค่ะ คุณหมอไม่ให้ทำเรื่องนี้”
“เหรอ...แล้วยังไงต่อ” เขาสนซะที่ไหน เธอเจ็บ เขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้นด้วย ทว่า
“ตะแต่...ถ้าพี่ทำก็เสี่ยงติดเชื้อนะคะ ฉันต้องกินยาด้วย” เขามองเธอนิ่ง “ถ้าไม่เชื่อฉันมีใบรับรองแพทย์” ว่าแล้วก็ผละออกจากตัวเขาเพื่อไปเอาใบรับรองแพทย์บนโต๊ะมากางให้เขาดู
...เปรมนัตย์ไล่สายตาอ่าน มองสลับกับเธอก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา กลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย
“กินไรมาหรือยังคะ ฉันจะทำอะไรให้กิน”
“ไม่ละ เบื่อ” เขาพ่นคำพูดเบื่อ ๆ ออกมาจนเป็นคำพูดติดปาก เปรมนัตย์กดโทรศัพท์โทรหาเพื่อน ช่วงเย็นเขามักออกไปดื่มกับเพื่อน ๆ เป็นประจำ อย่างน้อยการเมาก็ทำให้นอนหลับ โดยไม่ต้องคิดถึงดุจดาว คนรักที่จากไป...
...เสียงเพลงภายในคลับหรูทำให้หลายคนต้องตะโกนคุยกัน เปรมนัตย์เดินเข้ามาในคลับ สอดส่องสายตามองหากลุ่มเพื่อนของเขาที่มุมทางด้านหลังคลับหรูนี้
ชายหนุ่มเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียง แน่นอนว่าเขาเป็นที่หมายปองของสาว ๆ ที่อยากรวยทางลัด ว่ากันว่ามหาเศรษฐีการซื้อคอนโดมิเนียมห้องหลายสิบล้านให้สาว ๆ ได้พักอาศัยนั้นเป็นการสร้างกำไรอย่างหนึ่ง พอเลิกเลี้ยงก็ขายห้องได้กำไรอีกด้วย
...แน่นอนว่าพิมลภัสก็เป็นหนึ่งในนั้น หญิงสาวจ้องผู้ชายตัวสูงคนนี้ตาไม่กะพริบ เปรมนัตย์รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา เขามีผิวขาวซีด ตัดกับเส้นผมสีดำสนิท ชายหนุ่มนั้นมีคิ้วดกดำและขนตาที่งอนงามสีดำสนิท ความเข้มของขนเหล่านี้ขับผิวของเขาให้ขาวมากขึ้น รูปร่างหน้าตาอย่างกับนายแบบ น่าเสียดายที่เขาแต่งงานแล้ว
“แกบอกเพื่อนเขายัง”
“บอกแล้ว” เพื่อนสาวตอบ พิมลภัสให้คนเป็นเพื่อนไปติดต่อกับเพื่อนของเขาเพื่อทำความรู้จัก เธออยากคุยกับเขาเรื่องที่พ่อฝากงานให้อีกด้วย “นั่นไง เขาหันมามองแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปก่อน” เธอว่าพร้อมกับถือแก้วทรงสูงไปด้วย ร่างบางในชุดเดรสสีแดง ขับผิวขาวให้สวยโดดเด่น พิมลภัสหน้าตาดีมากด้วยการศัลยกรรมพลาสติก ซึ่งเธอเป็นคนที่สวยดูดีอยู่แล้ว ทว่าพอเติมอีกนิดปรับอีกหน่อยก็ทำให้สาวเจ้าสวยสะพรั่งจนดึงดูดสายตาให้คนหลายคนในคลับหันมามองเป็นตาเดียว
ยกเว้นเปรมนัตย์ที่ตอนแรกมองเพราะเพื่อนชี้ให้ดู แต่ก็ไม่ได้สนใจแล้ว
“สวัสดีค่ะ” เธอเอ่ยพูดเสียงหวาน ทำให้เพื่อน ๆ ของเขานั้นรีบขยับออกให้เธอนั่งด้วย “นั่งด้วยคนนะคะ”
“ได้เลยครับ” เธอหย่อนสะโพกลงข้าง ๆ เปรมนัตย์ที่ตอนนี้เอาแต่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“คุณเปรม...ฉันเป็นลูกสาวของผอ.ชัชวาลค่ะ” ชื่อนี้ทำให้เขาหันขวับไปมอง ชายหนุ่มหรี่ตาเล็กน้อย จำได้ว่าผอ.พยายามดันหลังให้ลูกสาวเข้ามาทำงานในบริษัทของเขา “ฉันชื่อพิม พิมลภัสค่ะ”
“_” เขานิ่งเงียบ ก่อนจะถูกเพื่อนกระทุ้งข้อศอกใส่เอวหนาให้สนใจเธอบ้าง ชายหนุ่มปรายสายตามองแขนของเพื่อน ก่อนที่ภูเมฆจะกระซิบเบา ๆ ที่หูของเขา
“มึงสงสัยว่าเมียเล่นชู้ไม่ใช่เหรอวะ เธอทำได้ทำไมมึงจะทำไม่ได้” เสียงนี้ดังมากแข่งกับเสียงเพลง คิ้วหนาของเปรมนัตน์ขมวดเข้าหากัน เปลือกตาหนากะพริบเล็กน้อย เขาเคยมีความคิดนี้ แต่ก็จับไม่ได้เสียทีว่าปานเดือนเล่นชู้กับไอ้หน้าหนวดนั่น
“คุยอะไรกันคะ แบบนี้ไม่ดีเลย” เธอว่าพร้อมกับยกมือขึ้นทัดผมที่ใบหูด้วยท่าทีเหนียมอาย นึกคิดว่าทั้งคู่กำลังพูดเรื่องของเธออยู่
“แล้วมีไร” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“เอ่อ คือว่า...ฉันอยากทำงานที่บริษัทน่ะค่ะ”
“_”
“คือว่า...ถ้าเกิดคุณเปรมเมตตาก็จะดีมาก” เธอประหม่าสายตาคมเข้มของเขาจนพูดไม่ออก หญิงสาวพนมมือกราบไม่แบมือลงที่หัวไหล่ของเขา ท่าทีของเธอไม่ต่างจากพวกอีหนูที่เห็นตามสถานบริการทั่วไป
...เกิดบางอย่างในใจของเขา ความรู้สึกท้าทายนั้นทำให้เขากระตุกยิ้มบาง ๆ
“ได้...”
“คะ?”
“เธอมาทำงานได้” พิมลภัสตาโต เธอดีใจมากทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันได้ทำอะไร หรือว่าเขาก็ต้องตาเธอไม่ต่างกัน
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ฉันจะตั้งใจทำงานเลยค่ะ” หญิงสาวหันไปฉีกยิ้มให้กับเพื่อนของเขาเช่นกัน ก่อนจะรับหน้าที่ชงเหล้าให้ทั้งคู่
...เวลาผ่านไปเส้นเลือดในกายก็ขยาย ชายหนุ่มนั้นสายตาพร่าเลือน สะบัดศีรษะเบา ๆ
“กูว่า...กูกลับก่อนดีกว่า” เขาพึมพำออกมา ทำให้คนที่รอจังหวะอยู่นั้นรีบเสนอตัว
“เดี๋ยวฉันไปส่งค่ะ ฉันไม่ได้ดื่มเลย” เธอรับหน้าที่ชงก็เท่านั้น เปรมนัตย์ตาปรือแต่ก็ยังมีสติ เขามองผู้หญิงหน้าตาดีคนนี้ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ แต่ก็ไม่ได้ตอบรับในทันที
“ไปสิ น้องขับได้แหละ” แถมยังโดนเพื่อยุอีกด้วย เปรมนัตย์พยักหน้ารับเบา ๆ ในที่สุด ก่อนที่พิมลภัสจะพยุงเขาออกไปนอกคลับ ร่างบางพยุงคนตัวโตไปที่รถยนต์คันหรูที่เขาบอก
“คันนี้เหรอคะ”
“อือ” ตอบรับพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้ ชายหนุ่มเดินโซซัดโซเซไปขึ้นรถของตัวเองฝั่งด้านข้างคนขับ ปล่อยให้เธอไปส่ง ซึ่งเธอก็รู้อยู่แล้วว่าบ้านของเขาอยู่ไหน...
...ด้านปานเดือนเองที่ยืนรอ เธอนอนไม่หลับหรอกหากว่าสามีไม่กลับบ้านเหมือนกับตอนนี้ หญิงสาวเดินวนหน้าบ้าน เพราะรู้ว่าเขาจะเมากลับมาเหมือนกับทุกวัน เธอหันไปมองนาฬิกาบนผนังบ้านจนคอแทบเคล็ด ก่อนที่ไม่นานจากนั้นก็ได้ยินเสียงรถยนต์ของเขา
“เฮ้อ...อย่างนี้ทุกที” เธอมักรู้สึกโล่งอก ราวกับยกภูเขาลูกใหญ่ออก สิ่งที่หนักอึ้งนั้นค่อย ๆ เบาลงเมื่อเห็นรถยนต์ของเขา ความเป็นห่วงทั้งหมดทั้งมวลนั้นทำให้เธอรู้สึกโล่งอกเมื่อเขากลับมา ทว่าพอจะเดินไปหา กลับเห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน
“เธอ...เป็นใคร” ริมฝีปากบางพึมพำเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งลงจากรถยนต์คันหรู หัวใจดวงน้อยร่วงลงพื้น ปกติจะเป็นเลขาฯของเขาที่มาส่งเป็นประจำ
“มาช่วยพยุงคุณเปรมหน่อยสิ” เธอส่งเสียงเรียก ทำทีไม่รู้จัก ทั้ง ๆ ที่สืบประวัติของเขามาหมดแล้ว
“เธอเป็นใคร” เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้ขึ้นเสียงขึ้นมาหน่อย ปานเดือนรู้สึกไม่พอใจเท่าไรนัก แต่งงานกันมานานเขาไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง แต่ทำไม...
“อยากรู้เหรอ...ไว้ถามเขาเองสิ” ผู้มาใหม่ว่าด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย เพราะรู้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้กับถ้อยคำเหล่านี้ ซึ่งปานเดือนก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ก็คงต้องรอถามเขาอย่างที่เธอคนนี้บอก...