บริษัทอัสดา อินทีเรีย
ชั้นผู้บริหาร
ญาดาแอบขโมยบัตรสแกนเข้าลิฟต์ผู้บริหารมาจากนพดนัยได้โดยที่เขายังไม่รู้ตัว เพื่อที่จะขึ้นมาดูให้เห็นกับตาตัวเอง ว่าคุณอัสดาทำงานอยู่ที่ห้องไหน แต่ที่เธอไม่รู้คือชั้นที่คุณอัสดาอยู่คือชั้นอะไร
“ลืมถามเลยว่าคุณอัสดาอยู่ชั้นไหน..?”
เธอยืนนิ่งอยู่นานจึงตัดสินใจกดไปชั้นบนสุดของตัวตึก แล้วรอเวลาที่ลิฟต์จะชึ้นไปถึงชั้นนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
“หวังว่าคงจะเป็นชั้น 19 นะ..”
เธอจ้องไฟที่ตัวเลขของลิฟต์ที่เลื่อนผ่านไปทีละชั้น แต่จู่ๆลิฟต์ก็ดันเปิดออกที่ชั้น 17 จนทำให้เธออึ้งตาค้าง
“ตายห่าละ..”
และเมื่อลิฟต์เปิดออกคนที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ก็ทำเอาเธออึ้งตาค้าง
“นี่เธอ..”
อัศวินที่ยืนคู่กับคุณภูเบศร์น้าชายแท้ๆที่มีศักดิ์เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของแม่เขา ทั้ง 2 คนมองเข้ามาในลิฟต์ก็เห็นญาดายืนอึ้งมองพวกเขาตาค้าง
“สวัสดีค่ะ..”
เธอรีบยกมือไหว้ทั้ง 2 คนอย่างดูลนๆ พวกเขาที่ยังยืนนิ่งอยู่ตอนนี้ก็มองเธอด้วยความสงสัยที่ต่างกัน คุณภูเบศร์มองหน้าเธอเพราะไม่เคยเจอเธอมาก่อน และก็สงสัยทำไมเธอถึงมีบัตรสแกนเข้าลิฟต์ผู้บริหารได้
ส่วนอัศวินก็มองเธอด้วยความสงสัยว่าเธอขึ้นมาบนนี้ทำไม ในเมื่อตอนนี้เธอยังต้องอบรมอยู่กับนพดนัย
“ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อนเลย..นี่เธอเป็นหัวหน้าจากแผนกไหน..?”
คุณภูเบศร์ถามเธอขึ้นมาก่อนด้วยความสงสัย
“เอ่อ..คือ”
“เธอเป็นเลขาส่วนตัวของผมครับ..”
“เลขาส่วนตัวของวินหรอ..?”
“พอดีว่าคุณพ่อยืมตัวคุณจินไปเป็นเลขาช่วยงานนะครับ ผมเลยต้องหาเลขาคนใหม่..”
“...”
เธอมองหน้าเขาด้วยความแปลกใจ เพราะที่เธอเข้ามาสมัครเป็นเลขาของคุณอัสดาพ่อของเขาต่างหาก ไม่ใช่เลขาของเขาสักหน่อย
“ฉันไม่ใช่เลขาของ..”
เขารีบเข้าไปเอามือปิดปากเธอไว้แล้วดึงตัวเธอออกมาจากลิฟต์ทันที
“อื้มม..”
“น้าภูขึ้นไปหาคุณพ่อก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมตามขึ้นไป..”
“โอเค..”
จนเมื่อคุณภูเบศร์เข้าไปในลิฟต์แล้วกดปิดลิฟต์จนสนิท เขาจึงยอมปล่อยตัวเธอออก
“ฉันไม่ได้สมัครงานเป็นเลขาของคุณนะ ฉันมาสมัครงานเพื่อมาเป็นเลขาท่านประธาน..”
“แล้วใครบอกเธอว่าฉันจะให้เธอไปเป็นเลขาท่านประธาน..?”
“ก็ในใบสมัครที่ฉันกรอกไปมันก็มีบอกนี่..แล้วฉันก็เห็นว่าบริษัทคุณก็รับตำแหน่งนี้อยู่..”
“แล้วเป็นเลขาท่านประธานกับเป็นเลขาฉันมันต่างกันยังไง..?”
“ต่างซิคะ..เพราะฉันตั้งใจมาสมัครเป็นเลขาท่านประธาน ถ้าตำแหน่งนี้ไม่ได้เปิดรับฉันก็ไม่มาสมัครหรอก..”
“...”
เขาจ้องหน้าเธอนิ่งๆเพราะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงอยากเข้ามาเป็นเลขาพ่อของเขามากนัก
“เธอทำให้ฉันเริ่มอยากรู้แล้วซิ ว่าทำไมเธอถึงอยากเข้ามาทำงานในบริษัทฉันนัก และก็อยากมาเป็นเลขาส่วนตัวของพ่อฉันด้วย..ที่เธอเข้ามาเพราะมีจุดประสงค์ร้ายอย่างอื่นแอบแฝงหรือเปล่า..?”
“ไม่มี..ฉันไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งนั้นแหละ ฉันก็บอกคุณแล้วไงว่าฉันอยากทำงานนี้ เพราะที่นี่เป็นบริษัทเดียวที่ฉันอ่านประวัติแล้วฉันก็อยากร่วมงานด้วย แล้วงานเลขาท่านประธานมันก็ท้าทายความสามารถฉันดี ฉันก็เลยอยากทำ..”
“...”
เขาจ้องหน้าเธออย่างจับผิดจนเธอต้องหลบตาไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ
“งั้นช่วงทดลองงาน 3 เดือนนี้ เธอต้องมาเป็นเลขาส่วนตัวให้ฉันก่อน แล้วถ้าฉันเห็นว่าเธอเหมาะสมเธอจะได้ขึ้นไปเป็นเลขาส่วนตัวของพ่อฉันทันที..”
“ทำไมต้องรอ 3 เดือนด้วยละคะ..?”
“ก็เพราะว่าเธอไม่มีประสบการณ์มากพอไง ฉันไม่อยากให้พ่อฉันต้องมาปวดหัวกับเด็กทดลองงานอย่างเธอ..”
“ก็ถ้าคุณไม่เปิดโอกาสให้ฉันทำ คุณจะรู้หรอคะว่าฉันทำได้หรือทำไม่ได้..”
“ตามใจเธอนะว่าอยากจะทำหรือไม่ทำ..หรือเธออยากจะออกไปเลยก็ได้นะ..?"
"..."
"ลงไปได้แล้ว.."
“...”
เธอยืนนิ่งไม่ยอมขยับเขาจึงดึงบัตรสแกนลิฟต์ที่อยู่ในมือเธอขึ้นมาดู
“บัตรนี่ของคุณนพดนัยนี่ เขาเป็นคนให้เธอมาหรอ.?”
“เอ่อ..คือ”
“บัตรนี้ให้เฉพาะคนที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของแต่ละแผนกเท่านั้นที่จะขึ้นมาบนชั้นผู้บริหารได้ หรือว่าเธอขโมยเขามา..?”
“...”
ญาดามองหน้าของอัศวินอย่างหน้าเสียเพราะไม่กล้าบอกความจริงกับเขา
“ฉันว่าคงไม่ต้องรอจนเธออบรมเสร็จแล้วละ เพราะบริษัทนี้ไม่รับพวกหัวขโมย..”
“ฉันขอโทษค่ะ เพราะความอยากรู้อยากเห็นของฉันเอง ฉันเลยแอบเอาบัตรสแกนเข้าลิฟต์ของพี่เขามา แต่ฉันไม่ได้จะขโมยไปไหนนะคะ ฉันแค่อยากขึ้นมาดูว่าข้างบนนี้แตกต่างจากข้างล่างยังไง ดูเสร็จฉันก็จะกลับแค่นั้นเอง..”
“หน้าที่ของเลขาที่สำคัญคือไม่ควรมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นด้วยนะ..ข้อนี้เธอควรจำไว้”
“...”
เธอมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจแต่ก็ต้องยอมสงบปากสงบคำเอาไว้ เพราะถ้าเถียงออกไปเขาไม่ยอมให้เธอทำงานที่นี่ต่อไปแน่
“ฉันจะคาดโทษสำหรับเธอเอาไว้ ถ้าเธอทำอะไรที่แปลกๆหรือมีอะไรที่ผิดปกติอีก ฉันจับเธอส่งตำรวจแน่..”
“ค่ะ..”
เธอเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างหน้าจ๋อยๆ โดยมีเขาที่ยังจ้องมองใบหน้าเธออย่างนึกขำ จนเมื่อลิฟต์ปิดลงไปแล้วเขาก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้
...
บ้านพลวัธ
2 วันผ่านไป
วันนี้เป็นวันอบรมวันสุดท้ายแล้วและพรุ่งนี้เธอจะต้องได้ไปทำงานเป็นเลขาจริงๆ แต่ไม่ใช่เลขาของท่านประธานที่เธอตั้งใจไปสมัครแต่แรก แต่เป็นเลขาของรองประธานที่เธอเบื่อขี้หน้าเป็นที่สุด
“ยังไม่นอนอีกหรอญา..?”
“ญายังไม่ง่วงเลย..”
ญาดามาขออยู่กับพลที่บ้านของเขาเพราะเธอเพิ่งย้ายกลับมาอยู่ที่ไทยได้เพียง 2 อาทิตย์ ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหาที่อยู่ไหนที่มันสะดวกในการเดินทาง จึงต้องมาอยู่กับเขาเพื่อให้เขาไปรับส่งที่ทำงานบ้างบางครั้งคราว แล้วก็มีสลับกันไปช่วยดูแลญานินพี่สาวของเธอที่โรงพยาบาลบ้าง
“ตื่นเต้นหรอที่จะได้เข้าไปทำงานในบริษัทนั้นแล้วจริงๆ..?”
“ก็นิดหน่อย.”
“แล้วเมื่อไหร่ญาจะได้เข้าไปเป็นเลขาของคุณอัสดาละ..?”
“อีก 3 เดือน..แต่ญาจะไม่รอให้ครบ 3 เดือนหรอกมันนานเกินไป..ญาจะหาวิธีเข้าใกล้คุณอัสดาให้มากที่สุด เพื่อสืบให้รู้ให้ได้ว่าเขากับพี่นินเป็นอะไรกัน แล้วเขาใช่พ่อของลูกในท้องพี่นินหรือเปล่า..”
“แล้วเรื่องคดีละ..ญาจะทำยังไง..?”
“ญาไม่เชื่อว่านั่นเป็นอุบัติเหตุ ญามั่นใจว่าต้องมีคนจงใจทำฆ่าพี่ญาแน่ๆ..และญาต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร..”
“ญาคิดว่า จะใช่คุณอัสดาหรือเปล่าที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนึ้ทั้งหมด..?”
“...”
....