เนตรอัปสรอมยิ้มขำส่ายหน้า กับความเจ้าเล่ห์ของผู้จัดการสาว เธอลุกขึ้นยืนพลางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเอ่ยชวนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง
“ไปไปรษณีย์กันเถอะค่ะ แอนนี่อยากให้แองจี้เห็นโปสการ์ดเร็วๆ ถ้าแองจี้เห็นโปสการ์ดที่ส่งไปให้รอบนี้แอนนี่คิดว่าน้องคงจะรีบแจ้นมาเมืองไทยแน่นอน”
“น้องแองจี้จะมาหรือคะ ที่กรุงโรมมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามตั้งมากมาย“
อิรวดีเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ ถึงแม้เมืองไทยจะมีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามขึ้นชื่อไม่แพ้ประเทศอื่นใด แต่ก็ยังมีบางคนที่นิยมท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่าที่จะท่องเที่ยวในประเทศของตนเอง
เนตรอัปสรคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับหยิบภาพภ่ายภาพเด็ดขึ้นมามองนิดหนึ่งจากนั้นก็ยื่นให้พี่อิรวดีได้ชื่นชมบ้าง
“เชื่อแอนนี่เถอะค่ะ ถ้าแองจี้เห็นภาพนี้ต้องรีบเก็บกระเป๋าเดินทางมาเมืองไทยอย่างแน่นอน”
อิรวดีรับภาพถ่ายมาดูครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ยถามเสียงสูงด้วยความแปลกใจ
“นี่หรือคะภาพเด็ดของน้องแอนนี่ พี่ดูแล้วก็เป็นแค่ภาพม้าธรรมด๊า...ธรรมดา”
“สำหรับเราๆ คงคิดว่ายังไงก็เป็นภาพม้า แต่สำหรับคนคลั่งไคล้หลงใหลรักม้าที่สุดอย่างแองจี้ ถ้าได้เห็นแล้วคงทำตาโตร้องกรี๊ดลั่นบ้านแน่”
เนตรอัปสรเอ่ยกลั้วหัวเราะ นอกจากทะเลแล้ว แองจี้คลั่งไคล้ม้าเป็นที่สุด ขนาดว่าตอนเด็กๆ เคยไปหัดขี่ม้าและถูกสะบัดตกจากหลังม้าตั้งหลายครั้งก็ไม่เคยเข็ดสักที
“น้องแอนนี่ไปได้ภาพมาจากไหนคะ ถ้าดูดีๆ ก็ถือว่าเป็นม้าที่สวยสง่างามมากๆ” อิรวดีเอ่ยถามพร้อมกับยื่นภาพให้คืน
“มีน้องในกองถ่ายเขาเอามาให้ แอนนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาถ่ายมาจากที่ไหน แต่เห็นน้องเขาบอกว่าเป็นม้าที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลก มีอยู่ในเมืองไทยแค่ไม่กี่ตัว ราคาหลักล้านเชียวนะคะ เห็นว่าเจ้าของเขาหวงมาก น้องเขาต้องแอบถ่ายถึงได้ภาพนี้มา”
เนตรอัปสรเอ่ยบอกตามข้อมูลที่เธอได้รับมา มือบางรวบรวบโปสการ์ดไว้ในซองสีน้ำตาลแล้วเอ่ยเร่งผู้จัดการส่วนตัวอีกครั้ง
“ไปกันหรือยังคะ ขืนชักช้าเดี๋ยวไปรษณีย์จะปิดทำการก่อน”
“ไปค่ะ พี่อิรวดีก็อยากให้น้องแองจี้มาเมืองไทยเร็วๆ เหมือนกัน อยากรู้ว่าน้องแองจี้จะสวยน่ารักเหมือนแอนนี่คนนี้หรือเปล่า”
เนตรอัปสรหัวเราะคิกก่อนจะเอ่ยตอบกลั้วหัวเราะ “ถ้าพี่อิรวดีคิดว่าแองจี้จะหวานเหมือนแอนนี่ก็คิดผิดแล้วค่ะ เพราะยายแองจี้ร้ายและก็รั้นที่สุด”
“ถ้างั้นก็ดีสิค่ะ พี่อิรวดีมีบทเด่นๆ หลายบท ถ้าหากน้องแองจี้รับเล่น พี่จะให้เล่นคู่กับน้องแอนนี่เลย รับรอง...ความนี้ดังยิ่งกว่าพลุแตกเสียอีก”
อิรวดีลุกขึ้นตามแรงฉุดของอีกฝ่าย นัยน์ตาสีน้ำตาลเปล่งประกายตื่นเต้นที่จะได้พบหญิงสาวอีกคน ซึ่งเธอแอบหมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าเจอตัวเมื่อไรจะชวนมาเล่นละครให้จนได้
ร้านอาหารไทยเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนใจกลางกรุงโรม คราคร่ำไปด้วยลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต่างก็แวะเวียนมาชิมอาหารไทยฝีมือเลิศรสของคุณอัปสราหญิงหม้ายวัยห้าสิบปีเศษ เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ทำให้มีแขกมากเป็นพิเศษ ทั้งเจ้าของร้าน ทั้งเด็กเสริฟต่างก็วิ่งวุ่นกับการต้อนรับลูกค้าที่ทยอยเข้ามาในร้านไม่ได้ขาดสาย
พิมพ์อัปสรหรือแองจี้ อีกหนึ่งนางอัปสราผู้เลิศเลอโฉมไม่แพ้คนพี่ ต้องแอบไปหลบพักเหนื่อยอยู่หลังร้านอาหาร เพราะต้องเดินเสริฟและคอยต้อนรับแขกเกือบทั้งวันทำให้หญิงสาวถึงกับเมื่อยล้าปวดตามน่องขาจนแทบจะยืนไม่ไหว น้ำใบเตยสีเขียวอ่อนเย็นเจี๊ยบในแก้วใบใหญ่ช่วยทำให้เธอสดชื่นขึ้นหลังจากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยมานานหลายชั่วโมงตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน
ใบหน้างามรูปไข่ จมูกเล็กๆ เชิดขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกว่าเป็นคนรั้นอย่างหาที่เปรียบมิได้ ริมฝีปากอวบอิ่มสีกุหลาบดูแดงระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติทำให้หนุ่มอิตาเลี่ยนหลงใหลมานักต่อนักแล้ว แต่หญิงสาวไม่เคยยอมให้ใครได้เข้าใกล้ชิดหรือเปิดโอกาสให้หนุ่มอิตาเลี่ยนได้เข้ามาครอบครองหัวใจ ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดราวกับว่าดวงใจดวงนี้กำลังรอคอยใครสักคนซึ่งเธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ ณ แห่งหนใด
เมื่อได้พักผ่อนหายเหนื่อยบ้างแล้วหญิงสาวก็เปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อเช็คอีเมล์พอได้เเห็นเมล์ของคนที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อเกือบทุกวันก็ทำให้เธอต้องยิ้มออกมาด้วยความดีใจ พี่สาวเธอส่งอีเมล์มาเล่าเรื่องราวความเคลื่อนไหวในเมืองไทยให้เธออ่านเหมือนดังทุกวัน ใบหน้างามแย้มยิ้มตลอดเวลาที่กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือบนหน้าจอโน๊ตบุ๊คและเมื่ออ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย เธอถึงกับร้องกรีดด้วยความดีใจรีบอ่านซ้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตาเธอไม่ได้ฝาดไป
‘ปล. พี่ได้ส่งเช็คของขวัญมาให้แองจี้พร้อมกับโปสการ์ดด้วย ถ้าแองจี้ตกลงมาเมีองไทย พี่จะหยุดงานสักสามเดือน พาแองจี้เที่ยวเมืองไทยให้ฉ่ำปอดไปเลย’
“โปสการ์ดกับเช็คของขวัญงั้นหรือ?”
พิมพ์อัปสรเอ่ยพึมพำด้วยความสงสัยเพราะเธอไม่เห็นมีโปสการ์ดมาถึงมือเธอสักใบ นับคร่าวๆ จากวันที่พี่สาวส่งอีเมล์มาโปสการ์ดก็น่าจะมาถึงกรุงโรมได้แล้ว เธอรีบปิดโน๊ตบุ๊คแล้วเอาไปซ่อนไว้ในกระเป๋าใบใหญ่เพราะการที่เธอติดต่อกับพี่สาวยังเป็นความลับที่มารดายังไม่ได้รับรู้ ร่างโปร่งบางระหงรีบสอยเท้าออกทางด้านหลังร้านแล้ววกกลับไปดูโปสการ์ดที่กล่องรับจดหมายหน้าร้าน
ใบหน้างามหวานซีดเผือดถอดสีด้วยความผิดหวังเมื่อปราศจากจดหมายหรือโปสการ์ดใดๆ ในกล่องจดหมายไม้สัก หญิงสาวเดินคอตกเข้ามาในร้าน แต่เมื่อเหลือบสายตาเห็นคาร์ล่าเด็กเสริฟในร้านเธอก็รีบเดินตรงดิ่งเข้าไปหาทันที
“คาร์ล่า”
พิมพ์อัปสรกระซิบเรียกเด็กสาวเสียงแผ่วเบาด้วยภาษาอิตาเลี่ยนพร้อมกับดึงแขนอีกฝ่ายให้หลบไปคุยกันด้านหลังเคาร์เตอร์แคชเชียร์
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณแองจี้ ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย”
คาร์ล่าเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเจ้านายสาวหันซ้ายหันขวาคอยกวาดสายตามองหาคุณอัปสราผู้เป็นมารดา
พิมพ์อัปสรหันไปมองมารดาที่กำลังสนทนาอยู่กับแขกคนไทยกลุ่มใหญ่ก่อนจะหันมากระซิบถามคาร์ล่าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอีกครั้ง
“คาร์ล่าเห็นโปสการ์ดของแองจี้บ้างมั้ย มาจากเมืองไทยน่ะ”
“อุ้ยตาย!...คาร์ล่าขอโทษค่ะ คาร์ล่าเป็นคนไปเอามาจากกล่องจดหมายเองค่ะ ว่าจะเอาไปให้คุณแองจี้ตั้งหลายวันแล้วแต่ก็ลืมเสียสนิทเลย“ เด็กสาวยกมือทาบอกแสดงอาการตกอกตกใจพร้อมกับเอ่ยขอโทษเจ้านายสาวเสียงอ่อย