บทที่ 1
ใบพัดกังหันลมนับร้อยตัวที่โบกพัดหวีดวิวนำมาซึ่งพลังงานธรรมชาติผลิตทั้งกระแสไฟและพลังงานน้ำต่อเติมแต่งแต้มแหล่งชีวิตให้ผู้คนทั่วทั้ง ‘สตาเลียน ฟาร์ม’ ท้องฟ้าสีครามกลุ่มปุยเมฆสีขาวสะอาดดูกลมกลืนเข้ากันได้ดีกับยอดหญ้าสีเขียวขจีที่กำลังโบกพัดพลิ้วไหวล้อเล่นเริงระบำหยอกเอินกับสายลมที่พัดผ่านบางเบา
ฝูงม้าสายพันธุ์อาหรับ สายพันธุ์ที่ได้รับฉายาว่า ‘ผู้ดื่มด่ำสายลม (Drinkers of the Wind)’ หรือสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลกอย่าง ‘ยิปซีแวนเนอร์’ ที่มีอยู่ไม่กี่ตัวในเมืองไทย ม้าขี่สายพันธุ์มอร์แกนด์ อเมริกันแซคเคิลและอีกหลายๆ สายพันธุ์ต่างก็เดินเล่น วิ่งเหยาะๆ อยู่ทั่วบริเวณอาณาเขตนับร้อยๆ ไร่ของสตาเลียนฟาร์ม (Stallion Farm)
รามา กษิดิส หรือพ่อเลี้ยงรามตามคำเรียกสั้นๆ ของคนงานในฟาร์ม พ่อเลี้ยงผู้ห้าวหาญแข็งแกร่งดุจหินผาเจ้าของ ‘สตาเลียน ฟาร์ม’ ซึ่งเป็นฟาร์มเพาะม้าส่งม้าจำหน่ายให้สโมสรต่างๆ เกือบทั่วภูมิภาคเอเชียรวมถึงทวีปอเมริกา กำลังยืนดูคนงานกอดปล้ำคลุกฝุ่นกับปฏิบัติการฝึกม้าให้เชื่อง
‘ร็อคกี้’ พ่อพันธุ์ม้าสายพันธุ์อาหรับสีดำขลับที่เพิ่งมาถึงที่ฟาร์มเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมากำลังพยศได้ที่ คนงานกี่คนๆ ก็ยังปราบเจ้าร็อคกี้ไม่ลงสักที
“พอเถอะว่ะไอ้กรณ์ กว่าไอ้ร็อคกี้จะเชื่องกูกลัวว่าพวกมึงกระดูกจะหักกันเสียก่อน”
พ่อเลี้ยงรามเอ่ยห้ามน้ำเสียงติดจะรำคาญ ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว ‘กรณ์’ ลูกน้องคนสนิทก็ปราบเจ้าร็อคกี้ไม่ลงสักที แค่กรณ์แตะบังเ**ยนไม่ทันจะได้ขึ้นไปบนหลังม้า เจ้าร็อคกี้ก็สะบัดไอ้กรณ์จนลอยละลิ่ว
กรณ์ลุกขึ้นตบฝุ่นตามต้นแขนต้นขาออกแล้วยิ้มแห้งๆ ให้พ่อเลี้ยง
“พ่อเลี้ยงจะลองหน่อยมั้ยครับ เจ้าร็อคกี้มันพยศน่าดู ผมว่าเจ้าร็อคกี้มันคงจะไม่ชอบผมสักเท่าไร”
“เออ...เดี๋ยวข้าจะจัดการมันเอง ลองดูสักตั้งว่าคนหรือม้าจะแน่กว่ากัน”
พ่อเลี้ยงก้าวลอดรั้วไม้สีขาวเข้าไปใกล้เจ้าร็อคกี้ มือหนาอบอุ่นเต็มไปด้วยความเมตตาปราณียกขึ้นไปลูบเบาๆ ตรงแผงลำคอสวยสง่าของอาชาไนย พ่อเลี้ยงพึมพำในลำคอเบาๆ เป็นการปลอบเมื่อเจ้าร็อคกี้สะบัดคอหนี มือหนาวางนิ่งนานครู่หนึ่งก่อนจะลูบปลอบเบาๆ จนกระทั้งเจ้าร็อคกี้สงบนิ่งไปชั่วขณะ เท้าแข็งแกร่งในรองเท้าบู๊ทสำหรับขี่ม้ากำลังจะก้าวเท้าเหยียบโกลนเตรียมขึ้นบนหลังม้าก็ต้องหยุดชะงักไว้ก่อนเมื่อได้ยินเสียงตะโกนแว่วมาแต่ไกล
“พ่อเลี้ยงครับ แย่แล้วครับ พ่อเลี้ยงอยู่ไหน”
‘หล้า’ ลูกน้องคนสนิทของนายลักษณ์วิ่งหน้าตาตื่นกระหืดกระหอบตะโกนลั่นทุ่งตามหาพ่อเลี้ยงหนุ่ม
พ่อเลี้ยงเท้าสะเอวหันไปจ้องเขม็งมองคนที่กำลังวิ่งมายังบวิเวณฝึกม้าพร้อมกับเอ่ยต่อว่าเสียงดัง
“มีอะไรไอ้หล้า ตะโกนลั่นไร่ยังกับใครจะเป็นจะตาย”
“ตายครับพ่อเลี้ยง...งานนี้ตายลูกเดียว...นายลักษณ์กำลังคลั่งจะฆ่าตัวตาย พ่อเลี้ยงรีบไปห้ามเดี๋ยวนี้เลยครับ”
หล้าเอามือเท้าหัวเข่าหอบหายใจเสียงดังเอ่ยตอบเสียงละล่ำละลักใบหน้าซีดเผือดสายตาหวาดหวั่นด้วยกลัวพ่อเลี้ยงจะไปไม่ทันการณ์
“มันเป็นบ้าอะไรของมันอีกว่ะ”
พ่อเลี้ยงสบถด่าเสียงดัง เหยียบโกลนม้าแล้วดันตัวขึ้นไปนั่งสง่างามบนตัวอาชาไนยอีกตัวที่อยู่ในบริเวณฝึกม้าก่อนจะกระแทกเท้าตรงสีข้างเบาๆ เพื่อบังคับให้ม้าออกวิ่งมุ่งหน้าไปยังเรือนพักหลังงาม
เมื่อพ่อเลี้ยงควบม้าไปพ้นรัศมีแล้วหล้าก็เดินโซซัดโซเซไปพิงรั้วสีขาวอย่างหมดแรง ไม่ใช่เพราะกลัวพ่อเลี้ยงไปห้ามนายลักษณ์ไม่ทัน แต่เพราะกลัวพ่อเลี้ยงจะจับได้ว่าสิ่งที่ตนเองบอกไปเมื่อสักครู่เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ไอ้ครั้นจะไม่ทำตามคำสั่งของนายลักษณ์ก็โดนเตะ ครั้นทำตามคำสั่งของนายลักษณ์แล้วถูกพ่อเลี้ยงจับได้ก็โดนเหมือนกัน
“ตายแน่กู งานนี้ตายแน่” หล้าบ่นงึมงำกับเพื่อนรักที่เดินมาเมียงมองด้วยความสงสัย
“ใครตายว่ะไอ้หล้า นายลักษณ์หรือว่ามึง” กรณ์เอ่ยถามเสียงกลั้วหัวเราะ
“ข้าสิตาย ถามได้” หล้าถลึงตามองเพื่อนรักนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบเสียงห้วน
“กลัวตายแล้วเสือกมาโกหกพ่อเลี้ยงทำไมว่ะ” กรณ์เอ่ยถามอย่างรู้ทัน
“ถ้าไม่โกหก ข้าก็โดนนายลักษณ์เล่นงานเหมือนกัน”
“เฮ้อ!...น่าสงสารว่ะ โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง”
กรณ์แกล้งทำเสียงเศร้าราวกับสงสารเพื่อนรักเต็มประดา เขาเดินไปตบบ่าคนที่นั่งคอตกไหล่ห่อเข้าหากันอย่างหนักมือก่อนจะเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
“ข้าแนะนำน่ะไอ้หล้า ถ้าไม่อยากเจอตีนพ่อเลี้ยง ข้าว่าเอ็งรีบไปหมกตัวอยู่ท้ายไร่หรือไม่ก็ไปอยู่ที่คอกนังดาวนิล ไม่งั้น...พ่อเลี้ยงกลับมาเอ็งได้ตายสมใจนึกแน่”
กรณ์เอ่ยเตือนเรียบร้อยก็กระโดดขึ้นบนหลังม้าแล้วควบหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอฟังเสียงตะโกนด่าไล่หลังของเพื่อนรักที่ได้ยินแว่วๆ มาตามสายลม
“ไอ้กรณ์!...ตกลงมึงเตือนหรือว่าสมน้ำหน้าข้าว่ะ”
หล้าตะโกนถามไล่หลังเพื่อนรักที่ควบม้าไปไกลแล้ว นึกๆ ไปแล้วทำตามที่กรณ์แนะนำก็เห็นท่าว่าจะดีที่สุด อย่างน้อยไปดูแลม้าที่คอกก็ยังดีกว่าต้องไปเผชิญหน้ากับไฟพิโรธของพ่อเลี้ยงรามา
พ่อเลี้ยงกระโดดลงจากหลังเจ้าม้าแล้ววิ่งขึ้นไปตามบันไดดินทอดยาวไปถึงตัวบ้านพักสไตส์คันทรีผสม
ผสานสไตส์ล้านนาได้อย่างลงตัวงดงามซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ
“ไอ้ลักษณ์ อยู่ไหนว่ะ โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วยังจะเล่นอะไรแผลงๆ อีก ”
พ่อเลี้ยงตะโกนเรียกนำทางก่อนที่จะเดินไปถึงตัวบ้านพัก เรียวปากสีสดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโหน้องชายที่ไม่รู้จักโตสักที
ลักษณ์ ได้ยินเสียงกระแทกเท้าเสียงสบถด่าดังลั่นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงก็รีบตีหน้าเศร้านั่งซบหน้าคู้เข่าอยู่บนโซฟาตัวยาว
พ่อเลี้ยงกระชากประตูห้องรับแขกพร้อมกับกระแทกปิดจนบานประตูแทบจะหลุดออกมาทั้งบาน ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาซีดเผือดเล็กน้อยเมื่อเหลือบสายตาเห็นปืนพกขนาด 9 มม. ของเขาวางอยู่บนโต๊ะกระจก
“เกิดบ้าอะไรขึ้นมาไอ้ลักษณ์”
พ่อเลี้ยงทรุดตัวลงนั่งติดๆ กับร่างสูงใหญ่กำยำไม่แพ้กันของน้องชายที่เขารักดังดวงใจ มือหนาตบลงไปบนไหล่ที่ห่อเข้าหากันด้วยความเป็นห่วงระคนโมโห
ลักษณ์ค่อยๆ เงยหน้าที่ซีดเผือดหม่นหมองนัยน์ตาเศร้าสร้อยมองพี่ชายครู่หนึ่งก่อนจะซบหน้าลงบนฝ่ามือตนเองเหมือนเดิมโดยไม่พูดอะไรออกมา ในใจคิดว่าอุตส่าห์ลงทุนแสดงละครเศร้าขนาดนี้แล้วขอให้พี่รามเห็นใจทีเถอะ
“จะทำหน้าเศร้าอีกนานมั้ยไอ้ลักษณ์ มีปัญหาอะไรก็รีบบอกมา” พ่อเลี้ยงต่อว่าน้องชายด้วยความรำคาญ ในใจก็นึกเป็นห่วงคนที่นั่งคู้เข่าเศร้าสร้อยอยู่เหมือนกัน
ลักษณ์ยกเท้าลงจากโซฟายังตีหน้าเศร้าเหมือนเดิมก่อนจะเอ่ยบอกพี่ชายเสียงแผ่วเบาเป็นการหยั่งเชิง
“บอกแล้วพี่รามต้องช่วยน่ะ”