หลังจากฟางข้าวขึ้นบันไดไปได้สักพัก รถที่ไปรับณดลที่สนามบิน ได้กลับมาถึงบ้านพอดี ร่างสูงเดินเข้าบ้านมากอดบิดามารดา ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ท่านสีหน้าเหนื่อยล้า
“เหนื่อยไหมลูก” ชาญชัยถามบุตรชายด้วยความเป็นห่วง
“นิดหน่อยครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” ณดลเอ่ยปากถาม หลังจากที่เพิ่งสังเกตว่าแม่บ้านกำลังทำความสะอาดน้ำส้มที่หกอยู่ที่พื้น
“ไม่มีอะไรหรอก แม่บ้านซุ่มซ่ามน่ะ กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป ค่อยลงมาทานข้าว จะได้รีบพักผ่อน” ภัทราเอ่ยปากบอกบุตรชาย
“ครับ รอด้วยนะครับ เดี๋ยวผมลงมาทานข้าวด้วย” ณดลพยักหน้าให้มารดาก่อนจะลุกออกจากห้องนั่งเล่นเดินขึ้นบันไดไป
“จะดีเหรอคุณ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอานะ” ชาญชัยถามภรรยาด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ
“เป็นเรื่องสิดี จะได้จับแต่งเลย” ภัทราตอบสามีอย่างพอใจ
ฟางข้าวใช้เวลาอาบน้ำเพียงไม่กี่นาที เพราะเธอแค่ล้างความเหนียวจากคราบน้ำส้มออกจากร่างกายเฉยๆ หญิงสาวเดินออกมาเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อยืดตัวที่เธอมองว่าตัวเล็กที่สุดในตู้ออกมา ก่อนจะเลือกกางเกงนอนขายาวออกมาใส่ แล้วดึงเอาหนังยางมัดผมมามัดขอบกางเกงไว้ ทำให้หญิงสาวต้องปล่อยผมไปโดยปริยาย
หลังจากสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองเสร็จ ฟางข้าวเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างสูงของเจ้าของห้องเปิดประตูห้องเข้าไปพอดี
“ข้าว?” ณดลที่มองเห็นฟางข้าวอยู่ในห้องของตัวเอง อุทานออกมาอย่างแปลกใจ พลางก้าวเท้ายาวๆเข้าไปวางกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง
“ดล…!!” ฟางข้าวเองก็ตกใจไม่น้อย แต่เธอค่อนข้างดีใจพอสมควรที่เจอเขา หลังจากที่ไม่ได้เจอเขามาร่วมเดือน
ณดลกับฟางข้าวต่างคนต่างไม่รู้จะพูดอะไร ฟางข้าวที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วครู่ ค่อยๆ เดินมาทางประตูห้อง เธอตั้งใจว่าจะกลับออกไปเพื่อให้เขาได้พักผ่อน แต่ประตูห้องก็ดันอยู่ตรงกลางระหว่างฝั่งเตียงนอนกับห้องแต่งตัวเสียด้วยสิ
“อยู่คุยกันก่อนสิ” ร่างบางชะงักไป ณดลที่วางของเสร็จก้าวไปดึงข้อมือเล็กให้เดินตามเขามานั่งที่ริมขอบเตียง ก่อนจะจับเอวเธอให้นั่งลงบนตักเขา
“จะทำอะไรน่ะ” หญิงสาวตกใจขยับตัวจะลุกขึ้น แต่โดนวงแขนแกร่งโอบเอวเอาไว้
“นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรหรอก แค่คิดถึง” เสียงทุ้มบอกแผ่วเบา ก่อนจะซบหน้าลงเอาหน้าผากพิงไหล่ของเธอ
“เหนื่อยมั้ย”
ฟางข้าวนั่งตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง เห็นเขาหลับตาสีหน้าอ่อนเพลีย คิดช่างใจอยู่สักพัก จึงขยับตัวหันเข้าหาเขา ก่อนจะยกแขนข้างที่ชายหนุ่มพิงอยู่ โอบร่างหนาเข้ามากอดพลางลูบหลังเขาเบาๆ
ณดลเองที่เหนื่อยล้าสะสมมาร่วมเดือน เขาเดินทางเป็นว่าเล่น มีครั้งนี้ที่เขาน่าจะได้พักหน่อย เพราะมีเวลาราวหนึ่งอาทิตย์ ที่เขาจะได้อยู่ไทย
“อือ” เขาพิงตัวซบหน้าลงไปที่บ่าบอบบางของฟางข้าว หลังจากที่เธอโอบเขาเข้ามากอดเอาไว้
“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ” ฟางข้าวไม่ได้ตอบอะไร เธอปล่อยให้เขาซบเธออยู่แบบนั้น
ดวงตากลมโตมองณดลด้วยความเป็นห่วง เธอรู้จักเขาตั้งแต่อยู่ปี 1 ซึ่งก็เป็นเวลานานพอสมควร เธอเห็นเขามักจะสดใสตลอด ไม่เคยเห็นเขาดูเหนื่อยล้ามากขนาดนี้
ณดลพักสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากเอวของหญิงสาว
“เดี๋ยวรอแป๊บหนึ่ง ขออาบน้ำก่อน ค่อยลงไปพร้อมกัน” เขายกศีรษะขึ้น มองสบตาหญิงสาวบนหน้าตักของตัวเอง
ฟางข้าวไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นจากตักเขา ณดลลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินตรงเข้าห้องน้ำไป ฟางข้าวทิ้งตัวนั่งลงบนขอบเตียง คิดอะไรเรื่อยเปื่อยระหว่างนั่งรอ
ณดลใช้เวลาเพียงไม่นานในการอาบน้ำแต่งตัว หลังแต่งตัวเสร็จ เขาเดินออกมาก็เห็นฟางข้าวเอนตัวพิงหัวเตียงหลับไป
“ข้าว ลงไปทานข้าวเถอะ” ร่างสูงเดินมาเขย่าตัวปลุกหญิงสาวเบาๆ ฟางข้าวงัวเงียลุกขึ้นนั่ง
ณดลดึงฟางข้าวลุกขึ้น ฟางข้าวก้าวขานำเขาจะเดินไปเปิดประตู ณดลที่คิดอะไรบางอย่าง ในเสี้ยววินาทีเขาดึงให้ฟางข้าวหยุดเดินก่อนจะเข้าไปกอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง ฟางข้าวตกใจจะยกมือขึ้นผลักเขา แต่แขนเธอโดนเขารวบกอดเอาไว้อยู่
“จะทำอะไรน่ะ!!”
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร ก้มหน้าลงไปขบเม้มแรงๆ ที่ลำคอขาวผ่องเป็นคำตอบ
“ดล!!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” ณดลไม่สนใจ ปล่อยฟางข้าวโวยวายอยู่สักพัก หลังจากพอใจแล้ว เขาถึงปล่อยเธอ ก่อนจะจับมือเล็กเปิดประตูลงบันไดไป
เมื่อมาถึงห้องทานอาหาร ชายหนุ่มดึงให้ฟางข้าวนั่งลงข้างๆเขา แม่บ้านเห็นว่าเจ้านายมาครบแล้ว จึงตักข้าวใส่จานก่อนจะพากันเดินออกไป
“หนูข้าว คอไปทำอะไรมาลูก” ภัทราสังเกตเห็นลำคอของฟางข้าวมีรอยแดงช้ำอยู่ จึงแกล้งถามเด็กสาวออกไป
“คะ เปล่านี่คะ” ฟางข้าวตอบสีหน้างงๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อสักครู่ณดลทำอะไรกับเธอ
“เอ่อ มดกัดน่ะค่ะ” หญิงสาวส่งสายตาไม่พอใจไปให้คนข้างๆ ที่นั่งทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้
ณดลทำหน้ามึนใส่คนข้างๆ ก่อนจะชวนบิดาคุยเรื่องงาน ภัทรากับฟางข้าวชวนกันคุยเบาๆ เมื่อเห็นว่าทางผู้ชายกำลังคุยเรื่องงานอยู่
“เอ่อ คุณผู้หญิงคะ ข้างนอกฝนตกหนักเลยค่ะ” แม่บ้านเดินเข้ามากระซิบบอกนายหญิงของบ้าน ก่อนจะเดินออกไป
“แม่บ้านเข้ามาบอกว่าข้างนอกฝนตกหนักเลย หนูข้าวรอฝนซาก่อนนะลูก แล้วค่อยกลับ มันอันตราย”
“เอ่อ ค่ะ” ฟางข้าวตอบรับอย่างไม่ค่อยสบายใจ
หลังทานอาหารเสร็จ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าฝนจะหยุดตก แต่กลับตกหนักราวกับฟ้ารั่วเลยทีเดียว ฟางข้าวนั่งกระสับกระส่าย เธอไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก เพราะกลัวคนที่บ้านเป็นห่วง
ระหว่างที่กำลังนั่งดูข่าวกันในห้องนั่งเล่น ได้มีรายงานว่าคืนนี้พายุเข้า ฟางข้าวที่กำลังดูข่าวอยู่หน้าเสียทันที ภัทราถือโอกาสนี้ชวนให้ฟางข้าวอยู่ค้างคืนที่บ้าน
“แม่ว่าหนูข้าวอยู่ค้างดีกว่านะ คงตกหนักยาวเลย”
“แต่ข้าวกลัวที่บ้านเป็นห่วงค่ะ” หญิงสาวอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก สีหน้าไม่สบายใจฉายออกมาชัดเจน
“โทรไปบอกละกันนะลูก แม่ไม่อยากให้นั่งรถตอนฝนตกหนัก มันอันตราย”
“เธอก็นอนในห้องฉันไป เพราะเดี๋ยวฉันต้องไปที่โรงแรม ไม่ได้เข้าไปดูผับเป็นเดือน คงต้องไปเช็กบัญชีหน่อยครับแม่” ท้ายประโยค ณดลหันไปบอกมารดาของเขา
“ฝนตกหนักมากนะดล แม่ไม่อยากให้ออกไปไหนเลย”
“มันจำเป็นครับแม่ แต่เดี๋ยวรอฝนซาลงอีกหน่อยค่อยไปครับ” ภัทราพยักหน้าเข้าใจ
“เอาเถอะ ตัดสินใจกันเองละกัน ดึกแล้ว แม่ขอตัวไปพักก่อนแล้วกันนะ”
“ฝันดีครับแม่ ฝันดีครับพ่อ”
“ฝันดีค่ะ”
“ฝันดีจ้ะเด็กๆ” ภัทราเข็นรถวีลแชร์ของสามีไปที่ลิฟต์ที่สร้างขึ้นมา หลังจากที่ชาญชัยเกิดอุบัติเหตุ
คล้อยหลังบิดามารดาไป ณดลดึงแขนฟางข้าวขึ้นบันได ตรงไปยังห้องนอน
“เดี๋ยวสิ ดล…!!!” ณดลไม่สนใจฟางข้าวที่กำลังขืนตัวเอาไว้และโวยวายเขา แม่บ้านที่กำลังทยอยปิดบ้านก็ทำเป็นไม่ได้ยินอะไร
ณดลดึงฟางข้าวเข้ามาในห้อง ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงและดึงฟางข้าวมากอดเอาไว้ ฟางข้าวที่ไม่ทันตั้งตัว โดนดึงลงไปนั่งตักโวยวายเสียงดังออกมา
“นายฉวยโอกาสอีกแล้วนะ”
“โวยวายไปก็เท่านั้น บ้านฉันเก็บเสียงทุกห้อง” ฟางข้าวนั่งทำหน้ามุ่ย
“เอาน่า ไม่ทำอะไรหรอก แค่คิดถึง กลับมาเหนื่อยๆ อยากกอดเฉยๆ” ณดลบอกเธอพลางกอดร่างบางเอาไว้
“ลวนลาม”
“เปล่านี่”
“นายลวนลามฉัน”
“เปล่า… ถ้าลวนลามต้องแบบนี้” ณดลเถียงกับฟางข้าว แกล้งเอนตัวฟางข้าวหงายลงไปนอนบนเตียงแล้วเขาตามไปคร่อมร่างเธอไว้
ฟางข้าวตกใจหน้าเหวอ
“ดล… ปล่อยเลยนะ”
“ไม่ปล่อย” ณดลมองสบตาฟางข้าว
“ปล่อย…” ฟางข้าวพูดไม่ทันจบ ณดลฉวยโอกาส ที่ฟางข้าวเผลอประกบริมฝีปากจุมพิตลงไป
ฟางข้าวตกใจผลักณดลออก เขาจับข้อมือเล็กกดลงกับเตียงนอน ก่อนจะถอนจุมพิตออกมาแล้วยิ้มให้กับเธอ ฟางข้าวหน้าเหวอ ไม่เข้าใจ
“…อะไร…”
“ขอกำลังใจหน่อย” พูดจบเขาก็กดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง
หญิงสาวสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ทำไมเขาชอบมาทำให้เธอหวั่นไหว เธอพยายามตัดใจแทบตาย ช่วงที่ไม่เจอเขาร่วมเดือน กลายเป็นว่าพอเขากลับมา ก็มาทำให้เธอหวั่นไหวอีก เห็นทีเธอคงตัดใจจากเขาไม่ลงเสียแล้ว ฟางข้าวคิดปลงกับตัวเอง
ระหว่างที่ฟางข้าวเข้าสู่ห้วงความคิดของตัวเอง ทำให้ไม่ทันได้ระวังตัว ณดลจึงฉวยโอกาสช่วงที่เธอเผลองับที่ริมฝีปากอิ่มเบาๆ หญิงสาวเผยอริมฝีปากให้เขาโดยที่เธอเองก็ไม่ทันรู้ตัว
หลังจากละเลียดชิมความหวานจนพอใจ ณดลถอนจุมพิตอย่างอ้อยอิ่ง
“ดล ฉันมีอะไรจะบอก”
“อะไร” ร่างสูงถามพลางก้มหน้าลงไปซุกซอกคอขาว
“นี่… ฟังก่อนสิ” ฟางข้าวหดคอหนีเขา
“ก็พูดมาสิ” ณดลไม่สนใจ กัดงับไปที่ไหล่บอบบางเบาๆ
“ฉันกับพี่เฟรมไม่ได้เป็นอะไรกัน” ณดลเงยหน้าขึ้นจากการแกล้งหญิงสาว
“พี่เฟรมไหน”
“ก็…คนที่นายเห็น”
“คนที่อยู่ในบ้านเธอ”
“ใช่”
“แล้วทำไมถึงอยู่ในบ้านด้วยกัน”
“เขาเป็นพี่ชายฉัน” ณดลมองฟางข้าวนิ่งไปสักพัก
“อธิบายมาหน่อย”
“เขาเป็นลูกของลุงฉัน คุณแม่ตามให้พี่เฟรมมาอยู่กับฉันช่วงที่คุณแม่ไปฝรั่งเศส”
ชายหนุ่มมองจ้องเข้าไปดวงตากลมโต ว่าเธอได้โกหกเขาหรือไม่ ก่อนจะพยักหน้า ปล่อยทิ้งตัวลงไปทับร่างบาง ซุกหน้าลงไปสูดดมความหอมจากคอขาวผ่อง ที่ตอนนี้มีรอยจากฝีมือของเขาโชว์เด่นอยู่
“ช่วยอยู่เงียบๆ สักพักนะ” เขาบอกกับเธอก่อนจะเงียบไป