“แน่นอน เจ้าก็คือเจ้า และข้าก็คือข้าเช่นกัน” มู่ซูเจินอดสบตาคนพูดไม่ได้ เขากล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน นางก็แค่จะย้ำชัดบอกทั้งเขาและตัวเองให้รู้ว่าบัดนี้ตนคือคุณหนูสามแห่งสกุลมู่ มิอาจเป็นเจิ้งซวีจูก็เท่านั้น แต่ในเมื่อหลังพูดประโยคนั้นแล้วเขายอมหลีกทางให้ ก็ได้แต่ยอบกายขอบคุณแล้วยกชายกระโปรงออกจากศาลา ตรงไปยังรถม้าที่รอรับอยู่ด้านนอก นั่งบนพรมหนานุ่มรับความอบอุ่นจากกระถางไฟภายในรถม้าแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมความคิดถึงได้วนเวียนอยู่กับคำพูดของคุณชายผู้นั้น เจ้าก็คือเจ้า ข้าก็คือข้า หมายความเช่นไรกัน? รอยล้อเทียมรถม้าของคุณหนูสามเพิ่งถูกหิมะทับถมไปไม่มากเท่าใดนัก เสียงทุ้มราบเรียบราวกับผิวน้ำไร้ระลอกคลื่นใดๆ ก็เล็ดลอดออกมา “กลับจวนตระกูลมู่กันเถิด” ตรัสออกมาแล้วรอบๆ กายพลันปรากฏความเคลื่อนไหว ไม่ถึงครึ่งถ้วยชาในศาลาแห่งนั้นคล้ายกับไม่เคยมีผู้ใดหลบพัก ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยของคุณหนูสามหรือแม้แ