ตอนที่ 10
“หมายความว่าไงคะเควิน คุณจะพาไอ้เด็กนี่ขึ้นไปห้องพักของเราด้วยหรือคะ” วีรดาหน้าหงิกงอยิ่งกว่าหมาหน้าย่น เมื่อถูกทำราวกับว่าไม่มีตัวตน
เควินเป็นบ้าอะไร ไปสนใจอะไรกับไอ้เด็กหน้าตาดำเมี่ยงอย่างกับขอทานนี่มากนัก ทำอย่างกับว่าเป็นญาติโกโหติกากันอย่างนั้นแหละ อยากอาละวาดตบหน้าไอ้เด็กเปรตนี่เหลือเกิน เข้ามาไม่ทันไรก็ทำให้เธอกลายเป็นคนถูกเมิน รับไม่ได้อย่างแรง!
“ถ้ารับไม่ได้ จะกลับไปก่อนก็ได้นะดา เดี๋ยวจะให้คนส่งเงินไปให้” พูดน้ำเสียงเรียบเฉยอย่างคนไร้ความรู้สึก ไม่แพ้วงหน้าซึ่งเฉยชาเย็นยะเยือก
“ไม่นะคะเควิน” นี่เขากำลังจะโละเธอทิ้งแล้วใช่ไหม กลีบปากสีแดงสดสั่นระริกอ้าค้าง ก่อนจะรีบหุบเข้าหากันขบกัดเอาไว้จนห้อเลือด สองมือกำหมัดแน่นจนปลายเล็บแหลมยาวจิกลงไปในเนื้อ ทุ่มความเกลียดและส่งสายตาจิกกัดเกรี้ยวกราดราวกับคมมีดไปให้ไอ้ตัวเหม็น
“ดาขอโทษนะคะที่ทำให้คุณไม่สบายใจ ดาเพียงแค่เห็นว่าคุณเหนื่อย อยากให้พักผ่อนก็เท่านั้นเอง” ตอบกลับเสียงอ่อน
“คุณปล่อยผมดีกว่านะครับ ผมไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้คุณสองคนต้องทะเลาะกัน”
“ฉันว่าแกอยู่เฉยๆ ดีกว่านะไอ้หนู ขืนพูดมาก เดี๋ยวฉันเอารองเท้ายัดปากแทน”
วิฬาร์ได้แต่อ้าปากค้าง การแต่งกายบอกว่าชายหนุ่มจะต้องได้รับการศึกษามาอย่างดี หน้าตาหรือก็หล่อเหลาอย่างกับพระเอกหนักฮอลีวูด แต่ทำไมถึงได้พูดจาอย่างกับหมาไม่รับประทานแบบนี้ เล่นเอาคนน่ารักอย่างเธอถึงกับอึ้งไปไม่ถูกเอาเลยนะนี่
“โธ่...เควินขา ดาแค่หงุดหงิดไปหน่อยที่เห็นคุณสนใจไอ้เด็กนี่มากกว่า ดาขอโทษ คุณอย่าโกรธนะคะที่รัก” ออดอ้อนเสียงอ่อนหวานแผ่วพลิ้ว สอดมือคล้องแขนล่ำๆ เชิดหน้าขึ้นสูง
ได้...ตอนนี้เธอจะยอมไปก่อน แล้วค่อยหาโอกาสกำจัดไอ้เด็กเปรตนี่ออกไปจากวงจรชีวิตเควินให้เร็วที่สุด ก่อนที่ชายหนุ่มจะบ้าจี้พกไอ้เด็กโสมมนี่ไปไหนมาไหนด้วย ขัดสายตานะไม่เท่าไหร่ แต่ขัดใจน่ะซิ ให้มันมานั่งมองเธอกับชายหนุ่มคลอเคลียกันตาแป๋ว แทนที่จะมีอารมณ์กลับจะหมดไปตั้งแต่ไม่ทันเริ่มน่ะซิ
วิฬาร์กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกกับสายตาเกรี้ยวกราดลุกโชนด้วยเพลิงไฟแห่งความเกลียดชังที่ส่งมอบมา ‘เอาจนได้นะเรา’ ไม่ได้อยากทำให้ใครยุ่งยากลำบากใจเลยสักนิด แต่สิงโตยักษ์ก็ดันไม่ยอมปล่อยแขนเธอด้วยซิ ลากจนจะกลิ้งได้อยู่แล้วนี่ไง
‘เอาน่าคุณพี่สาวอกโต ฉันอยู่ด้วยไม่นานหรอกน่า ขอแบบว่าพักเอาแรงสักคืนพร้อมกับคิดว่าจะทำไงดีกับอนาคตตัวเองมันก็เท่านั้น ฉันไม่อยู่รกหูรกตาคุณพี่กับแฟนนานหรอก’
แม้จะบอกกับใจไปอย่างนั้นทว่าวิฬาร์กลับไม่มั่นใจเอาเสียเลย ไม่รู้มีอะไรมาบอกกับตัวเธอว่าการที่เธอเอาตัวมาใกล้ชิดกับสิงโตยักษ์น่ะง่าย แต่การจะกลับออกไปนะยากถึงยากที่สุดเลยละ
“แกจะเดินให้เหมือนผู้ชายเดินบ้างไม่ได้หรือไงไอ้ตัวเล็ก”
เสียงแข็งๆ ลอยมาแตะโสตประสาทหู ทำให้ปลายเท้าบอบบางซึ่งจรดบนพื้นอย่างเบาที่สุดหยุดชะงัก วิฬาร์เหลียวศีรษะหันไปมองที่มาของเสียงทักช้าๆ หัวใจเต้นตึกตักรัวเร็วอย่างกับรัวกลองศึกออกรบ
นัยน์ตาใสแจ๋วราวกับแก้วเบิกกว้าง เมื่อเห็นหมียักษ์นั่งเด่นเป็นสง่า กายหนาเอนแผ่นหลังอิงกับเบาะนุ่มๆ ยกขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบนอีกข้าง ยกมืออีกข้างพาดบนพนักโซฟาตัวนุ่ม ปลายนิ้วเคาะเป็นจังหวะเบาๆ นัยน์ตาเข้มดุพร่างพราวระยิบระยับ
“จะไปจีบสาวห้องข้างๆ ทำไมถึงไม่ชวนกันบ้างล่ะ” เควินเอ่ยถามเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมหนึ่งของปากหนา ครั้งแรกที่ถูกจับได้ว่าหนี ไอ้ตัวเล็กกลัวว่าจะถูกเขาลงโทษ เลยให้เหตุผลว่าไม่ได้หนี แต่จะไปจีบสาวหน้าตาน่ารักห้องข้างๆ
“เปล่า...” หญิงสาวปฏิเสธเสียงเบา พร้อมส่ายหน้าสำทับ ‘มาตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ ทำไมเธอถึงไม่เห็นจะได้ยินเสียงเปิดประตูเลย หมดสิทธิ์หนีอีกแล้วเรา’
จากวันนั้นถึงวันนี้ นับได้เกือบจะครบเดือนแล้วที่เธอมาอยู่กับเควิน โดนวีรดาเขม่นไม่เว้นแต่ละวัน มันน่ารำคาญใจพอแล้ว ยังจะถูกพ่อหมียักษ์ลากพาไปไหนต่อไหนด้วยอย่างกับเธอเป็นตุ๊กตา ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะหายใจด้วยซ้ำ แถมยังต้องคอยระวังหัวใจตัวเองไม่ให้หลงไปกับหมียักษ์ตัวใหญ่ที่ดูภายนอกแล้วแข็งกร้าวและไร้ความรู้สึก ทว่าลึกๆ ภายในเธอสัมผัสได้ถึงความเหงาเศร้าและโหยหาความรักความอบอุ่นจากใครสักคนที่มีรักแท้ให้ แต่ที่เขาแสดงออกมาคือความเย็นชาและเอาแต่ใจตัวเอง
การอยู่ใกล้ชิดกับเควิน ทำให้หัวใจหวั่นไหว ควบคุมตัวเองไม่ได้ ในวันที่ไม่มีวีรดามาเพ่นพ่านพัวพันอยู่ใกล้ชายหนุ่ม เธอก็สุขราวกับมีผีเสื้อนับสิบกำลังโบกสะบัดโบยบินอยู่ในหัวใจ แต่วันไหนที่มีหญิงสาวมาคอยคลอเคลียชิดใกล้ วอนเว้าคำพูดคำจาหวานหู ในใจเธอเหมือนมีเข็มเล่มเล็กๆ ทิ่มตำให้เกิดความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ราวกับถูกมดคันไฟกัด
“เปล่า...แล้วจะไปไหน”
วิฬาร์อ้ำอึ้ง “เอ่อ...คือว่า...ผม...” สมองทำงานช้าจนคำพูดที่ควรจะออกจากปากมันติดขัดตะกุกตะกักไปเสียหมด
“ว่าไง จะไปไหน”
“ผมปวดหัว จะไปซื้อยากินครับ” วิฬาร์เป่าปากอย่างโล่งอกเมื่อนึกและพูดออกไปได้
“เป็นอะไรมากไหม ไหนมาใกล้ๆ หน่อย แล้วเวลาเดินน่ะให้มันองอาจกล้าหาญ ไม่ใช่หนีบขาติดกัน ปลายเท้าแยกออกอย่างกับเป็ด กระบิดกระบวนนวยนาดวาดมืออย่างกับนางงาม แล้วสะบัดตูดโยกย้ายไปมาเหมือนกับผู้หญิงด้วยนะ” เควินสั่งเสียงเข้ม นัยน์ตาพราวระยับ กระดิกปลายเท้าเบาๆ
“ไหนคุณว่าวันนี้มีประชุมสำคัญไงครับ แล้วนี่กลับมาทำไม” กว่าที่เธอจะหาโอกาสดีๆ แบบนี้ได้ ยากเย็นแสนเข็ญ อึดอัดที่ต้องถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา อึดอัดที่ถูกแขวะกัดด้วยเรื่องบ้าๆ โดยโต้ตอบไม่ได้
“เผอิญลืมไปว่าลืมพาเบ๊ไปด้วย” เปล่า...ความจริงเขาลืมเอกสารสำคัญเลยกลับมาเอา
เบ๊...อีกแล้ว นี่หมายความว่าวันนี้เธอจะต้องถูกหอบหิ้วไปไหนมาไหนด้วยอีกแล้วใช่ไหมนี่ วิฬาร์กลอกตาไปมา ลอบถอนหายใจแผ่วเบา เบะกลีบปากด้วยความเบื่อหน่าย จะมีวันไหนบ้างที่เธอเป็นอิสระจากเควิน
“คุณก็เห็น ผมไม่ค่อยสบาย” วิฬาร์ห่อปากแล้วยื่นไปด้านหน้า ยกมือปัดผมบนศีรษะให้มันยุ่งเหยิงเหมือนกับคนเพิ่งตื่นจากที่นอน โชคดีว่าผมที่ยาวระต้นคอไม่ถูกสงสัยเพราะเป็นแฟชั่นของกลุ่มเด็กวัยรุ่น “ให้ผมพักสักวันนะครับ”
“เดี๋ยวพาไปหาหมอ แล้วจะพาไปกินไอติม” แทนที่เควินจะตอบตกลง ชายหนุ่มกลับพูดไปอีกอย่าง นิ้วยาวยกขึ้นกระดิกเรียกคนตัวเล็กให้ไปหา แต่คนเจ้าปัญหากลับถอยกรูดไปด้านหลังเสียนี่
“ผมไม่ใช่เด็กนะ ที่จะเอาของกินมาล่อน่ะ” หญิงสาวทำหน้าบึ้ง ตาวาววับ เบะปากเล็กน้อย
“แกจะไม่กินก็ได้...บอกให้เดินมานี่”
ดวงหน้าผ่องพรรณงอง้ำบึ้งตึง อยากขัดขืนไม่ทำตาม ทว่าน้ำเสียงที่ดังมาจากปากหนาหยักสีสดกำลังเตือนให้เธอคิดให้ดีหากจะทำอะไรให้ไม่เป็นที่พอใจของอีกฝ่าย เคยเจอมาแล้วที่ขัดขืนคำสั่ง เลยถูกหมัดเหวี่ยงมาถูกใบหน้าอย่างจัง จนเห็นดาวลอยวนอยู่เหนือศีรษะ แล้วยังเกือบจะถูกจับได้ว่าเป็นผู้หญิงอีก เธอเลยไม่คิดจะเสี่ยงกับเพลิงโทสะของเควินอีกเลย
“ไอ้ตัวเล็ก”