ตอนที่ 8 พบกันอีกครั้ง

1882 คำ
หลังจากวันนั้นมา ณดลไม่ได้เจอฟางข้าวอีกเลย อันที่จริงต้องเรียกว่าเขาไม่มีเวลาไปหาเธอมากกว่า คืนนั้น หลังจากที่คุยกับมารดา เขาเองก็กลับมาใช้เวลาคิดทบทวนตัวเอง จนแน่ใจแล้วว่าตัวเขาเองคงจะชอบฟางข้าวมานานแล้วจริงๆ เขาตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้น เขาจะคุยกับฟางข้าวถึงสาเหตุที่เขาทำ ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ความตั้งใจของเขาก็ต้องพังลง เขาต้องเดินทางมาทำงานที่อเมริกา แทนบิดาของเขา ท่านลื่นล้มในคืนนั้น ทำให้เขาต้องรับผิดชอบงานที่ต้องเดินทางทั้งหมด เพราะมารดาของเขาต้องอยู่ดูแลบิดา ท่านจึงเลือกที่จะทำงานอยู่แต่ในประเทศ ดีที่ว่าเขาทำวิทยานิพนธ์เสร็จและส่งไปแต่เนิ่นๆ คงเหลือแค่สอบกับทำเรื่องจบ ซึ่งเขาทำเรื่องแจ้งทางมหาวิทยาลัยไว้แล้ว จึงไม่มีปัญหาเรื่องที่เขาขาดเรียน “คุณดลจะกลับโรงแรมเลยไหมครับ” วิทยา เลขาของชาญชัย บิดาของณดลถามชายหนุ่ม หลังจากที่การเจรจาในครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี เนื่องจากเสียเวลามากว่าอาทิตย์ “กลับเลยครับ” เขาตอบลูกน้องคนสนิทของบิดา ก่อนจะหลับตาแล้วเอนหลังพิงพนักอย่างเหนื่อยล้า “วันนี้เครื่องออก 18.00 นะครับ” “รอบนี้มีเวลากลับไทยกี่วันครับ” “ประมาณอาทิตย์ครับ” ณดลพยักหน้ารับรู้ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ วิทยาเองก็เป็นลูกน้องคนสนิทของคุณชาญชัยมานาน เขาอยู่กับท่านมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทก็ว่าได้ กว่าท่านจะขยายโรงแรมได้มากมายขนาดนี้ ท่านใช้เวลา ใช้ประสบการณ์ ใช้เงินทุนไปมากมาย แต่เขายอมรับเลยว่า ณดล บุตรชายของท่าน เก่งไม่น้อยไปกว่าท่านเลยทีเดียว ทั้งที่อายุยังน้อย แต่มองสถานการณ์ทางธุรกิจของคู่ค้าได้ขาดจริงๆ อีกทั้งยังตัดสินใจอะไรได้เด็ดขาด และไม่มีข้อผิดพลาดเลย วิทยาได้แต่มองชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าอย่างชื่นชมอยู่ในใจ ทางด้านฟางข้าวเอง ตั้งแต่วันนั้น เธอก็ไม่ได้เจอณดลอีกเลย เธอได้ข่าวว่าตอนนี้เขาต้องรับผิดชอบอะไรหลายๆ อย่างแทนบิดาของเขาที่ล้มป่วย หญิงสาวได้แต่เป็นห่วงเขาและหวังว่าเขาจะสบายดี “แก ฉันเริ่มจะทนไม่ไหวละนะ” ฟางข้าวที่กำลังโมโห ได้หันมาบอกกับลลัลนา หลังจากที่ขึ้นมาบนห้องแล้วโดนนักศึกษาคนอื่นแกล้งเดินชนและพูดใส่ว่าลลัลนาเป็นเมียน้อย ช่วงนี้ได้มีคนปล่อยข่าวว่าลลัลนาเพื่อนรักของเธอเป็นเมียน้อยของนัทธี และมีภาพแอบถ่ายเป็นหลักฐาน ซึ่งภาพที่ว่าก็แค่ภาพที่นัทธีกับลลัลนากำลังนั่งทานข้าวด้วยกัน “อืม ช่างมันเถอะ ฉันขี้เกียจมานั่งแก้ข่าว” ลลัลนาไม่ใส่ใจ “เห้อ แกนี่นะ เป็นฉันนะ ฉันจะเปิดตัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” ฟางข้าวบ่นพลางมองเพื่อนสนิทอย่างไม่ได้ดั่งใจ หลังจากสองสาวเข้ามาให้ห้องไม่นาน นัทธีก็เข้ามาในห้อง พลันได้เกิดความเงียบขึ้น นักศึกษาหญิงหลายคนหันไปซุบซิบกัน เขามองสถานการณ์ด้วยความแปลกใจ เพราะปกติไม่เคยเป็นแบบนี้ “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามขึ้นมา พลางมองไปรอบๆห้อง “มีข่าวกระจายไปทั่วค่ะ ว่าดาวมหาวิทยาลัยอย่างลลัลนา เป็นเมียน้อยอาจารย์ จริงมั้ยคะ มีรูปยืนยันด้วยนะคะ” นักศึกษาหญิงใจกล้าคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น นัทธีขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ “มีข่าวมาเกือบเดือนแล้วค่ะ ตั้งแต่วันที่ไปทานข้าวที่ร้านอาหาร แล้วมีคนถ่ายรูปไว้ค่ะ” ลลัลนาพูดขึ้นมา “แล้วทำไมไม่บอก” “ก็เห็นยุ่งๆ นี่คะ” “อืม ปีนี้พวกคุณปี 4 แล้วใช่มั้ย อีกไม่นานก็จบแล้ว” นัทธีพูดเสียงดุ สายตาคมมองไปรอบๆ ห้อง “แล้วพวกคุณ ก็บรรลุนิติภาวะกันหมดแล้ว” เขาพูดพลางมองไปที่ลลัลนา ก่อนจะพยักหน้าให้กับหญิงสาว “งั้นผมขอแก้ข่าวตรงนี้เลยละกัน รบกวนใครถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานด้วยนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง นักศึกษาหลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป “ผม นัทธี ประสิทธิ์วรกานต์ ได้แต่งงาน และจดทะเบียนสมรสกับนางสาวลลัลนา ประสิทธิ์วรกานต์ มาสักพักแล้ว โดยเห็นชอบจากครอบครัวทั้ง 2 ฝ่าย และจะมีการจัดงานฉลองมงคลสมรสหลังจากลลัลนาเรียนจบ ชัดเจนนะครับ” เขาพูดจบ ก็ได้เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้น ก่อนที่จะเกิดการโพสต์คลิปและแชร์กันออกไปอย่างรวดเร็ว หลังเลิกเรียน ฟางข้าวกับลลัลนาแยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้ฟางข้าวมีนัดตรวจประจำปีที่โรงพยาบาล หลังจากที่บิดาของเธอเสีย เธอเสียใจจนเกิดอาการเก็บตัว ดีที่เธอยังเป็นไม่มากและรู้ตัวเอง หญิงสาวรีบปรึกษาแพทย์ เธอต้องกินยาและพบหมออยู่เป็นปีเลยทีเดียว หลังจากหยุดยา เธอก็ยังต้องไปตรวจปีละครั้งเพื่อคอยเช็กอาการ เรื่องนี้คนในบ้านเธอไม่มีใครรู้เลย แม้แต่มารดาของเธอก็ตาม หลังจากที่มาถึงโรงพยาบาล เธอเข้าพบแพทย์ประจำของเธอตามปกติ คุณหมอแจ้งว่าสภาพจิตใจของเธอช่วงนี้ปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร ตัวเธอเองก็ได้แต่โล่งใจ “หนูฟางข้าว” หลังจากที่เธอตรวจเสร็จและกำลังเดินไปด้านหน้าโรงพยาบาลเพื่อเรียกรถแท็กซี่ ได้มีใครคนหนึ่งเรียกเธอจากด้านหลัง ร่างบางสะดุ้งหันกลับไปมอง “คุณแม่ดล สวัสดีค่ะ” ฟางข้าวยกมือขึ้นพนมทักทายท่าน เมื่อเห็นว่าผู้ที่ทักเธอเป็นใคร “มาโรงพยาบาล เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” “เปล่าค่ะ ข้าวมาตรวจประจำปีค่ะ คุณแม่ล่ะคะ” “แม่แวะมารับยาให้คุณพ่อน่ะ กลับกับแม่มั้ย” “เอ่อ…” “ไปเถอะ ไปเยี่ยมคุณพ่อด้วย ท่านอยากเห็นหนูน่ะ แล้วเดี๋ยวให้รถที่บ้านไปส่งหนูกลับ” “เอ่อ ค่ะ ก็ได้ค่ะ” ฟางข้าวชั่งใจอยู่พักหนึ่งจึงตอบตกลง ภัทราไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอยิ้มให้กับฟางข้าว เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับบุตรชายของเธอ คนที่เธอมองออกว่าบุตรชายของเธอกำลังชอบเด็กคนนี้อยู่ แล้วเธอก็ส่งคนไปสืบประวัติเด็กคนนี้มาเรียบร้อย เธอให้ผ่านเต็มร้อย ทั้งครอบครัว กิริยา มารยาท หญิงสาวคนนี้เพียบพร้อมทุกอย่าง ภัทราคิดอย่างพึงพอใจ หลังจากพูดคุยกับฟางข้าวเรียบร้อยแล้ว ภัทราก็พาฟางข้าวเดินมาที่หน้าประตูของอาคาร เพียง 2-3 นาที ก็มีรถของที่บ้านมาจอดรับ และขับออกไป เมื่อกลับมาถึงบ้าน ภัทราพาฟางข้าวเข้ามาในบ้าน ก่อนจะแนะนำเธอกับคนในบ้านว่าเธอคือฟางข้าว คนในบ้านทำท่าทางเหมือนรู้จักเธอ ก่อนจะพากันแยกย้ายไปทำงานตามปกติ ฟางข้าวได้แต่แปลกใจ “คุณท่านล่ะ” “คุณท่านให้คนพาไปนั่งที่ศาลากลางสวนค่ะ” ภัทราพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะชวนฟางข้าวไปพบชาญชัย สามีของเธอ “คุณคะ” เธอเรียกสามีก่อนจะเข้าไปทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ “อ้าวคุณ มาแล้วเหรอ” ชาญชัยส่งยิ้มให้ภรรยา “ค่ะ นี่หนูฟางข้าวค่ะ ที่ฉันเคยเล่าให้คุณฟังไงคะ” “สวัสดีค่ะ” ฟางข้าวพนมมือไหว้ชาญชัย ก่อนจะมองภัทราด้วยความสงสัย “ไหว้พระเถอะลูก แล้วมายังไงเนี่ย มากับแม่เขาเหรอ” “ค่ะ พอดีข้าวเจอคุณแม่ที่โรงพยาบาลค่ะ” ชาญชัยกับภัทรา พูดคุยกับฟางข้าวอย่างเป็นกันเอง ด้วยรู้ดีแก่ใจว่าเด็กสาวตรงหน้า คือคนที่บุตรชายของตนชอบ และตัวภัทราเอง ก็หมายมั่นปั้นมือ ว่าจะให้ฟางข้าวมาเป็นลูกสะใภ้ให้ได้ และวันนี้ณดลจะกลับมาจากอเมริกา เธอต้องทำอะไรสักอย่าง “เดี๋ยวหนูข้าวอยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนสิลูก แม่กับป๊าทานกัน 2 คนทุกวัน เหงาจะแย่” “เอ่อ ค่ะ ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวข้าวขออนุญาตโทรบอกคนที่บ้านก่อนนะคะ” หญิงสาวตอบรับอย่างเกรงใจผู้ใหญ่ ก่อนจะขอตัวออกไป “ฮัลโหล พี่เฟรมคะ วันนี้ข้าวกลับดึกหน่อยนะคะ พอดีมาทานมื้อเย็นบ้านเพื่อนน่ะค่ะ” ‘แล้วจะกลับกี่โมง กลับยังไง’ “ยังไม่รู้เวลาเลยค่ะ แต่เดี๋ยวรถที่นี่ไปส่งค่ะ ไม่ต้องรอข้าวนะคะ ปิดบ้านกันได้เลย” ‘โอเค กลับมาถึงก็ส่งข้อความบอกพี่ด้วยนะ’ “รับทราบค่ะ” ภัทรามองตามร่างบอบบาง พลันคิดอะไรบางอย่าง เธอหันไปสั่งแม่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ ให้ไปทำอะไรบางอย่างมาให้เธอ หลังจากแม่บ้านเดินพ้นไป ฟางข้าวก็เข้ามาพอดี “เข้าข้างในกันดีกว่าลูก อากาศเริ่มไม่ดี เหมือนฝนจะตก” หลังจากฟางข้าวกลับมาที่ศาลาที่ภัทรากับชาญชัยนั่งกันอยู่ ภัทราก็ชวนเข้าไปภายในบ้าน ก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ของสามีเดินเคียงคู่กับฟางข้าวไป เมื่อเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นภายในบ้าน ได้มีแม่บ้านนำของว่างกับน้ำส้มเข้ามาเสิร์ฟ “ว้าย ขอโทษค่ะ ดิฉันขอโทษค่ะ พอดีถาดมันลื่นน่ะค่ะ” ระหว่างที่กำลังวางของว่าง เหยือกแก้วที่ใส่น้ำส้มได้เอียงและหกใส่เสื้อผ้าของฟางข้าวเป็นทางยาว จากอกเสื้อไปถึงช่วงเอว ทำให้ด้านหน้าของเสื้อนักศึกษาเปียกทั้งหมดยาวจนถึงขอบเอวของกระโปรง แม่บ้านตกใจมาก รีบยกมือขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องไหว้ข้าวนะคะ” ฟางข้าวตกใจรีบไหว้คืน “เสื้อผ้าเปียกหมดแล้วหนูข้าว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไปลูก เดี๋ยวไม่สบาย” ภัทรารีบลุกมาดูหญิงสาวก่อนจะพูดออกมา “พาหนูข้าวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องเจ้าดลไป เอาเสื้อผ้าเจ้าดลใส่ไปก่อนนะลูก เจ้าตัวมันไม่ว่าหรอก” ภัทราหันไปสั่งแม่บ้านคนที่ทำน้ำส้มหกใส่ฟางข้าว และดันหลังให้ฟางข้าวเดินตามไปเมื่อเห็นว่าฟางข้าวยืนอึกอักอยู่ที่เดิม “ไปเถอะจ้ะ เจ้าดลไม่อยู่หรอก” ภัทรายิ้มบางๆให้หญิงสาว ก่อนจะหันไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ข้างๆ สามี ร่างบางเดินตามแม่บ้านขึ้นมาที่ห้องส่วนตัวของณดล หลังจากหญิงสาวเข้ามาในห้อง แม่บ้านก็เดินออกไปพร้อมกับปิดประตูห้องให้เธอ ฟางข้าวมองซ้ายมองขวาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องที่เธอคิดว่าเป็นห้องแต่งตัว แล้วเธอก็คิดถูก มือเล็กเปิดตู้หาผ้าเช็ดตัว ก้าวเท้ายาวๆเดินเข้าห้องน้ำไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม