แสงนวลของตะเกียงทองเหลืองอร่ามน่ามอง สะท้อนวูบวาบยามกระทบผนังถ้ำ ยิ่งบรรยากาศรอบตัวเย็นฉ่ำ บุหลันลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า เสียงหรีดหริ่งเรไรขับขานไพเราะ แต่มันเจืออันตรายอยู่ในนั้น นิศากรกำลังนั่งงอเข่าอยู่บนโขดหิน เรียวแขนกลมกลึงยกโอบกอดตัวเองไว้แน่น รู้สึกหวาดหวั่นทุกครั้งที่เวลาเคลื่อนผ่าน ดูเหมือนสิ่งที่เธอหวั่นกลัวจะมาเร็วยิ่งกว่าสปีดของรถไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในประเทศ เมื่อเสียงห้าวๆ ของใครบางคน ที่นั่งอยู่บนแคร่เล็กๆ ซึ่งห่างจากเธอเพียงไม่ถึงสิบก้าวดังขึ้น
“จะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหมคุณ ผมง่วงแล้ว เราไปนอนกันเถอะ”
“นะ...นายนอนไปก่อนเลย ฉะ...ฉันขอนั่งอยู่ตรงนี้สักพัก”
ละล่ำละลักตอบออกมา หากคนฟังรู้ดีว่าโทนเสียงนั้นช่างสั่นสะท้านซะเหลือเกิน ไหนจะดวงตากลมๆ ที่หลุกหลิกมองๆ รอบๆ กายราวกับต้องการหาทางนี้นั่นอีก เพลิงอัคนีซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะผละลุกจากแคร่ไม้ไผ่ ก้าวขายาวๆ ไปใกล้หญิงสาว พร้อมโน้มใบหน้าลงมาสบตา
“ทำไมฮึ! กลัวอดใจไม่ไหว แล้วลุกมาปลุกปล้ำผมหรือไง”
“เลิกพูดจาทำนองนี้สักทีได้ไหม ฉันไม่ตาบอดปล้ำนายหรอก ฉันกลัวนายปล้ำต่างหาก”
ท้ายประโยคแผ่วเบาเหลือเกิน ดวงหน้านั้นก้มลงมองแค่เพียงปลายเท้า รู้สึกกลัวผู้ชายคนนี้จับใจ แต่เธอไม่ได้กลัวรูปร่างหน้าตาที่ไม่ต่างจากโจรเถื่อนหรอก หากกลัวดวงตาที่ฉายแววกลืนกินเธอทั้งตัว มันทำให้เธอหายใจไม่ออก
“เหรอ...”
เพลิงอัคนีลากเสียงยาวอย่างอยากแกล้ง
“แล้วคิดว่านั่งอยู่ตรงนี้ ผมจะปล้ำคุณไม่ได้ว่างั้น”
คนฟังเงยหน้าขึ้นมอง ท่าทีนั้นตื่นกลัว และระแวดระวังภัย
“จำไว้ให้แม่นๆ ทูนหัว ถ้าผมมีความต้องการน่ะ ต่อให้อยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม คุณก็ไม่มีวันรอด”
เอ่ยออกมาพร้อมใช้ปลายนิ้วเชยคางมน “อ้อ! แล้วเลิกทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมสักที คืนนี้คุณสบายใจได้ ผมสัญญา...จะไม่กินตับไตไส้พุงของคุณหรอก วันนี้ผมหมดแรงเพราะฟัดกับใครบางคนมาทั้งวัน”
นิศากรเม้มปากแน่น ใครบางคนที่ถูกเอ่ยถึงก็คงไม่พ้นเธอนี่แหละ อีตานี่หลอกด่าเธอทางอ้อมชัดๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพูดจริง บุตรสาวท่านผู้พันก็เลยร้องบอกสิ่งในที่ต้องการ
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ไปนอนนอกถ้ำสิ ฉันจะนอนตรงนั้น”
ดวงตาดำทะมึนจ้องเขม็ง มุมปากกระตุกยิ้มน้อยๆ
“ฝันตั้งแต่ตายังไม่ปิดอีกแล้วนะคุณ ตรงนั้นผมนอนของผมมาเป็นสิบๆ ปี แล้วคุณเป็นใครไม่ทราบ ถึงจะมาชุบมือเปิบน่ะ” จบประโยคยาวเหยียดก็ทำตาเจ้าเล่ห์ใส่
“อ้อ! ถ้าอยากนอนตรงนั้นเพียงลำพัง ผมมีข้อเสนอให้ คุณสนใจปะ”
คนฟังดวงตาเบิกกว้าง ไม่รู้สักนิดว่าจอมโจรขุดหลุมพรางเอาไว้
“ข้อเสนออะไร”
ลูกจันทร์โพล่งถาม พร้อมจ้องรอคำตอบตาแป๋ว หากสิ่งที่ได้ยินนั้น กลับอยากกระโจนข่วนใบหน้าอีตาปากเสียนี้ให้หนักๆ
“จูบผมหวานๆ สิ เอาให้หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งป่ายิ่งดี”
“ฝันไปเถอะ!”
ค้อนทั้งเสียงค้อนทั้งหน้า ร่างระหงผละลุกจากโขดหิน เชิดขึ้น เธอไม่มีวันจูบอีตาหนวดเครายาวเฟื้อยเป็นเด็ดขาด ต่อให้เธอต้องนอนอยู่บนโขดหินแข็งๆ ก็ตามที
“ก็ได้ คืนนี้ผมยอมให้คุณนอนด้วย เราไปนอนกันเถอะ”
นิศากรพยายามขบคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย หากต้องเบิกตาโตเมื่อถูกรั้งให้เดินตาม ร่างบอบบางพยายามแข็งขืน ดิ้นรนหนี ปากอิ่มนั้นก็ร้องดังลั่น
“ปล่อยนะ! ปล่อย นี่ฉันเดินเองได้ไม่ต้องลาก ปล่อย!”
ต่อให้เธอมีอีกสิบร่างก็คงสู้พละกำลังชายชาตรีไม่ได้ เพราะโจรหน้าเถื่อนคงกินหินเป็นอาหารในทุกมื้อ ถึงได้แข็งแกร่งไม่มีใครเกิน
เมื่ออีกฝ่ายหยุดดิ้นรน เพลิงอัคนีก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ มุ่งตรงไปยังที่นอนซึ่งปูด้วยผ้าขนสัตว์ ขนาดที่นอนนุ่มนิ่มนั้นแค่สามฟุตกว่าๆ หากนอนเพียงลำพังก็จะรู้สึกสบาย แต่ต้องแบ่งปันกันนอนถึงสอง คนมาใหม่เลยจ้องตาปริบๆ
“จะนอนได้ยังไง เล็กซะขนาดนี้”
ลูกจันทร์อดบ่นไม่ได้ อีตานี่ก็ตัวโตยังกับยักษ์ นอนคนเดียวก็เต็มพื้นที่ มีหวังเธอต้องร่วงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นเย็นๆ ของหินอย่างไม่ต้องสงสัย
“เอาน่าคุณ ผมแบ่งให้นอนด้วย ผมไม่หวงหรอก”
“เหรอ...”
ลากเสียงประชด แน่ล่ะเธอเป็นฝ่ายเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่รู้ว่าเกิดผีห่าซาตานเข้าสิง ตาโจรบ้านี่จะลุกขึ้นมาปลุกปล้ำข่มเหงเธอรึเปล่า ยิ่งคิด ใบหน้าก็ฉายแววหวั่นกลัวแทบปิดไม่มิด ขณะคนที่มองอยู่ล้มตัวลงนอนหน้าตาเฉย หนำซ้ำยังตบมือลงบนพื้นที่ข้างๆ
“มานอนสิคุณ ยืนอยู่แบบนั้นเดี๋ยวเมื่อยแย่”
“หวังดีกับฉันซะเหลือเกินนะ ทำไมไม่ปล่อยฉันไปล่ะ”
“พอใจเมื่อไหร่เดี๋ยวผมก็ปล่อยคุณไปเอง อย่างห่วงนักเลยน่า ผมไม่ฆ่าคนหมกป่าหรอก จะนอนดีๆ หรือจะให้ผมบังคับ”
ขู่ออกมาเสียงเย็น จับจ้องกิริยาของร่างอรชรตรงหน้า ไม่นานนักเจ้าหล่อนก็หย่อนก้นลงนั่ง วาดเรียวขาขึ้นมานอนเคียงข้างบนผ้าขนสัตว์ มือน้อยๆ นั้นผลักเขาให้ออกห่าง
“ขยับไปนอนห่างๆ เลยนะ”
“นี่คุณ ที่นอนมันก็มีอยู่แค่สามฟุตกว่าๆ จะให้ผมขยับไปไกลขนาดไหน อย่าห่วงเลยน่า ผมอนุญาตให้คุณเบียดรับไออุ่นได้อย่างเต็มที่ จะให้ผมเป็นหมอนกอดก็ได้นะ ผมยินดี”
นิศากรสะบัดหน้าพรืดใส่ เธอเกลียดคำพูดชวนสะอิดสะเอียน และดวงตาระยิบระยับของเขายิ่งนัก หญิงสาวพยายามทำตัวให้ลีบ นอนห่างจากผู้ชายข้างๆ พร้อมกับอีกฝ่ายหันไปดับตะเกียงที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะตะแคงข้างมองเธอ
“ขยับไปไกลขนาดนั้น ระวังตกลงไปนะคุณ”
เอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง และก็เป็นดังที่คิดไว้เมื่อหญิงสาวหวีดเสียงร้องลั่น
“ว้าย!...”
มือหนาคว้าไว้ได้ทัน ก่อนที่ร่างบอบบางจะกลิ้งลงอีกฝั่ง ออกแรงเพียงนิดรั้งร่างบอบบางให้มานอนใกล้ๆ อยากใช้แขนกำยำให้เธอนอนหนุนแต่อีกฝ่ายคงไม่มีทางยอม
“พูดยังไม่ทันขาดคำ เกือบตกลงไปแล้วเห็นไหมล่ะ อย่าดื้อนักเลย ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรคุณ”
เสียงทุ้มที่เปล่งอยู่ใกล้เพียงคืบเดียว ให้ความรู้สึกประหลาดเหลือเกิน หากหญิงสาวก็ยังอยากทัดทาน
“แต่...”
“ทำไมต้องมีแต่”
เขาว่า พร้อมวาดแขนพาดเอวบาง ลูกจันทร์กำลังตัวแข็งทื่อ
“อากาศกลางคืนมันหนาว ผมขอกอดคุณหน่อยนะ ขอแค่กอดสัญญาจะไม่ทำอย่างอื่น หากคุณไม่ยินยอม”
ท้ายประโยคผะแผ่ว หากทำเอาคนฟังขนลุกซู่ พยายามผลักแขนที่พาดเอวคอดของตัวเองนั้นออกห่าง แต่ถ้อยคำที่เขาขู่ออกมานี่สิ ทำให้หัวใจของเธอเต้นถี่รัว
“จะให้กอดดีๆ หรือว่า...จะให้ทำอย่างอื่น...”
ผู้ชายคนนี้จะขยันปั่นอารมณ์ของเธอไปถึงไหน ก็รู้อยู่ว่าเธอหวาดกลัวเขาเพียงใด
“ฉันให้นายกอดก็ได้”
อ้อมแอ้มบอกออกมาด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ หากมีแสงไฟส่องสว่างเขาคงได้เห็นแก้มแดงๆ ของเธอที่ประจานความอายเป็นแน่ ทว่านิศากรก็ยังร้องบางอย่างข่มขู่
“แต่นายเลิกทำเสียงหื่นกามแบบนี้สักทีได้ไหม แค่กอดเฉยๆ นะ ห้ามทำลามกกับฉัน ไม่อย่างนั้นนายหัวแบะแน่”
“ครับผม”