ตอนที่ 7
“ว้าย! ตายแล้ว” วีรดาหวีดร้องเสียงแหลมเล็กราวกับกลืนเอานกหวีดเข้าไป อะไรก็ไม่รู้มากระดุกกระดิกอยู่ใกล้ๆ เท้า จนเธอยกหนีแทบไม่ทัน แล้วเมื่อก้มลงมองก็เห็นเป็นผ้าหนาสีหมากรุกเคลื่อนไหวขยุกขยิกราวกับงู แต่รับรู้ได้ว่านั่นคือ...คน
ไฟโมโหพุ่งทั่วจนหน้านวลเนียนตกแต่งอย่างประณีตแดงก่ำ เธอกำลังอ้อนวอนขอตามเควินไปต่างประเทศคราวต่อไปได้อยู่แล้วเชียว แต่กลับโดนไอ้เด็กสกปรกบ้านี่มาขัดขวางเสียได้ มันน่ากระทืบให้แบนติดพื้นรถไปเลย ไม่เพียงแค่คิดวีรดายังลงมือทำเลย ขยับเท้าไปทาบบนส่วนที่คิดว่าเป็นขาของไอ้เด็กตัวมาร แล้วกดส้นรองเท้าแหลมเล็กลงไปเต็มแรง ระบายความโกรธกรุ่นที่ถูกขัดจังหวะ
“อุ๊บ!” รีบยกมือปิดปากกับความเจ็บที่แล่นพล่านมาจนน้ำตาหยดไหล อยากกรีดร้องให้ดังสุดเสียง แต่ก็ต้องข่มกลั้นเอาไว้ ขืนหลุดปากออกไปนิดเดียว ไอ้พวกที่ตามมาจะต้องจับได้ กัดฟันกรอดจนแทบจะมีเสียงหลุดมา ค่อยๆ เหลียวศีรษะไปมองที่มาของความเจ็บจนเนื้อแทบจะปริแยกออกจากกัน จึงได้เห็น...ตวัดสายตาไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนได้สบกับสายตาเข้มดุของแม่สาวใจร้าย เสื้อผ้าบางส่วนหลุดลุ่ยออกมาเปิดเผยเนื้อหนังมังสาหน้าไม่อายเอาเสียเลย
“ยี้...ตายแล้ว ไอ้เด็กสกปรก” วีรดาหลุดเสียงแหลมเล็กเสียดแทงเข้าไปในช่องหูของคนซึ่งเกร็งตัวรับกับความเจ็บอยู่ “ขึ้นมาได้ยังไง ลงไปนะไอ้เด็กบ้า” เอ่ยไล่พร้อมขยับเท้าเตะซ้ำแรงๆ ไปอีกหลายครั้ง
เควินหลุบตาลงมองเบื้องล่าง เจ้าคนตัวเล็กซึ่งเงยขึ้น วงหน้านั้นดำมอมแมมเหมือนลูกหมาซึ่งกระโดดลงไปซุกเล่นในปลักโคลนตมขยุกขยิกอย่างอยู่ไม่สุข จะเอ่ยถามเอาความ กลับถูกเสียงแหลมเล็กของวีรดากลบเสียสนิท
“ยืนมองอะไรอยู่ ทำไมไม่มีรีบเอาตัวเจ้าเด็กนี่ออกไปสักที”
เสียงแปดหลอดราวกับช้างกำลังตกลูกดังเสียดแทงเข้ามาในหูวิฬาร์อีกครั้ง ก่อนจะรู้สึกเหมือนว่าขาเธอกำลังถูกใครบางคนกระชากอยู่ แล้วเมื่อผงกศีรษะมองไป ก็เห็นชายร่างสันทัดกำลังจับข้อเท้าดึงแรงๆ ปฏิกิริยาอันฉับไวทำให้วิฬาร์แผลงฤทธิ์ใส่ ด้วยการงอเข่าและกระทุ้งไปเต็มรัก ไม่รู้หรอกนะว่าถูกตรงไหน แต่คงจะโดนเต็มๆ แหละ ไอ้คนโดนทำร้ายถึงได้ร้องจ๊ากดังลั่น
“ดา” เควินเรียกเสียงเข้มอย่างตักเตือน
“หาตัวมันให้เจอ อย่าให้หนีไปได้นะโว้ย นายเอาตายเชียวมึง!”
แว่วเสียงเหี้ยมหาญที่ดังลอยตามสายลมมาเรียกความสนใจจากเควินให้หันไปมอง นัยน์ตาคมเข้มดุจะหลุบลงมองเจ้าตัวเล็กใกล้เท้าที่มุดขดจนตัวงอ พร้อมขยับเข้ามาชิดขาแกร่งอย่างกับต้องการให้ช่วยกันจากสายตาเจ้ายักษ์ใหญ่ หน้าตาเหี้ยมหาญที่มาหยุดยืนหันรีหันขวาง สอดส่ายสายตามองหาบางสิ่งบางอย่าง
“คุณเห็นเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ วิ่งหนีมาทางนี้บ้างไหม มันขโมยเงินแล้ววิ่งหนีมา”
เสียงเอ่ยถามที่ดังอยู่ไม่ไกลจากตัวสักเท่าไหร่ ทำให้วิฬาร์รีบเงยหน้าขึ้น เพียงแค่มองสบกับสายตาสีสนิมแข็งดุกร้าวราวกับจะสะกดให้ตัวเธอหลอมละลายในเปลวไฟของคนตัวใหญ่ซึ่งก้มมองลงมา หญิงสาวก็ตัวสั่นราวกับกำลังจับไข้ รัศมีแห่งความมีอำนาจและบุรุษเพศแผดจ้าที่แผ่ซ่านมา เหมือนลูกกระสุนซึ่งถูกปล่อยออกจากปลายกระบอกปืนตรงเข้ามาที่หัวใจ พ่วงด้วยกลิ่นไอความน่ากลัว
แวบหนึ่งที่หัวใจบอกว่าอย่าเอาตัวเข้าไปใกล้ลอยมาล้อมรอบกาย ทำให้วิฬาร์ถามตัวเองว่า หนีหมาปะเอาสัตว์ร้ายอีกตัวแล้วใช่ไหม แต่ความรู้สึกต่างๆ ก็มลายหายไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเธอรู้เพียงแค่อย่างเดียว ว่าจะไม่ยอมให้ถูกจับไปเป็นนางบำเรอของใคร
เควินหลุบสายตามองเจ้าตัวเล็กซึ่งกำลังกลัวอย่างหนัก ถึงกับรีบมุดซอกซอนเข้าหาจนหน้าแทบจะติดกับรองเท้าสีดำสนิทเป็นมันวาวที่เขาสวมใส่อยู่ รับรู้ถึงร่างกายที่จิกเกร็ง ในหูเหมือนจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำวูบไหว ฟันที่กระทบกันกึกๆ นัยน์ตากลมโตฉายแววหวาดหวั่นฉ่ำน้ำอ้อนวอนขอร้องไม่ให้เขาบอกไป
“ผะ...ผมไม่ได้ขโมย” วิฬาร์สวมมาดหนุ่มน้อยเอ่ยปฏิเสธไปเสียงเบาราวกับกระซิบ เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามและรัศมีแห่งอำนาจที่แผ่กระจายมาโอบรอบเรือนกาย บวกกับรู้ตัวเองดี ถึงเธอจะเป็นสาวแล้ว และด้วยลักษณะการแต่งกายในวันนี้...
เสื้อเชิ้ตตาหมากรุกตัวใหญ่โคร่ง สวมทับเสื้อยืดและยังมีเสื้อชั้นในสำหรับออกกำลังกายทำให้อกเธอแฟบลงจนแทบจะไม่มี กางเกงยีนตัวใหญ่รัดเข็มขัดหลวมๆ รองเท้าผ้าใบขาดบางส่วนปกปิดเท้าบอบบางไว้ได้เป็นอย่างดี และยังมีหมวกแก๊บใบโตปกปิดหน้าตา เก็บรวบผมยาวระเพียงแค่ต้นคอเอาไว้ สามารถหลอกให้คนอื่นคิดว่าเธอคือหนุ่มน้อยได้เป็นอย่างดี
น้ำเสียงแผ่วเบาหวิวสั่นพร่า หน้าตาเปื้อนฝุ่นดินขะมุกขะมอมดำเป็นปื้น ยังไม่เท่าสายตากลมโตใสแจ๋วราวกับลูกแก้วทอดมองมาด้วยอารมณ์หลากหลาย ขลาดกลัว ตื่นตระหนก อ้อนวอน เหมือนลูกหมาตกน้ำ หลงหาทางกลับบ้านไม่ได้ ตรงเข้ากระแทกหัวใจเควินอย่างจังและมันทำให้เขาตอบไปว่า...
“ไม่” เควินตอบและหันไปส่งสายตาดุกร้าวใส่คนขับรถซึ่งเพิ่งจะลุกขึ้นยืนแล้วทำหน้าตาแหยๆ ราวกับกำลังเตือนให้อยู่เงียบๆ และหันมาทำตาดุเข้มใส่หญิงอีกคนที่ออกอาการกระฟัดกระเฟียดทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปากเขา
“ไอ้เด็กบ้า จับได้เมื่อไหร่จะเอาเข้าคุกให้เข็ดเชียว!” คนที่มาจับตัววิฬาร์กลบเกลื่อนด้วยการสบถเสียงขุ่น “ถ้าเจอมันวิ่งผ่านหน้ามา ก็ช่วยตะโกนบอกด้วยแล้วกัน” เอ่ยสำทับไปอีกครั้งอย่างหงุดหงิดกับแม่ตัวเล็กซึ่งไวยิ่งกว่าลูกหลวนเสียอีก
“ไม่เห็น” เควินตอบและหันไปส่งสายตาดุกร้าวใส่คนขับรถซึ่งเพิ่งจะลุกขึ้นยืนแล้วทำหน้าตาแหยๆ ราวกับกำลังเตือนให้อยู่นิ่งเฉย
“เควินคะ” วีรดาร้องประท้วงอย่างไม่ชอบใจ มีอย่างที่ไหนบอกไปว่าไม่เห็น ก็ไอ้ตัวเหม็นมันนอนหมอบอยู่ใต้อุ้งเท้าเธอเองนี่นา แต่ครั้นจะเอ่ยปากบอกคนตาม แต่เธอจำต้องปิดปากเงียบด้วยสายตาคมกริบซึ่งทอดมองมา แล้วหญิงสาวก็หันไปใส่อารมณ์กับไอ้ตัวยุ่งที่ทำให้เรื่องราวซึ่งกำลังจะดีแย่ลง
เควินตวัดสายตาสีสนิมเข้มดุมองวีรดาอย่างเย็นชา ไม่ใช่ไม่รู้พฤติกรรมร้ายๆ ของอีกฝ่าย แต่ที่ยังเลือกเก็บไว้ใกล้ตัว เพราะยังเล็งเห็นถึงประโยชน์ ทว่าในวันนี้เขากลับรู้สึกเหนื่อยหน่าย คงถึงเวลาต้องปลดระวางหญิงสาวจากการนอนร่วมเตียงเสียแล้ว
ช่วงหลังมานี้วีรดาเริ่มล้ำเส้นจนเกินข้อตกลงแต่แรก บ้านและคอนโดเริ่มมีข้าวของผู้หญิงวางไว้เกลื่อนกลาด อ้อนขอเงินทองในการจับจ่ายใช้สอยหนักมือขึ้น เงินทองแม้เพียงแค่เศษเงินเล็กๆ น้อยๆ แต่เขารู้ถึงค่ามันดี ยามหิวจนท้องกิ่ว น้ำย่อยในกระเพาะกัดกร่อนจนแสบไปทั้งท้อง เพราะเงินในมือขาดแค่หนึ่งบาท ก็หาซื้ออาหารกินไม่ได้น่ะเป็นยังไง ไม่ใช่คนจนต้องขุดคุ้ยหาข้าวของตามถังขยะประทังชีวิต แต่ไม่ใช่คนรวยมีเงินทองให้จับจ่ายใช้สอยสุรุ่ยสุร่าย อยากได้อะไรก็ต้องเก็บหอมรอมริบเอา ทำให้รู้คุณค่าของคำว่าเงินดี
เสียงสะอึกเล็กๆ ดังแว่วเข้าหูมา เควินต้องก้มหน้าลงมา กรามหนาขบกัดบดเบียดจนนูนเด่น นัยน์ตาเป็นประกายวาววับขึ้นด้วยความหงุดหงิด
‘บ้าอะไรวะ...เป็นลูกผู้ชายเสียเปล่า แค่ถูกไล่ตามแค่นี้ เสือกร้องไห้’