“บอกแล้วว่าอย่าเล่าให้เพตราฟัง”
“ยัยไลลา!!!” ซินดี้แหวเสียงสูงอย่างขัดใจแล้วหันมากอดคอฉัน
“เออ แต่แกก็ต้องระวังเหมือนกันนะซินดี้ เพราะถ้าเป็นเพื่อนเรายังรู้จัก แต่พวกในแอปเนี่ยอาจจะเจอพวกมาหลอกขายตรง แกล้งคุยให้ได้คนฟอลไอจี หรือมาขอเงิน” ฟ้าใสพูดถึงข่าวหรือเรื่องที่เคยได้ยินมาแต่ไม่คิดจะห้ามความคิดเพื่อน
“ไม่ต้องห่วงฉันจะสกรีนอย่างดีจ้ะ”
“ย่ะ!!!”
ฉันได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ไม่ได้สนใจ ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินประโยคต่อมาที่ชวนให้คิด
“ฉันว่าดีแล้วแหละ ฉันเองก็ไม่มีแฟนอยู่แล้ว ถ้ามีคู่นอนเฉย ๆ ก็ไม่ต้องปวดใจเรื่องความสัมพันธ์ ผู้ชายเดี๋ยวนี้หาดี ๆ ก็ยาก” ซินดี้ถอนหายใจแล้วพูดต่อ “เวลานอกใจก็บอกเรื่องปกติของผู้ชาย แถมเรื่องหยุมหยิมน่ารำคาญอีก ฉันว่าแบบนี้ตอบโจทย์ที่สุดแล้วสำหรับคนที่ไม่อยากมีแฟนอย่างฉัน”
“นั่นสิฉันเองก็ไม่ได้อยากมีแฟน แต่อยากลองจูบดูเหมือนกัน”
“ฮ้าาา เพตราของเราโตแล้วเหรอ”
“ฉันโตตั้งนานแล้วนะ”
“คุยอะไรกันน่ะเพ” เสียงดังจากด้านหลังทำเอาฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่ก้มลงมามองจนเกือบจะชิด เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนของเขาดูสว่างสดใสเหมือนกับรอยยิ้มที่ส่งมาให้ฉันในตอนนี้
พี่แดนเหนือหนุ่มวิศวะไฟฟ้าที่บังเอิญเรียนเซกเดียวกัน ฉันเคยให้พี่เขายืมเลกเชอร์ เลยได้แลกไลน์กัน จากเป็นรุ่นน้องเลยได้มีโอกาสใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ความสัมพันธ์ของเราสองคนอยู่ในสถานะที่คุยกันทุกวัน จนวันนี้ฉันถึงกล้าชวนพี่เขาออกมาเนี่ยแหละ
ฉันยิ้มให้กับพี่แดนเหนือแล้วหันไปสวัสดีพี่ทิมเพื่อนของเขา
“สวัสดีค่ะพี่เหนือพี่ทิม”
“ค่ะ แล้วตกลงคุยอะไรกันเหรอ” พี่แดนเหนือตอบรับอย่างร่าเริง เพียงครู่เดียวคนที่นั่งอยู่ข้างฉันก็พากันขยับ เว้นช่องว่าง ให้พี่แดนเหนือนั่งลง “ขอบคุณนะ”
“ก็ยัยเพตราบอกว่าอยากโดนจูบค่ะพี่เหนือ อุ๊บส์! คิกกก”
“ไลลา!!!”
“สาว ๆ คุยอะไรกันเนี่ย เพตราเป็นคนอย่างนี้เองเหรอ” แดนเหนือหัวเราะ “แล้วทำไมถึงอยากจูบล่ะ”
นัยน์ตาเจ้าเล่ห์จ้องมองมาที่ฉันแล้วขยับเข้ามาใกล้ อุณหภูมิในร้านที่เคยเย็นสบาย ในตอนนี้กลับร้อนระอุเมื่อร่างสูงเท้าคางพลางจ้องหน้าฉันไม่เลิก หัวใจที่เคยเต้นปกติในตอนนี้กลับเต้นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ
ก็แค่อยากลองจูบแบบดูดดื่มดูสักครั้ง
ฉันอยากรู้ว่าผีเสื้อที่บินวนในท้องมันหน้าตาเป็นยังไงก็เท่านั้น
แต่เพราะเสียงเพลงและความเงียบของคนบนโต๊ะรึเปล่า มันถึงทำให้ฉันประหม่าจนต้องขบริมฝีปากล่างไว้ไม่ให้ขยับ
“เพเปล่านะคะ”
“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเพตราเป็นแบบนี้”
“พี่เหนือหยุดเลยนะคะ เพบอกว่าไม่ใช่ไงคะ” พอจะยกมือตีพี่เขากลายเป็นว่ากลับถูกเขาประสานมืออย่างรวดเร็ว คนขี้เล่นแกล้งกระตุกเบา ๆ เท่านั้นร่างฉันก็ถูกกระชากเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว ความเห่อร้อนบนใบหน้าลามเลียไปทั่วหน้าแก้มจนไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า
ฉันกำลังเล่นกับใครอยู่กันแน่เนี่ย
หูฉันได้ยินเสียงหัวเราะคิกของเพื่อนสนิทดังมา แต่สมาธิกลับถูกคนตรงหน้าล่อลวงจนเผลอตกหลุมพรางสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมา
“ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย ตกลงว่าทำไมอยากจูบเหรอน้องเพ”
“พี่เหนือ...”
“เพตรา” น้ำเสียงราบเรียบจากคนที่ไร้ตัวตนดังขึ้น เรียกฉันให้หลุดออกจากภวังค์ ฉันดึงมือออกจากพี่แดนเหนืออย่างไม่รู้ตัวก่อนหันไปมองศิลาที่เดินมาข้างกาย สบสายตากับดวงตาใต้กรอบแว่นที่ดูล้ำลึกจนฉันไม่อาจรู้ความคิด
“ขอไฟแช็กหน่อยสิ”
“ไฟแช็ก...” เขาไม่ได้สูบสักหน่อย พอเห็นว่าฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ศิลาก็ก้มลงมาเหมือนกับอยากจะถามว่าฉันกำลังพูดอะไร ใบหูของเขาจ่อที่ปากของฉันจนได้กลิ่นน้ำหอมที่เขามักใช้ประจำ
“พูดอะไรนะ ไม่ได้ยิน”
“นายไม่ได้สูบบุหรี่สักหน่อย”
“อ๋อเหรอ...” ศิลากระตุกยิ้มกวนประสาท พลางหยัดตัวยืนขึ้น “ฉันสูบตอนดื่มนะ นึกว่าฉันเอาใส่ไว้ในกระเป๋าเธอซะอีก ไม่มีเหรอ”
“แต่พี่มีนะครับ เพยืมของพี่ให้เพื่อนก่อนไหม” รอยยิ้มใจดีถูกมอบให้พร้อมกับไฟแช็กเจ้าปัญหา ที่ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าของพี่แดนเหนือ เขายื่นมันมาให้ฉัน แต่เหมือนว่ามันจะจบลงแค่นั้นเมื่อรอยยิ้มนั้นหายไป เพราะมันถูกศิลาดึงออกไปจากมือก่อนที่ฉันจะแตะด้วยซ้ำ
“ขอบคุณครับ” ร่างสูงหมุนตัวออกไปทันทีที่พูดจบ ทิ้งให้บนโต๊ะเงียบสนิทกับเหตุการณ์อิหลักอิเหลื่อที่เกิดขึ้น จนฉันต้องหลบสายตาช่างสงสัยที่มองมาอย่างเปิดเผย
ก่อนที่ไลลาจะเป็นคนแก้สถานการณ์ด้วยการเอ่ยขึ้นมา “ฮ่า ๆ พี่เหนืออย่าไปสนใจเลยนะคะ ถ้าไลลาเป็นแม่เพตรา ศิลาก็เป็นเหมือนพ่อเลยค่ะ”
“คนนี้เหรอเพื่อนสนิทเพ”
“ค่ะคือ...”
“ใช่สิคะพี่เหนือ”
เอ่อ...ฉันยังพูดไม่จบเลย
“ศิลาน่ะตามเฝ้ายัยเพเพราะสนิทกันตั้งแต่เด็ก ๆ ค่ะ ไลลาเนี่ยเห็นหน้าเขาตั้งแต่ปีหนึ่งเลยนะคะ ว่าแต่พี่เหนือดื่มเหล้ามาแล้วเหรอ”
“หือ...รู้ได้ไง”
“ก็ได้กลิ่นจากลมหายใจพี่น่ะสิคะ เห็นแบบนี้ไลลาจับพิรุธเก่งนะ...” เสียงพูดคุยของไลลายังคงดังอย่างต่อเนื่องจนฉันไม่มีโอกาสได้แทรก แต่ก็อดขำไปกับบทสนทนาไม่ได้ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนฉันถึงเพิ่งรู้ตัว ว่าคนที่เคยหันหน้ามาหาฉันในตอนนี้กลับหันไปอีกข้าง
รู้อีกทีก็เหมือนว่าฉันกระดกเหล้าแก้เก้อไปซะหลายแก้ว
“ฉันก็อยากคุยเก่งเหมือนกัน...” ฉันพึมพำกับตัวเองพลางใช้ปลายนิ้วเล่นสนุกกับน้ำแข็งในแก้ว