เช้าวันแต่งงานก็ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่ไม่เรียบง่ายสำหรับสินเดิมที่แม่ของเธอเตรียมมา ข้าวสาร10กระสอบ แป้งอย่างละ2กระสอบมีทั้งแป้งสาลี แป้งมัน แป้งข้าวเหนียว เนื้อหมู 10 ชั่ง ผลไม้ที่มีราคาแพงอีกหลายชั่ง รวมทั้งเงินสดอีก 1000 หยวน ชาวบ้านต่างก็ตาโตกับสินเดิมของเจ้าสาวไม่คิดว่าเจียงหนานจะร่ำรวยถึงเพียงนี้ รวมทั้งบ้านฮุ่ยด้วย
ส่วนสินสอดจากเจ้าบ่าวนั้นเธอไม่รู้ว่าพวกเขาหามาจากไหน มีหมู่ป่า1 ตัว เงินสด 500 หยวน กำไลหยก1คู่ นี่ถือว่ามากที่สุดในหมู่บ้านเลยนะ ส่วนมากสินสอดจากฝ่ายเจ้าบ่าวจะไม่เกิน 50-100 หยวน สำหรับคนในเมือง ในหมู่บ้านนั้นแค่ 10หยวนก็ถือว่ามากพอแล้ว
" โอโห้นี่มัน.... !! " ชาวบ้าน 1
" สุดยอดเลย หน้าอิจฉาจริงๆ " ชาวบ้าน2
" ว๊าว ลูกบ้านฮุ่ยนี่โชคดีจริงๆเจ้าสาวฐานะไม่ธรรมดาเลย " ชาวบ้าน 3และคนอื่นๆ
" พวกเธอดูนั่นสิกำไลนั่นฉันเคยได้ยินแม่สามีบอกว่า กำไลนั้นเป็นสมบัติของบ้านฮุ่ยที่ส่งต่อมาหลายรุ่นเชียวล่ะ " ชาวบ้าน 4
หลังเสร็จพิธีแล้วเจียงหนานก็ถูกส่งเข้าไปรอในห้องที่ถูกทำให้เป็นห้องหอ เป็นห้องเล็กๆห้องหนึ่งที่ปูผ้าเอาไว้อย่างดี ถึงมันจะแข็งไปสักหน่อยเอาไว้เธอค่อยเอาที่นอนในมิติออกมาก็แล้วกัน หลังจากที่ส่งเธอเข้ามาในห้องหอแล้วแม่ของเธอก็ขึ้นรถไฟกลับปักกิ่งในช่วงบ่าย
แม่สามีเข้ามาในห้องพร้อมกับนำเงิน 500 หยวนมาคืนเธอ ทั้งยังบอกอีกว่าเงินนี้แม่ของเธอให้ยืมมาเป็นสินสอดเพราะไม่อยากให้ใครมาดูถูกทางบ้านฮุ่ย หลังเสร็จพิธีให้นำมามอบให้เธอเก็บเอาไว้ใช้จ่าย
แม้ว่าในใจของทุกคนในบ้านฮุ่ยจะรู้สึกอึดอัดกับการกระทำนี้แต่ก็ยอมรับไม่ได้ว่าลูกสะใภ้สามนั้นมีฐานะดีกว่าพวกเขาจริงๆ นี่เหมือนเป็นการดูถูกพวกเขากลายๆ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อพวกเขาไม่ได้ร่ำรวย แค่ล่าหมูมาได้ตัวหนึ่งก็ดีมากแล้ว
" ฉันขอโทษแทนแม่ด้วยนะคะที่ทำแบบนี้ " เมื่อได้ยินลูกสะใภ้สามเอ่ยขอโทษเช่นนี้ฮุ่ยเหนียงก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
" ไม่ผิดหรอกพวกเราต่างหากที่ต้องขอโทษเธอที่ทำให้เธอต้องมาลำบาก "
" ไม่ลำบากค่ะ แล้วเรื่อง เอ่อ ขอโทษนะคะที่ฉันต้องพูดออกมา เรื่องที่เราแยกบ้าน ไม่รู้ว่าฮุ่ยหมิงเขาจัดการไปถึงไหนแล้วคะ ไม่ต้องห่วงนะคะแม่ฉันจะยังกตัญญูต่อพ่อกับแม่ แม้ว่าจะแยกบ้านไปแล้วนะคะ "
" เรื่องนั้นจัดการแล้วล่ะแต่ว่าบ้านคงต้องให้เธอจัดการ อย่างที่รู้ๆกันอยู่พวกเราไม่มีเงินมากพอที่จะจัดการเรื่องสร้างบ้านให้พวกเธอ เพราะฉะนั้น "
" ฉันรู้ค่ะ เรื่องสร้างบ้านฉันจะจัดการเองค่ะแม่ไม่ต้องห่วง "
" อืม ได้ยินแบบนี้ฉันก็สบายใจ อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปสักหน่อยนะ "
" ไม่ค่ะ นี่เป็นความต้องการของฉันเอง "
หลังจากที่แม่สามีออกจากห้องไปแล้ว เจียงหนานรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง คงต้องดูกันต่อไปว่าพวกเขาจะดีหรือร้าย แต่ถ้าร้ายก็คอยดูว่าเธอจะโต้ตอบยังไง
" มาแล้วครับ " ฮุ่ยหมิงเดินเข้ามาในห้อง เขานั่งลงที่ปลายเตียงห่างจากเธอเล็กน้อย
" คุณหิวไหมคะ "
" ไม่ ไม่หิวผมกินข้างนอกมาแล้ว คุณล่ะหิวไหม "
"ไม่ค่ะ ฉันกินขนมรองท้องไปบ้างแล้ว งั้นเราไปอาบน้ำนอนกันเถอะ " เจียงหนานมีนิสัยที่ไม่ชอบใช้ของร่วมกับคนอื่นๆเธอจึงมีตะกร้าสำหรับใส่ของใช้ส่วนตัวของตนเองอยู่แล้ว หลังใช้เสร็จก็เก็บเข้าห้องนอนล็อกประตูตู้ไม้ที่นำมาจากบ้านพักยุวชนด้วย แต่เธอก็นำสบู่ก้อนใหม่ให้ฮุ่ยหมิงนำไปวางในห้องน้ำเพื่อให้ทุกคนใช้ร่วมกันด้วย
ตื่นเช้าเธอลุกขึ้นมาช่วยพี่สะใภ้ใหญ่ในครัว โดยนำข้าวสารของตนเองมาใส่ไว้ในไปจนเต็ม ทั้งยังบอกกับพี่สะใภ้ให้แบ่งข้าวสารมาไว้ในครัว1กระสอบ วันนี้ทุกคนจึงมีข้าวขาวกินในมื้อเช้า นอกจากนั้นยังมีอาหารจานเนื้อด้วย จากสายตาที่เธอมองพี่สะใภ้ใหญ่นั้นถือว่าพอใจในส่วนหนึ่ง ไม่มีเวลาตาของคนโลภ มีเพียงแววตาที่ตื่นเต้นและยินดีเท่านั้น
" ว๊าว น้องสะใภ้สาม อาหารนี่ฝีมือเธองั้นหรอ " พี่รองฮุ่ยเจินถามขึ้น
" ใช่ค่ะ " เจียงหนาน
" นานมากแล้วนะที่พวกเราไม่ได้กินอาหารจานเนื้อ " พี่ใหญ่ฮุ่ยหยางเอ่ยขึ้น
" เอาเถอะวันนี้เป็นวันดี รีบกินแล้วไปทำงานกันเถอะ " พ่อสามีเอ่ยขึ้น จากนั้นทุกคนก็กินข้าวเข้าแล้วออกไปทำงานในแปลงนากันต่อ ยกเว้นเธอที่จะต้องไปทำงานในหน่วยผลิตเช่นเคย แต่อีกไม่นานก็คงยกเลิกและผ่อนปรนมากขึ้นแล้วล่ะ เท่าที่เธอจำได้นั้นช่วงปี 1980 นั้น รัฐบาลเปิดการค้าเสรีบ้างแล้ว แต่พื้นที่ห่างไกลนั้นยังมีการทำงานเพื่อแลกแต้มอยู่ แน่นอนว่าข่าวสารย่อมมาถึงช้ากว่าคนในเมือง
และความต้องการของเธอนั้นก็คือร้านค้าสักสองแห่งในเมือง แน่นอนว่าต้องรีบซื้อเพราะในอีก2-3ปีข้างหน้ามันจะมีราคาแพงเป็นเท่าตัว เอาไว้คืนนี้เธอจะปรึกษากับเขาเรื่องซื้อร้านก็แล้วกัน