กรี๊ดดด
เสียงหวีดร้องของเด็กน้อย ที่ฟังไม่ถนัดนักว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายดังขึ้น มือเล็กที่กำลังจัดตุ๊กตาตัวใหญ่ในท่าทางจับแก้วน้ำชาพานหยุดชะงัก ดวงตากลมโตหันมองออกไปข้างนอกบ้าน เพตราในชุดเดรสฟูฟ่องประหนึ่งเจ้าหญิงรีบปีนขึ้นบนเก้าอี้ พยายามมองผ่านกำแพงสูงเกือบสองเมตร แต่ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสีขาวของกำแพง
เด็กน้อยพยายามตะกายลงจากเก้าอี้อย่างทุลักทุเล แล้ววิ่งออกไปเกาะรั้วหน้าบ้าน เหลือบมองเห็นร่างผอมบางของเด็กชายอีกคนกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น
เพตรามองภาพนั้นอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็แง้มรั้วบ้านที่ไม่ได้ปิดสนิทออกไป
“มานี่เร็วศิลา” ปลายเท้าเล็กที่เคยถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้านก้าวออกไปอย่างไม่ลังเล แล้วคว้าฝ่ามือเล็กของเด็กชายมาไว้ในมือ “มาเร็วเข้า”
“อ๊ะ! ฮึก...”
“คุณลุงจะตีนายอีกแล้วเหรอ มาหลบบ้านเราเถอะ”
พุ่มไม้ของพริมาถูกสองร่างเล็กพากันขดตัวเบียดกันอยู่ภายใน เด็กชายศิลาตัวสั่นระริกราวกับลูกนก เขาตัวเล็กกว่าเพตราเกือบสิบเซ็นต์ทั้ง ๆ ที่อายุเกือบเท่ากัน เธอเคยเห็นเขาเรียนอยู่อีกห้องไกล ๆ แม้จะอยู่ข้างบ้านแต่ไม่ได้สนิทกันนัก
ถึงแม้บ้านจะอยู่ติดกัน แต่เพราะพ่อของศิลาไม่ค่อยปล่อยให้เด็กชายออกมาวิ่งเล่นกับเพื่อน เพตราเลยไม่สนิทกับเขา
“ไอ้เด็กเวร!!!”
เด็กน้อยยกมือขึ้นปิดปากแน่นเมื่อได้ยินเสียงสบถหยาบคายมากมายตามมา
นอกจากได้ยินเสียงก่นด่าของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาของศิลาแล้ว เพราะแม่เสียไปตั้งแต่คลอด ศิลาเลยถูกคนเป็นพ่อตราหน้าว่าเป็นตัวกาลกิณีที่ทำให้ภรรยาตัวเองต้องตาย ตอนไม่เมาก็ไม่สนใจ แต่พอเมามาเมื่อไหร่ก็มาก่นด่าลูกชายและตีเขาอยู่เสมอ
“แกอยู่ไหนไอ้ตัวซวย! ไอ้ศิลา!!! ถ้าฉันเจอฉันจะตีแกให้ขาหักเลย”
“อย่าไปฟังนะ”
เด็กหญิงเลยยื่นมือไปโอบเขาเบา ๆ แล้วปิดใบหูทั้งสองข้างของเด็กชายไว้ หากแต่น้ำตาเขาก็ไหลพรากลงมาไม่ขาดสาย จึงทำให้เด็กน้อยไม่รู้ว่าจะเช็ดน้ำตาให้เขา กอดเขา หรือปิดหูเขาไว้ก่อนดี
“ฮึก”
“อย่าร้อง ไม่เป็นไร...คุณลุงหาไม่เจอหรอก”
“เออดี!!! จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย ถ้ากลับมาฉันจะตีแกให้ตายเลย” เพตราเบิกตากว้างกับประโยคแสนใจร้าย รับรู้ถึงความสั่นงกของคนข้างกาย แต่ก็ทำได้แค่ปกป้องเขาด้วยความคิดแบบเด็ก ๆ
“ฮึก ฮือออ”
“อย่าร้องนะ อย่าร้อง คุณลุงตีนายเหรอ นายเจ็บตรงไหนไหม เราจะพาไปหาแม่เรา แค่ทายาก็ไม่เจ็บแล้ว”
“เธอต่างหากที่เจ็บ”
“เราเหรอ ไม่เจ็บนะ” เพตราส่ายหน้าไปมา
“แต่เธอมีแผลนี่ ฮึก”
ตอนจะมาซุกในพุ่มไม้เธอดันสะดุดก้อนหินล้มนี่สิ เพตราเบ้ปากแต่ปิดปากแน่น มีเพียงน้ำใสเคลียคลออยู่ในนัยน์ตากลมโต ศิลามองคนข้างกายแล้วน้ำตาที่เคยไหลก็แห้งลงช้า ๆ
เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตาแดงก่ำ แต่เพตรากลับไม่ยอมร้องเลยราวกับกำลังอดทนเอาไว้ ฝ่ามือเล็กปิดใบหูเขาเอาไว้ มันไม่ได้ทำให้ได้ยินถ้อยคำสบถด่าของคนเป็นพ่อน้อยลงเลย แต่กลับทำให้อุ่นใจจนเขาขยับตัวเข้าไปใกล้เพตราขึ้นอีกนิด
“แผลแค่นี้ไม่เป็นไร ฉันไม่เจ็บ คุณลุงเข้าบ้านไปแล้ว ไปหาแม่ฉันกัน”
“อื้มมม”
เด็กหญิงในวัยแปดขวบคว้ามือศิลาเดินตามเข้าไปในบ้าน เธอเดินชิดติดกำแพงเหมือนกับที่เขาเห็นในหนังสายลับ แล้วรีบพาเขาวิ่งเข้าไปในบ้าน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของศิลา กลายเป็นเสียงหัวเราะ
แต่เพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นเสียงตกใจของพริมาตามมาจนดังลั่นบ้าน
โชคดีที่พ่อของเพตราเป็นเพื่อนกับบิดาของศิลา แม้จะช่วยให้ศิลาหลุดพ้นจากคนเป็นพ่อไม่ได้ แต่เวลาที่พ่อเมามายเขาก็มักจะมาหลบและมาเล่นกับเพตราเสมอ พอถึงเวลาเข้านอนพ่อเธอก็จะเข้าไปส่งเขาให้แม่บ้านพาเข้านอน
เท่านั้นก็พอแล้ว
“แม่คะศิลาเก่งจังค่ะ อ่านนิทานยาก ๆ ออกหมดเลย ภาษาอังกฤษก็อ่านออกด้วยเหมือนคนอังกฤษเลย”
“เธอรู้เหรอว่าคนอังกฤษพูดยังไง”
“ก็พูดเหมือนนายไง”
เสียงหัวเราะคิกคักของสองร่างเล็กทำให้พริมาได้แต่หัวเราะตาม
“เก่งจังเลยนะศิลา” พริมาลูบศีรษะเล็กแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณครับคุณอา ขอบคุณนะเพตรา”
“โตขึ้นศิลาต้องเก่งกว่านี้แน่ ๆ นายอยากจะเป็นอะไรเหรอ” เพตราเงยหน้าจากหนังสือนิทานจ้องเขาด้วยดวงตากลมโต
“อืมมม ไม่รู้” เขาส่ายหน้าไปมาพลางถูแก้มใส แล้วหันมองดวงตากลมโตที่จ้องเขาอยู่ ท่าทีคิดหนักยิ่งทำให้เขาหันไปจ้องเธอราวกับคาดหวังคำตอบ
“คุณหมอไหม” เพตราพูดขึ้น
“เอ๋...คุณหมอเหรอ”
“ก็ศิลาเคยทำแผลให้เรานี่นา งั้นก็เป็นคุณหมอสิ เวลาเราล้มจะได้ดูแลเราไง”
ใบหน้าน่ารักขมวดคิ้ว ตอนนั้นเขาแค่ช่วยพริมาแปะปลาสเตอร์ที่แผลของเพตราเอง เท่านั้นก็เป็นหมอได้แล้วเหรอ เด็กน้อยกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ
“งั้นเราจะเป็นคุณหมอ”
“เย่! รอแป๊บนึงนะ”
“เพระวังลูก!”
“ค่าาา”
ร่างเล็กปีนลงเก้าอี้ก่อนจะลากกล่องของเล่นออกมาเท เสียงดุของพริมาไม่ได้ทำให้เธอสลด แล้วหยิบหูฟังอันน้อยที่เธอเอาไว้ตรวจตุ๊กตากระต่ายส่งให้กับเขา
“ให้นาย”
ศิลารับหูฟังสีชมพูสดใสมาไว้ในมือ นัยน์ตาเปล่งประกายมองเพตราด้วยความยินดี
“ยินดีด้วยนะคะคุณหมอ”
“ขอบคุณนะเพตรา”