“พี่ว่าพี่เริ่มเมาแล้วแฮะ ขอไปสูบบุหรี่ก่อนนะเพ”
“ค่ะ”
“ดีเลยค่ะงั้นไลลาไปเข้าห้องน้ำด้วยดีกว่า” ไลลาเอ่ยขึ้นหลังจากที่พี่แดนเหนือเอ่ยจบประโยค ไม่ทันได้ทักขอไปด้วยร่างเล็กของเพื่อนสนิท ก็เดินหายเข้าไปในความมืด ทิ้งให้ฉันได้แต่ยิ้มแหยมองตามอย่างเลือกไม่ได้
“ไอ้ศิลามึงแดก!”
“รู้แล้วน่า”
“วู้วววววว”
เสียงคุยกันเจี๊ยวจ๊าวของโต๊ะด้านหลัง เรียกความสนใจจากฉันและเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดี จนเห็นศิลากำลังยกเหยือกเบียร์กระดกเข้าปาก กลายเป็นจุดสนใจที่ทุกโต๊ะหันไปเชียร์ลั่นร้าน
“คิก~ ดื่มเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ เก่งจัง”
“นี่ถ้าแกไม่มาแนะนำพี่เหนือ ฉันคิดว่าแกกับศิลามีซัมติงกันนะ”
“หา!!!” ฉันเลิกคิ้วสูงรีบหมุนตัวแล้วคว้าคอฟ้าใส “หยุดพูดเลยนะไอ้เฟรนด์’วิทกับเพื่อนสนิทอะไรนั่นนะ ฉันขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย”
“ถ้าคนไกลตัวไม่เวิร์ก ลองมองคนใกล้ตัวดูไหมแก”
“อะไรยะ”
“เช่นหนุ่มแว่นคณะแพทย์ชื่อศิลาอะไรงี้”
ซินดี้พูดก่อนจะกรี๊ดแซวฉัน ยัยบ้านี่ชอบกรี๊ดตลอดเลย ฉันหัวเราะไปตามคำแซวแต่ในหัวกลับคิดไม่ออกสักนิด
ความเป็นเพื่อนของฉันกับศิลามันไปไกลจากคำว่าเพื่อนสนิทแล้ว เขาเหมือนครอบครัวฉันจนไม่สามารถจินตนาการอะไรไปมากกว่านั้นได้ ความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้มันดีอยู่แล้ว แต่สำหรับพี่แดนเหนือฉันหวังว่าจะถามความสัมพันธ์ที่จริงจังกับเขาสักครั้ง อยากไปไกลมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นถ้ามันไปกันไม่ได้ ฉันก็คงเสียใจมาก
“เฮ้อออ”
“เป็นอะไรไปแก” ซินดี้ถามหลังจากเห็นฉันถอนหายใจ
“พอมาคุยจริง ๆ แล้วไม่สนุกเหมือนในแชตเลย ทำไมมันยากแบบนี้อะ พี่เขาก็ไม่น่าจะโอเคเหมือนกัน ฉันจะแห้วไหมฟ้า”
“ไม่รู้สิ” ฟ้าใสตอบพลางยักไหล่
“ความสัมพันธ์มันยากนะเพตรา เผื่อใจไว้บ้าง”
“ค่ะโค้ช!!!!” ฉันตอบรับด้วยเสียงลากยาว ฟังเรื่องเมาท์จากซินดี้และฟ้าใสจนหัวเราะร่วน เผลอดื่มเข้าไปแก้วแล้วแก้วเล่า แต่ไม่ว่านานแค่ไหนไลลากับพี่แดนเหนือก็ยังไม่กลับมา ส่วนพี่ทิมตั้งแต่ไปทักทายเพื่อนดูเหมือนจะหิ้วสาวออกไปแล้ว
ศิลา : คนนี้เหรอที่เธอจะจริงจังด้วย
ศิลา sent you a photo
ฉันหยุดหัวเราะเมื่อเห็นข้อความเด้งขึ้นมา พลางวางแก้วเหล้าลงเพื่อเปิดรูปที่ส่งมาหลังข้อความนั้น เมื่อเห็นว่าศิลาไม่อยู่ที่โต๊ะหัวใจฉันก็เต้นระส่ำระสาย ปลายนิ้วที่สั่นระริกยังไม่เท่ากับลำคอที่แห้งผากอย่างไม่มีสาเหตุ
ก่อนที่หัวใจที่เต้นรัวจะช้าลงเรื่อย ๆ หลังจากตัดสินใจแตะลงบนหน้าจอ
ภาพของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจูบกันอยู่หน้าห้องน้ำ ดวงตาของฉันหรี่ลงมองเรียวปากของทั้งคู่ที่ประกบกันอย่างดูดดื่ม
หนึ่งคือคนคุยที่ฉันพามาแนะนำ
สองคือเพื่อนสนิทที่บอกว่ารักและห่วงฉัน
ฉันแสยะยิ้มร้ายออกมาไม่รู้ตัวทั้ง ๆ ที่ดวงตาร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าเพราะหัวใจเต้นเร็วจนฉันรู้สึกชาไปทั้งตัว หรือเพราะมันหยุดเต้นไปแล้วกันแน่
“ทำแบบนี้ได้ยังไง”
“มีอะไรเหรอเพตรา”
“เดี๋ยวฉันมานะ” ฉันเหลือบดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาใสมองหน้าเพื่อน ก่อนจะกัดฟันแน่นลุกขึ้นยกเครื่องดื่มในมือกระดกเข้าปากจนหมด รสชาติบาดคอจากเหล้าเพียวที่เรากำลังเล่นเกมไหลลงท้องจนร้อนวูบวาบ แล้วก้าวตรงไปยังทางเดินไปห้องน้ำซึ่งเชื่อมกับหลังร้าน ที่จัดไว้ให้สูบบุหรี่ เหมือนฟ้าจะแกล้งฉันหรืออยากให้ฉันตาสว่างกันแน่ เพราะยังไม่ทันก้าวออกไปก็เจอคนในรูปทั้งสองเดินสวนมา
“จะกลับแล้วเหรอเพ”
พี่แดนเหนือยิ้มให้ฉัน
“อ้าวเพ...”
นั่นมันคนที่ฉันบอกว่ากำลังคุยอยู่นะ เธอทำได้ยังไงไลลา สายตาคู่สวยของเพื่อนสาวเหลือบมองไปอีกทาง สักพักก็หันมายิ้มให้ฉันเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันแค่นหัวเราะเบา ๆ ใบหน้าของไลลาก็เหมือนจะชะงักไป
“เมารึเปล่าหน้าแดงเชียว”
“อย่าค่ะ...เพไม่ชอบ” ฉันปัดฝ่ามือใหญ่ที่ยื่นมาจะแตะใบหน้าพลางขยับตัวหลบ ความมึนเมาทำให้ฉันกล้ากว่าปกติ ถึงได้เชิดหน้ามองพี่แดนเหนือราวกับท้าทาย
“เพเป็นอะไรไปเมาแล้วเหรอ” น้ำเสียงอ่อนโยนมันทำให้ฉันกำหมัดแน่นไม่รู้ตัว
“เพจะไปเข้าห้องน้ำ ขอตัวนะคะ”
‘เพตราน่ะคุยกับผู้ชายของเพื่อนไปทั่วเลยไม่ใช่เหรอ’
‘ห้ะ! จริงดิ’
‘เธอเป็นเพื่อนในภาคไม่รู้เหรอ ขนาดพี่โจยังบอกเลยว่าเพตราชวนไปกินข้าว ขนาดรู้ว่าพี่เขาจีบฉันอยู่’ สีหน้าคนเล่าหงุดหงิดจนกำมือแน่น นึกถึงแฟนหมาด ๆ ที่ยื่นแชตมาให้ดูว่าเพื่อนในเซกชวนไปทานข้าวด้วย เธอกับโจเจอกันในห้องเรียนนี้ ที่จัดเด็กหลาย ๆ คณะมาเรียนด้วยกัน และเพตราก็อยู่กลุ่มเดียวกับเธอ คอยเป็นแม่สื่อให้เสมอ แต่ลับหลังก็แอบไปคุยกับโจสนิทสนม
คนแบบนี้ถ้าไม่เรียกหน้าซื่อใจเสือจะเรียกว่าอะไร
นี่ล่าแฟนเพื่อนเป็นเหยื่อเหรอ ‘ทุเรศ!’
‘ช็อกมากอะ’
‘ทำเป็นหงิมที่แท้ก็แรดเงียบ คนในภาคก็โดนเหมือนกันรู้จักฟองรหัสสามสี่ปะ นั่นก็โดนตอนปีหนึ่ง’
‘ฟองเบียร์แฟนมาร์คเหรอ’
‘ใช่’
‘ถึงว่าเพื่อนเราคนนึงก็พูดเหมือนกัน ว่าแฟนหล่อนสนิทกับยัยเพตรา แต่บอกว่าเป็นแม่สื่อให้ไม่รู้ว่าแบบนี้เหมือนกันรึเปล่า’ คิดว่าชอบเป็นแม่สื่อเพราะมนุษยสัมพันธ์ดีซะอีก ริมฝีปากแบะออกอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นคนที่ออกไปเข้าห้องน้ำ เจ้าของชื่อในบทสนทนาเดินกลับมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย
‘อ้าวววเพตรา...ขยับให้เพตราเข้าหน่อยสิ’
‘ไม่ต้องหรอกฉันว่าจะกลับก่อนนะ มีธุระน่ะ’
‘อ๋อจ้ะ กลับดี ๆ นะ’
เพตราหลุบตาต่ำไล่มองหน้าแต่ละคน เธอหยิบกระเป๋าขึ้นมาไว้ในมือ ท่อนขาเรียวก้าวฉับออกไปจากห้องเรียน ก่อนใบหน้านิ่งจะหม่นหมองลง ด้วยมือที่สั่นระริกเปิดแชตที่เคยคุยกับคนในประโยคสนทนาขึ้นมาด้วยใจสั่นระรัว
เธอถูกบังคับให้เป็นแม่สื่อจำเป็นอีกแล้วเหรอ
ครั้งนี้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ
ผู้ชายทุกคนที่ทักเข้ามาคุยด้วยประโยคที่สนใจในตัวเธอ การเรียนต่าง ๆ หรือแม้แต่ชวนไปเที่ยว หลายเดือนผ่านไปพอให้ใจไป กลับพบว่าที่จริงเขาเริ่มสนใจเพื่อน หรือคนใกล้ตัวของเธอต่างหาก หลังจากนั้นก็ใช้เธอเป็นสะพาน เหยียบย่ำความรู้สึกไปเป็นแฟนกัน แล้วยกตำแหน่งผู้มีพระคุณให้ทั้ง ๆ ที่เธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำแบบนั้นตอนไหน
นิ้วสวยกดคำว่า ‘บล็อก’ สไลด์แชตไปด้านซ้ายก่อนจะกดปุ่มลบ พร้อมน้ำตาที่ร่วงเผาะลงจากดวงตา