ตอนที่ 8
เควินรู้สึกอยากเตะสักป้าบ จะได้รู้ว่าควรทำตัวยังไง จะด่าออกไปอยู่แล้ว ทว่าไอ้ตัวเล็กขยุกขยิกตัวอยู่ไม่สุข แถมน้ำตาก็เอ่อล้นคลอเบ้า ฟันซี่เล็กขบกัดกลีบปากสีชมพูอิ่มเต็มแรงอย่างกับเจ็บปวดนักหนา
“มีอะไรหรือเปล่าคะเควิน” วีรดาเอ่ยถามเสียงหวาน เสียววาบไปทั้งแผ่นหลัง หนาวยะเยือกไปทั่วร่าง เมื่อเจอเข้ากับนัยน์ตาเข้มดุที่มองมาอย่างเย็นชา ความกลัวเกาะกุมหัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ดาขอโทษนะคะ ถ้าทำอะไรให้คุณไม่สบายใจ คุณยกโทษให้ดานะคะ” หญิงสาวอ้อนวอนเสียงหวานใส ยกปลายนิ้วไล้บนปลายคางสากระคายด้วยไรหนวดเคราเขียวเป็นปื้น ทำให้เค้าหน้าคมสันดุขึ้น มีเสน่ห์เสียจนอยากจะซบซุกกับอกกว้าง ให้ใบหน้าสากระคายไถลเคลื่อนไปทั่วเรือนกายนุ่มนิ่ม เจ็บแสบนิดๆ ระคนจั๊กจี้หน่อยๆ ทว่าสยิวซ่านเสียวไปลึกสุดใจ
วีรดาหน้าแตกยับ นอกจากเควินจะไม่สนใจแล้ว เขากลับเอื้อมมือไปหยิบเสื้อสูทที่ถอดวางไว้ตั้งแต่เริ่มก้าวขึ้นนั่งบนรถ โยนลงไปบนกายไอ้ตัวเหม็นสาบ เพื่อปกปิดไอ้หัวขโมยจากสายตาของหนุ่มร่างสันทัด ซึ่งดูเหมือนจะไม่เชื่อคำพูด เดินเข้ามาเมียง ๆ มอง ๆ อยู่หลายครั้ง จนเธอร่ำ ๆ อยากจะป่าวประกาศให้ดัง ๆ ว่าไอ้หัวขโมยที่แกต้องการน่ะอยู่นี่ รีบมาเอาตัวไปเสียที
กลีบปากสีสดขบเม้มเข้าหากันอย่างเจ็บใจ แค่ได้เด็กหัวขโมยนี่เข้ามาแค่แป๊บเดียวเควินก็ไม่สนใจเธอแล้ว แต่ไม่...คนอย่างเธอไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรอก วีรดาฉีกยิ้ม นัยน์ตาพราวระยิบระยับ ทุ่มแรงกดลงไปบนกายเล็กเต็มแรงๆ จนวิฬาร์ถึงกับสะดุ้งเฮือก เผลอปล่อยเสียงร้องออกมา แต่ยังดีว่ายกมือปิดปากไว้ได้ทัน แต่กลั้นน้ำตาและเสียงสะอึกสะอื้นเอาไว้ไม่ได้ ยื่นปลายมือไปเอาสิ่งที่ทำให้ตัวเองเจ็บออกและขยับกายเข้าหาร่างหนาใหญ่มากขึ้น
“คุณ...ผมเจ็บ” วิฬาร์ข่มกัดฟันกระซิบบอกเสียงแผ่วพร้อมเสียงสะอื้นเล็กๆ ยื่นมือไปกระตุกขากางเกงคนตัวใหญ่เบาๆ เมื่อทนรับความเจ็บบริเวณขาอ่อนไม่ไหวแล้ว
เมื่อรู้ว่าไอ้ตัวเล็กร้องไห้เพราะสาเหตุใด เควินก็อดชื่นชมความเก่งและอดทนของอีกฝ่ายไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่นโดนเหยียบด้วยส้นรองเท้าแหลมเล็กแบบนี้คงร้องโอดโอยอย่างน่าถีบไปแล้ว แต่ไอ้ตัวเล็กกลับหลุดเสียงสะอื้นมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“ดา” เรียกชื่อหญิงสาวข้างกายด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แข็งกร้าว
“มีอะไรคะเควินขา” วีรดายังแกล้งทำไขสือ ฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหู แต่ในใจร่ำ ๆ อยากจะกระทืบ ๆ และกระทืบไอ้ตัวเหม็นขี้ฟ้องให้กระอัก
“อุ๊ย! ขอโทษด้วย ฉันไม่ทันรู้ตัวว่าเหยียบแกอยู่” วีรดาออกตัวอย่างมีจริตจะก้าน ก้มหน้าถลึงตาดุเขียวขุ่นใส่ไอ้ตัวเหม็น กดขยี้ส้นเท้าลงอีกครั้งก่อนจะยกออกอย่างช้าที่สุด
“ไม่เป็นไร” เธอจะพูดอะไรได้ล่ะ นอกจากคำนี้นะ “ขอบคุณ” บอกคนตัวใหญ่ซึ่งผงกศีรษะรับ
“ลงไปได้แล้วดา”
วีรดาอ้าปากค้าง มือที่ยกขึ้นจะทาบบนอกกว้าง สอดแทรกเข้าไปเพื่อลูบไล้ผิวกายหนาบึกบึนหยุดชะงัก นัยน์ตาเต็มไปด้วยคำถาม
“กะ...เกิดอะไรขึ้นคะเควิน ดาทำอะไรผิดหรือคะ”
เควินปรายตามองอย่างเฉยชา “จะไม่ลงก็ตามใจนะดา”
“เควินคะ” วีรดายื่นมือไปจับท่อนแขนกำยำ แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเจอเข้ากับสายตาดุกร้าวและเย็นยะเยือก เธอเลยทุ่มความโกรธไปให้กับไอ้ตัวมาร ถลึงตาขุ่นเขียวใส่ไอ้ตัวเหม็นซึ่งผงกศีรษะขึ้นมอง ก่อนสะบัดหน้าก้าวลงไปข้างล่างอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นว่าอยู่ที่ไหนวีรดาก็รีบปรับเปลี่ยนหน้าตาบูดบึ้งตึงยู่ย่นเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับไม่เคยเจอเรื่องที่ทำให้ระคายเคืองใจ ก็ถึงคอนโดเควินแล้วนี่นา จะให้นั่งทำซากอะไรบนรถล่ะ
“ไหวไหม” เควินเอ่ยถามเจ้าตัวเล็กดำมอมน้ำเสียงอาทรนิดๆ
วิฬาร์ได้แต่จ้องมอง ก่อนจะสะบัดส่ายศีรษะแรงๆ “ไม่เป็นไรครับ” เอ่ยตอบเสียงแผ่ว เมื่อเจอเข้ากับสายตาคมดุที่ทอดมองมาอย่างไม่พอใจ
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมไว้”
“ดาว่าอย่าไปสนใจเจ้าเด็กนั่นเลยค่ะเควิน เนื้อตัวสกปรกมอมแมม แถมยังจะเป็นหัวขโมยอีก ดีไม่ดีคนพวกนั้นอาจวางแผนไว้ ส่งมันมาเป็นสปายล้วงความลับของคุณก็ได้นะคะ” เบะปากถลึงตาใส่ไอ้เด็กตัวเหม็นที่ยื่นหน้ามาสะบัดส่ายปฏิเสธ
”ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้ขโมย” หันไปมองสบตาเควิน ให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอพูดจริง ไม่ได้โกหก “ผมไม่ได้ทำอย่างที่คุณผู้หญิงคนสวยกล่าวหานะครับ” ไม่ได้อยากชมคนหน้าสวย ทว่าไร้น้ำใจหรอก แต่คิดว่าการหยอดคำหวานผูกมิตรกับอีกฝ่ายไว้ น่าจะเป็นการดีกับตัวเองมากกว่า
“อือ...” เควินรับคำในลำคอ ดูสภาพเจ้าตัวเล็กแล้ว เขาว่าลงจากรถด้วยตัวเองไม่ไหวแน่ เลยยื่นมือไปจับแขนเล็กอย่างที่เรียกได้ว่าหิ้วปีกพาลงจากรถเสียมากกว่า
“ผมไม่เป็นไร เดินเองได้ คุณปล่อยผมเถอะครับ” วิฬาร์ตกใจจนพูดรัวเร็ว จับคำแทบไม่ทัน พยายามปลดมือใหญ่ออกจากแขน
“เดี๋ยวคนพวกนั้นกลับมาคุณจะเดือดร้อนนะครับ”
“อยู่เฉยๆ อย่าเรื่องมาก”
น้ำเสียงห้าวทุ้มแฝงด้วยอำนาจทำเอาวิฬาร์ต้องรีบหุบปากดังฉับ ฉีกยิ้มแหยๆ และเหลือบสายตามองหนึ่งสาวที่จ้องมาด้วยสายตาเกลียดชัง ก่อนสะบัดส่ายศีรษะ เป็นการปฏิเสธว่าเธอไม่ได้ทำอะไร
วีรดาหน้าหงิกงอเป็นตาหมากรุก เควินไปถูกโรคอะไรกับไอ้เด็กเปรตนี่ ทำไมถึงยอมช่วยเหลือด้วยก็ไม่รู้ ดูสารรูปซิ ดูได้เสียที่ไหน หน้าตาสกปรกมอมแมม แล้วก็เหม็นอย่างกับไปคลุกกองขยะมายังงั้นแหละ ...
‘ยี้ ตัวเชื้อโรคทั้งนั้น แล้วที่เหยียบไปเต็มๆ นี่ เชื้อโรคมันจะติดมาตัวเธอด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้’ ยกมือขึ้นดมดูก่อนจะเบาใจไปได้หน่อยหนึ่ง เมื่อกลิ่นกายเธอยังหอมกรุ่นด้วยน้ำหอมยี่ห้อดี ซึ่งเควินซื้อมาให้เป็นของขวัญ
“เควินขา...คนพวกนั้นก็ไปแล้ว ดาว่าคุณปล่อยเด็กนี่ไปดีกว่านะคะ” วีรดาเดินลิ่วๆ ไป เกือบจะยื่นมือไปกระชากและเหวี่ยงไอ้ตัวเหม็นให้ไกลๆ แต่หยุดตัวเองเอาไว้ได้ทันเสียก่อน ต่อหน้าเควินเธอจะเป็นนางมารไม่ได้ ต้องเป็นนางฟ้าเท่านั้น แต่ลับหลังเมื่อไหร่ แม่จะสับให้เละเป็นหมูบะช่อเลยเชียว
“ไหนคุณว่าเหนื่อยไงคะ ไปค่ะดาจะนวดให้หายเมื่อยล้า” ปลดแขนไอ้ตัวเหม็นออกจากมือเควินและพาตัวเองเข้าไปแทรกกลาง สอดมือเข้าคล้องแขนกำยำ ทาบหน้ากับบ่ากว้าง พลางเหลือบสายตาไปมองไอ้ตัวเหม็น ซึ่งขยับเขยิบกายถอยห่างไปอย่างทุลักทุเล
‘สมน้ำหน้า เธอน่าจะกดให้หนักกว่านี้’
วิฬาร์ยืนขาสั่น ลูบขาข้างที่ถูกเหยียบหน้านิ่ว แม้จะกลั้นน้ำตาไม่ไหลได้แล้ว ทว่าหยดน้ำยังคงเกาะซึมอยู่ตามรอบขอบตาและขนตายาวงอน น้ำลายเหนียวๆ ไหลติดลำคอ เมื่อเหลือบมองไปแล้วเห็นหุ่นของคนที่ให้การช่วยเหลืออย่างชัดเจน
หนาใหญ่ราวกับหมียักษ์ขั้วโลกเหนือ ข่มร่างเล็กกระจิ๋วหลิวให้เป็นเพียงแค่มดตัวเล็ก แล้วออกมายังลานโล่งกว้างแบบนี้ ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงรัศมีแห่งอำนาจที่แผ่กระจายมาอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
เค้าหน้าคมเข้ม คางเหลี่ยมแข็งแรง ปากหนาหยักอิ่มเต็ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับดวงตาคมดุราวกับพญาเหยี่ยว ฉลาดและหลักแหลม รู้เท่าทัน ความกลัวเกาะกุมหัวใจดวงน้อย เท้าเล็กขยับถอยไปด้านหลัง ยิ้มแหยๆ ไม่กล้าสบตากับคนตัวใหญ่ เพราะกลัวว่าเขาจะจับได้ว่าเธอไม่ใช่หนุ่มน้อยแต่เป็นสาวน้อย