“กรี๊ดดด”
“เพตราเป็นอะไร”
ร่างกำยำในความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสามหันมองตามเสียงกรีดร้องของฉัน เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อฉันเปิดประตูเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ใครจะไปคิดกันว่าชายหนุ่มที่มักจะเอาแต่อ่านหนังสือบนโต๊ะหนังสือ ในตอนนี้จะกำลังถอดเสื้อยกดัมบ์เบลอยู่ แม้ไม่ได้เปลือยกายแต่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นหุ่นของเพื่อนสนิทเต็มตา เม็ดเหงื่อที่กำลังไหลผ่านกล้ามเนื้อเพิ่มอุณหภูมิในห้องให้ร้อนผ่าวได้เป็นอย่างดี
ให้ตายสิ!!!
ไม่เหมือนตอนเด็กแม้แต่นิดเดียว
พอยืนขึ้นเรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเรียงตัวสวย เหนือกางเกงกีฬาที่เอวต่ำราวกับกำลังจะหลุด ทำเอาฉันตกใจจนผงะถอยหลัง แล้วสะดุดกับพรมเช็ดเท้าจนกล่องกับข้าวหล่นกระจาย
“กรี๊ดดดด”
ตุ้บ!!!
“เพ!!!”
ศิลารีบวางอุปกรณ์ออกกำลังกายรุดเข้ามาหาฉันอย่างเร่งรีบ
“นี่!!! ถ้าโป๊ก็อย่าเข้ามาสิ อย่าเข้ามานะ” ฉันยกมือข้างหนึ่งปิดหน้าอย่างหมิ่นเหม่ “...ว่าแต่นายโตแล้วจริง ๆ สินะ”
เมื่อก่อนยังตัวเตี้ยกว่าฉันอยู่เลย
ไหงโตมาถึงได้สูงเกินร้อยแปดสิบเข้าไปแล้ว แถมกล้ามใหญ่ ๆ นั่นอีก ฉันกลืนน้ำลายพลางเบิกตากว้างขยับถอยหลัง ไม่กล้าสบสายตาที่มองมาอย่างมึนงง เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยคล้ายกับกำลังคิดว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่นานเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของศิลาก็ดังขึ้นเหมือนว่าอ่านความคิดฉันออก
“ก็แค่ถอดเสื้อเอง อย่าเวอร์ได้ไหม” ศิลาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไรด้วยซ้ำ ร่างสูงผูกเอวกางเกงให้กระชับขึ้นอีกนิด เมื่อกี้ฉันแอบเหลือบเห็นร่องตัววีนั่นด้วย
ให้ตายสิ! พ่อหนุ่มแว่นเพื่อนสนิทของฉัน กลายเป็นหนุ่มฮอตตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
ยังไม่ทันได้สติ ศิลาก็เดินตรงเข้ามาช้อนแขนแล้วดึงให้ฉันลุกขึ้น
“เป็นอะไรไหม”
“ก้นกระแทกนิดหน่อย แต่ไม่เจ็บนะ”
“ขอดูหน่อยสิ” ว่าที่คุณหมอเอ่ยตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังคุยกับเด็ก พลางดึงแขนของฉันเข้าไปใกล้ ทำเอาตกใจจนต้องยกมือดันหน้าท้องชื้นเหงื่อไว้
ความเย็นที่แนบกับฝ่ามือแต่กลับทำให้แก้มฉันร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็น เมื่อวันนี้เพิ่งคิดได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ศิลาในวัยเด็กอีกต่อไป กว่าสติจะกลับคืนมาเอวของฉันก็ถูกฝ่ามือใหญ่ของเขาวางทาบ ความอุ่นที่ปลายนิ้วแตะลงข้างสะโพกทำเอาใจฉันกระตุก
พลั่ก!
“นี่พอแล้ว!!! ฉันเป็นผู้หญิงนะ ลืมเหรอว่าตัวเองเป็นผู้ชาย”
“ห้ะ!”
“ห้ะ? ห้ะเหรอศิลา นายนี่นิสัยแย่จริง ๆ จะบอกว่าฉันไม่เหมือนผู้หญิงรึไงจะจับก้นฉันก็จับได้เลยเหรอ”
คนโดนผลักออกทำหน้างงอย่างไม่เข้าใจ กว่าจะคิดขึ้นได้ใบหน้าขาวของว่าที่คุณหมอก็แดงก่ำ เขาปัดมือตัวเองลงข้างตัวพลางกระแอมไอแล้วเอ่ยขอโทษแผ่วเบา
“เอ่อ...งั้น...โทษทีไม่เจ็บใช่ไหม”
“อือไม่เจ็บ”
ความกระอักกระอ่วนไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เขาหันไปเก็บของที่กระจัดกระจายไปวางบนโต๊ะ ไม่นานก็ได้ยินเสียงทุ้มดุตำหนิออกมา
“ทีหลังจะเข้ามาก็กดกริ่งก่อนสิ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ถ้านายอยู่กับสาว ๆ ฉันก็ไม่ติด”
“แต่ฉันติด”
ฉันกะพริบตาปริบ ๆ มองคนพูดพลางกลืนน้ำลาย ความรู้สึกน้อยใจตีรื้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เขาเป็นคนให้รหัสผ่านและคีย์การ์ดกับเธอด้วยซ้ำ ตอนนี้ดันมาดุกันทำไมเล่า
คิดว่าฉันจะฟังนายรึไง
“ศิลาของเพมีสาวแล้วเหรอเนี่ย”
“เพตรา” ศิลาเรียกฉันเสียงดุเมื่อฝ่ามือเล็กแตะลงบนสันกรามของเขา
แค่ล้อเล่นนิดหน่อยดุจริง ๆ เลย
“โอเคคราวหน้าฉันจะระวังแล้วกัน จะกดกริ่งและโทรบอกทุกครั้งด้วย” ฉันยิ้มยียวนให้ศิลาอย่างไม่สลด “ฉันเห็นนายบอกว่าวันนี้ไม่ว่างไปเที่ยวด้วย เลยคิดว่าไม่อยู่ห้อง แค่จะเอากับข้าวมาใส่ตู้เย็นแล้วส่งข้อความบอกทีเดียวเลยน่ะ”
ปกติฉันไม่ใช่คนไร้มารยาทสักหน่อย
เอ่อ...แต่หลายครั้งก็บุกเข้ามาโดยพลการอยู่นะ
ไร้มารยาทจริง ๆ ด้วย
ฉันยิ้มแหยเมื่อเห็นสายตาไม่เชื่อถือจากเพื่อนสนิท ทันทีที่เหตุผลยืดยาวหลุดจากปาก สายตาเรียบนิ่งที่มองมาทำให้ฉันรู้สึกประหม่า
“ฉันว่างแล้ว เดี๋ยววันนี้ฉันจะไปด้วย”
การเข้าร้านเหล้าครั้งแรกของฉันจะจบลงที่มีผู้ปกครองไปคุมไม่ได้สิ
“แต่ฉันนัดคนอื่นแล้วนะ จองโต๊ะไปแล้วด้วย”
“แล้วฉันไปด้วยไม่ได้เหรอ”
ความจริงฉันไม่ได้อยากให้เขาไปสักหน่อย ตอนนั้นที่ชวนก็เพราะฉันกำลังกินข้าวกับศิลาอยู่ ในตอนที่ยัยไลลาโทรมาชวนพอดี
“มันก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่ฉันไม่ได้บอกเพื่อนนี่ว่าจะมีนายไปด้วย”
“คนอื่นที่บอกจะไปนี่ใครเหรอ” สายตาเคลือบแคลงเหลือบมองราวกับกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง เขารุกไล่ฉันช้า ๆ ราวกับต้องการคำตอบ พลางสืบเท้าเข้ามาใกล้
ฉันเกลียดสายตาจ้องจับผิดของคนตรงหน้า พอกับเกลียดตัวเองที่เกรงใจเขาเนี่ยแหละ ศิลามักชอบทำท่าทางเหมือนอ่านความคิดฉันออกอยู่เสมอ และนั่นมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ากลายเป็นคนที่โกหกต่อหน้าเขาไม่ได้
ถ้าบอกว่านัดคนคุยไปเดตแรกที่ร้านเหล้าฉันโดนจับเชือดแน่
“ก็เพื่อน ๆ กันเนี่ยแหละ”
“ตอนเธอโกหกเธอจะกะพริบตาถี่มากกว่าปกติ อย่าโกหกเพตรา คุณอาโทรมาฝากเธอกับฉันให้ช่วยดู”
“นายก็ไม่ต้องเชื่อแม่ฉันทุกอย่างก็ได้ สรุปคือนายไม่ต้องไปฉันจะไปกับเพื่อน”
“ทำไม...เพ”
น้ำเสียงลุ่มลึกเรียกชื่อฉันราวกับต้องการจะกดดันเอาคำตอบ
“ไม่ต้องเลยศิลาฉันดูแลตัวเองได้น่า มัวแต่ตัวติดอยู่กับนายฉันก็เลยไม่มีแฟนสักที” ร่างสูงชะงักไปก่อนจะถูกฉันดันลงไปนั่งที่โซฟา ดวงตาหลังกรอบแว่นสั่นไหวเล็กน้อยเพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มถูกอกถูกใจ
“งั้นเหรอ”
“ก็ใช่สิ แล้วแม่ก็เริ่มบ่นแล้วว่าเพราะนายดูแลฉันเลยไม่มีแฟนสักที ดังนั้นคุณศิลาอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนะคะ” ฉันเอ่ยตัดบทปล่อยร่างสูงไว้ที่โซฟา แล้วหาทางหลบเลี่ยงเขาโดยการเอากับข้าวยัดเข้าไปในตู้เย็น “ของพวกนี้นายก็เอาเข้าเวฟทั้งกล่องเลยนะ แต่รู้ใช่ไหมว่ามันไม่อร่อย”
ฉันที่ง่วนกับการจัดของในตู้ขมวดคิ้วเมื่อไม่มีเสียงตอบกลับ พลันกล่องสุดท้ายถูกใส่เข้าไป เมื่อหันหลังกลับไปก็พบดวงตาดุก้มมองลงมาในระยะประชิด
“10 O’Clock ใช่ไหม งั้นเธอก็ไปกับเพื่อนเธอ ฉันไปกับเพื่อนฉัน แบบนั้นได้ใช่ไหม”
“ศิลา!!!”
“ฉันไม่ปล่อยให้ยัยซื่อบื้ออย่างเธอ เดินเข้าดงเสือดงจระเข้คนเดียวเด็ดขาด!”
ฉันไม่ได้ซื่อบื้อสักหน่อย!