ถลึงตาใส่ “ฉันไม่ต้องการ ไปให้ไกลๆ เลยนะ แล้วอย่าคิดจะแอบดูฉันเป็นอันขาด ถ้าจับได้ฉันจะควักลูกตากลมๆ ของนาย แล้วเหยียบให้จมดินไปเลย”
เพลิงอัคนีหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เขาไม่ได้หวาดหวั่นต่อถ้อยคำแหลมๆ ที่ตะโกนใส่หน้านั้นสักนิด
“โอเค ขู่เก่งจริงๆ”
บอกออกมาพร้อมหมุนกายหันหลังให้ แต่ก็อุตส่าห์ตะโกนดังลั่น
“รีบอาบล่ะ อย่ามัวอ้อยส้อย แถวนี้อสุรกายยิ่งเยอะๆ อยู่ด้วย”
หากหมุนกายกลับมาคงจะได้เห็นปากเล็กบ่นขมุบขมิบ
“นายยิ่งกว่าอสุรกายอีกย่ะ ไอ้โจรป่าเถื่อน”
นิศากรได้แต่ต่อว่าคนที่ปลีกตัวให้เธอได้ใช้เวลาส่วนตัว เมื่อพ้นร่างสูงใหญ่ ดวงหน้ากรุ่นโกรธเมื่อครู่ก็จางหาย ร่างระหงย่อกายลงพร้อมยื่นมือเล็กไปแกว่งน้ำเล่น บรรยากาศรอบๆ ตัวเริ่มเย็นฉ่ำ สงสัยกลางคืนที่นี่ต้องหนาวเหน็บมากกว่าในเมืองเป็นสิบๆ เท่า คิดได้แค่นั้น ดวงตากลมๆ ก็มองซ้ายมองขวา เพื่อให้แน่ใจว่ามหาโจรหน้าด้านจะไม่แอบดูเธอ เมื่อคิดว่าปลอดภัย หญิงสาวก็ก้าวลงน้ำด้วยชุดเต็มยศที่สวมติดตัว ลงไปแหวกว่ายอาบน้ำจนชุ่มฉ่ำหัวใจ ไม่หวนคิดสักนิด ว่าอาบน้ำเสร็จ เธอจะไม่เหลือเสื้อผ้าชิ้นใดๆ สวม นอกจากเสื้อยืดสีขาวของมหาโจรที่หยิบยื่นให้
เมื่ออาบน้ำเสร็จ นิศากรก็ได้แต่ก่นด่าตัวเอง จ้องเสื้อผ้าตัวเองที่เปียกชื้นชุ่มฉ่ำ เธอนี่สะเพร่าสิ้นดีแล้วนาทีนี้จะใส่อะไร อยู่กับชุดเปียกชื้นแบบนีน่ะหรือ สงสัยคงได้เป็นปอดบวมตายก่อนวัยอันควร ดวงตากลมๆ หันไปมองเสื้อยืดสีขาวที่คนหน้าเถื่อนหยิบยื่นให้ ถามตัวเองดังๆ ในใจว่าเธอต้องใส่เสื้อตัวนั้นจริงๆ น่ะหรือ หนำซ้ำมันยังบางเบามองเห็นทะลุผิวเนื้อด้านในอีก
จ้องมองอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะขยับเขยื้อน จนเสียงใครบางคนตะโกนให้ได้ยิน ร่างเล็กรีบหลบเลี่ยง ใช้ต้นไม้ใหญ่เป็นที่กำบัง
“นี่คุณ อาบน้ำเสร็จรึยัง ผมเอาผ้าเช็ดตัวมาให้”
“ส่งมาสิ”
กระท่อนกระแท่นตอบออกมาทั้งๆ ที่ซ่อนเร้นกายอยู่ ดวงตาของเพลิงอัคนีตวัดมองรอบๆ ก็เจอเข้ากับเสื้อสีขาวของตัวเองที่กองอยู่บนโขดหิน พลางครุ่นคิดว่าแม่คุณต้องเปลือยเปล่าแน่ๆ หากกวาดหาชุดที่เจ้าหล่อนสวมใส่ เรียวปากนั้นกลับยิ้มน้อยๆ ไม่นานก็จัดการส่งผ้าเช็ดตัวผืนโตให้
“รีบๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะ มันค่ำแล้วนะคุณ”
บอกอย่างรู้ดี ก่อนจะก้าวยาวๆ ถอยห่าง ปล่อยให้หญิงสาวได้ใช้เวลาเป็นส่วนตัวอีกครั้ง แน่ล่ะคนอย่างเพลิงอัคนีไม่ได้บ้ากามขนาดต้องจ้องมองคนอาบน้ำและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ถึงแม้ในใจส่วนลึกอยากเห็นอยากสัมผัสใจแทบขาดก็เถอะ แต่จะทำให้กระต่ายตื่นก็ไม่ใช่วิสัย เขามีเวลาเหลือเฟือที่จะขย้ำเจ้าหล่อนให้แหลกลาญคามือ
เมื่อคล้อยหลังชายหนุ่ม นิศากรก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยเร็ว เธอสวมเสื้อยืดสีขาวที่คนหน้าเถื่อนทิ้งไว้ให้ แล้วเลือกห่มผ้าเช็ดตัวอีกชั้น แต่ท่อนล่างนี่สิ มันวาบหวิวแปลกๆ ดีหน่อยเจ้าเสื้อตัวนี้คลุมเข่ามนพอดิบพอดี ถ้าสั้นกว่านี้เธอต้องกัดลิ้นตัวเองหนีอายแน่ๆ
ร่างระหงในชุดเกือบเปลือยก้าวเร็วๆ กลับไปที่ถ้ำ พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ เสียงสัตว์ป่าที่ไม่คุ้นชินดังก้องในโสตประสาท ดวงหน้านั้นอดหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้ เมื่อเห็นถ้ำอยู่ตรงหน้า ขาที่จ้ำอ้าวเมื่อครู่กลับหยุดชะงัก สองจิตสองใจ เธอจะอยู่ข้างนอกหรือว่าจะเข้าไปในนั้นดี แต่แล้วผู้ชายบ้าอำนาจก็ตะโกนสั่งเสียงห้าวอย่างคนเผด็จการ กระทั่งเธอต้องก้าวเร็วๆ เข้าไปข้างในอย่างไม่เต็มใจนัก
เข้ามาด้านใน นิศากรก็เห็นชายหนุ่มกำลังทำอะไรสักอย่าง คงเป็นมื้อเย็นของวันนี้มั้ง เพราะเธอได้กลิ่นหอมฉุยแบบแปลกๆ แต่เรียวปากอิ่มก็เลือกที่จะเงียบ มากกว่าโพล่งถาม ไม่นานนักคนหน้าโจรก็เดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับคำถามที่เธอคาดคิดว่าจะได้ยิน
“หิวไหมคุณ”
ดวงหน้าเล็กสะบัดใส่ ก่อนจะยืนกรานเสียงแข็ง
“ไม่หิว”
เพลิงอัคนีได้แต่ไหวไหล่น้อยๆ ให้กับประโยคนั้น แต่เสียงบางอย่างที่ดังออกมาจากคนปฏิเสธเมื่อครู่ ทำให้ต้องกลั้นยิ้มขำ
“ไหนบอกไม่หิว ท้องส่งเสียงประจานปากแข็งๆ ของคุณซะแจ่มชัดขนาดนี้ คุณนี่โกหกแบบหน้ามึนๆ”
ใบหน้าของนิศากรถึงกับแดงเรื่ออย่างอายๆ ก่นด่าท้องไส้ของตัวเอง ที่บังอาจส่งเสียงร้องจ๊อกๆ เธออายอีตาบ้านี้จนแทบจะมุดแผ่นหินแข็งๆ หนีซะให้รู้แล้วรู้รอด คนบ้านี่ก็เหมือนกันจ้องอยู่ได้ แค่นี้เธอก็รู้สึกแย่เต็มที
เพลิงอัคนีขยับกายย่อตัวลงนั่งใกล้ๆ พร้อมส่งอาหารมื้อเย็นให้
“นี่ อาหารกระป๋อง กินได้ไหมคุณ”
ดวงตากลมๆ ชะเง้อมองด้านใน เพราะเขาจัดการเปิดฝาให้ดูเรียบร้อย ใบหน้างดงามไร้ที่ตินั้นส่ายไปมา
“ฉันไม่เคยกิน มันเป็นอาหารคนจริงๆ เหรอคุณ กินแล้วจะท้องเสียรึเปล่า”
ร่างสูงของคนข้างๆ ถอนหายใจทิ้งอย่างเหนื่อยหน่าย
“กินได้ มันไม่ตายหรอกน่า”
บอกออกมาพร้อมส่งให้ หญิงสาวจำต้องยืนมือไปรับมา พร้อมกับใช้ช้อนสังกะสีคันเล็กตักขึ้นมามอง จ้องอยู่นานก่อนจะฝืนกินเข้าไป แต่เพียงคำเดียวก็ต้องเบะปาก พร้อมวางเจ้ามื้อเย็นลงข้างๆ
“ทำไม รสชาติมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
เสียงห้าวแฝงความห่วงใยร้องถาม
“ที่นี่มันก็มีแค่นี้แหละ ทนกินหน่อยได้ไหม พรุ่งนี้ผมจะหาอย่างอื่นมาให้กิน”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเล่นบทเงียบ ชายหนุ่มจำต้องเอ่ยเย้า
“อย่าทำหน้าเหมือนผมบังคับให้กินยาเบื่อสิคุณ”
“มีผลไม้ไหม ฉันไดเอทอยู่”
หนนี้นิศากรเป็นฝ่ายร้องบอกความต้องการบ้าง คิ้วเข้มวิ่งชนกันโครมเบ้อเร่อ
“ไดเอท หรือกินแบบนี้ไม่ได้”
ประชดออกมาอย่างรู้ดี หากเพลิงอัคนีก็อุตส่าห์ไม่บังคับ หนำซ้ำยังยินยอมทำตามความต้องการของอีกฝ่าย
“โอเค รอหน่อยนะ ผมจะไปดูว่าแถวนี้มีผลไม้อะไรให้คุณกินได้บ้าง แต่ขอบอกว่าเลือกไม่ได้มากหรอก”
ดวงหน้าสะสวยพยักน้อยๆ เป็นการรับรู้ ก่อนจะได้เห็นร่างสูงใหญ่ยืดตัวขึ้นสูง ก้าวเร็วๆ ออกจากถ้ำ เมื่อพ้นแผ่นหลังกระด้างนั้น นิศากรก็ถอนหายใจอย่างปลงๆ มองรอบตัวด้วยความหวั่นวิตก ไม่รู้ว่าป่านนี้ที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง จะรู้บ้างไหมว่าเธอถูกคนป่าเถื่อนที่ไหนก็ไม่รู้จับตัวมา หนำซ้ำยังต้องมาอยู่ในที่ที่น่ากลัว และรายล้อมไปด้วยอันตรายรอบด้าน
ไม่ถึงสิบห้านาทีใครบางคนก็กลับมาพร้อมกับผลไม่สองชนิดในอุ้งมือ ดวงตากลมๆ นั้นฉายแววพอใจไม่น้อยเมื่อชายหนุ่มยื่นให้
“กล้วยน้ำว้าและก็ส้ม มีแค่นี้แหละ จะกินก็กิน ไม่กินเห็นทีต้องอดตาย”
หญิงสาวแจกค้อนวงเล็กให้ แต่ก็อุตส่าห์พึมพำออกมา
“ขอบคุณค่ะ”
ประโยคสั้นๆ แต่เล่นเอาเสี้ยวหน้าคมนั้นยิ้มกริ่ม นับห้าวินาทีที่ไม่สามารถละจากความงามของคนตรงหน้าได้ “ยัยนี่ขอบคุณก็เป็นด้วยแฮะ น่ารัก...” ความพอใจบางอย่างแล่นไปยังก้อนเนื้อที่เต้นตุบตับ และเมื่อเจ้าหล่อนเลือกหยิบกล้วยมากลืนกิน คนลอบมองถึงกับเกิดอาการร้อนรุ่ม เวลาปากเล็กๆ อ้าออกกว้างแล้วงับกล้วยกัดพอดีคำ ความร้อนบางอย่างก็วิ่งพล่านไปทั่วเรือนกาย ท่าทีไม่ประสานั้นปั่นป่วนกามารมณ์ให้ปะทุเดือดได้อย่างน่ากลัว เพลิงอัคนีต้องลอบกลืนน้ำลายบ่อยครั้ง เมื่ออีกฝ่ายตวัดสายตามองก็ได้แต่ตีหน้ายักษ์ส่งให้ ทั้งๆ ที่ความจริง อยากให้หญิงสาวได้กลืนกินตัวเอง แทนกล้วยน้ำว้าหวีนั้นซะนาทีนี้