“ห้องน้ำ หึๆ ไม่มีหรอกคุณ มีแต่ลำธาร”
“ลำธาร”
ทวนคำด้วยสีหน้างงๆ ก่อนจะเบิกตากว้าง
“นายจะให้ฉันอาบน้ำในลำธารเนี่ยนะ ฉันไม่อาบ!”
และปากอิ่มก็ยืนกรานเสียงแข็ง เกิดมาเธอไม่เคยอาบน้ำในลำธารเลยสักครั้ง ด้านบนเป็นผืนฟ้า รอบๆ ตัวเป็นผืนป่า ร้อยไม่พันไม่ เธอไม่ยอมอาบท่ามกลางการโจ่งแจ้งแบบนี้หรอก อย่างน้อยก็น่าจะมีห้องน้ำบ้างสิ ต่อให้ล้อมรอบด้วยสังกะสีแผ่นดำๆ ก็เถอะ
คิ้วเข้มของเพลิงอัคนีย่นเข้าหากัน พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอกกับความเรื่องมากของผู้หญิงตรงหน้า เรียวปากหยักเหยียดออกพร้อมคำเยาะหยัน
“ไม่ยักรู้ว่าคุณมีสิทธิ์เลือกด้วย”
เดินวนรอบร่างเล็กหนึ่งครั้งก่อนจะเสนอตัวด้วยความเจ้าเล่ห์
“ถ้าไม่อาบเองผมจะช่วยสงเคราะห์อาบให้”
ยกปลายนิ้วเรียวเกลี่ยไปตามลำแขนขาวผ่อง
“คุณอยากให้ผมลูบไล้ผิวนุ่มๆ ของคุณใช่ไหม ถึงได้เรื่องมากขนาดนี้”
นิศากรปัดมือปลาหมึกที่ยุ่มย่ามอยู่กับเนื้อตัวออก นึกอยากจะกัดลิ้นหนีตายซะให้รู้แล้วรู้รอด อีตาบ้านี่ขยันใช้คำพูดคำจาแสนหน้าตบ ปั่นป่วนอารมณ์โกรธของเธอได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ หลายชั่วโมงมานี้เธอรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน เพราะหมดพลังไปกับการร้องด่าต่อว่าคนหนังหน้าหนายิ่งกว่าถนนคอนกรีตเสริมใยเหล็ก
ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ
“ฉันอาบก็ได้”
มือบางแบยื่นไปตรงหน้าชายหนุ่ม “ไหนล่ะครีมอาบน้ำ แชมพูสระผม แปรงพร้อมยาสีฟัน แล้วก็โฟมล้างหน้าด้วย”
คนถูกขอแค่นยิ้ม “เรื่องมากจริงแม่คุณ ทำยังกับอยู่โรงแรมห้าดาว ที่นี่ในป่านะ ครีมอาบน้ำไม่มี มีแต่สบู่มะขาม แชมพูมะกรูด” หยิบยื่นสิ่งที่เอ่ยออกมาให้
“แล้วนี่แปรงสีฟันอันใหม่ ส่วนโฟมล้างหน้าน่ะ ไม่มี!”
ดวงตากลมๆ ของนิศากรจ้องตะกร้าเล็กๆ ในมือที่อีกฝ่ายยัดใส่ให้ตาปริบๆ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาขอคนตรงหน้า ลูกพญาอินทรีก็อดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมตามนิสัย
“ทำไม สมุนไพรไทยรับไม่ได้หรือไง สงสัยเคยใช้แต่ของนอก อย่างนี้แหละคุณหนูผู้ดีตีนแดง ของไทยๆ ใช้กันไม่เป็น”
คนฟังเบิกตากว้าง เธอผิดหรือที่ไม่เคยใช้สิ่งของพวกนี้ แต่นิศากรก็ไม่ได้บอกนี้ว่ามันไร้ค่าและไม่เหมาะสม เพราะของไทยๆ เธอก็ได้สัมผัสบ่อยครั้ง หากแต่เป็นพวกผ้าไหมและเครื่องใช้เครื่องเรือนของชาววัง แน่ล่ะคุณย่าของเธอเคยทำงานรับใช้เจ้านายใหญ่หลวงมาก่อนนี่ เชิดหน้าขึ้นก่อนจะบอกออกมาอย่างทระนง
“ฉันไม่ได้คุณหนูจ๋าขนาดนั้นหรอก รู้จักและใช้เป็น”
“ก็ดีเพราะคุณต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตจากผมอีกเยอะ”
“เชอะ!”
ขึ้นเสียงสูงพร้อมกับเบะปากใส่ อดไม่ได้ที่จะพึมพำแผ่วๆ ในลำคอ
“ถามฉันสักนิดไหม บังคับอยู่ได้ เป็นพ่อก็ไม่ใช่!”
ค่อนขอดคนที่เจ้ากี้เจ้าการออกคำสั่ง ก่อนจะฮึดฮัดจ้ำอ้าวหนีห่าง เธอไม่อยากอยู่ใกล้อีตานี่สักนิด ผู้ชายอะไรขยันอยากให้เธอฟาดฝ่ามือใส่ได้สิบๆ ครั้งภายในไม่กี่วินาที
แต่การก้าวเดินนั้นต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงห้าวห้วนดังลั่น
“แล้วนั่นจะไปไหน”
อีกฝ่ายหยุดเดินและหันมามอง ใบหน้ามหาโจรสั่นพรืด
“รู้รึไงว่าลำธารอยู่ตรงไหน เดินดุ่มๆ ยังกับบ้านเกิดตัวเองอย่างนั้นแหละ”
คนฟังถึงกับเกิดอาการควันร้อนๆ พุ่งออกมาจากใบหูทั้งสองข้าง เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพ่นออกมา
“ก็บอกทางสิ ยืนเซ่ออยู่ได้” เพลิงอัคนีชะงักไปนิด
“ปากร้ายชะมัด!”
บ่นเบาๆ ในใจก่อนจะก้าวเดินไปยังอีกฝั่งของถ้ำ ไม่หันไปมองสักนิดว่าหญิงสาวจะตามมารึเปล่า และก็เป็นดังคาด เพราะเสียงฝีเท้าแผ่วๆ ดังไล่หลังมา สองหนุ่มสาวเดินมาราวๆ หนึ่งร้อยเมตร ก็ได้ยินเสียงน้ำตกซัดซ่า ภาพที่ค่อยๆ ชัดเจนในม่านตา
ภาพน้ำตกห้าชั้นเล็กๆ ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน พุ่งตรงกระทบโขดหินน้อยใหญ่ในระยะห่างจากจุดที่เธอยืนราวยี่สิบเมตรสะกดสายตาของนิศากรได้เป็นอย่างดี เธอไล่มองตามเส้นทางของสายน้ำมาเรื่อยๆ ความงามและใส ของธรรมชาติเบื้องหน้า ทำให้ความหมองหม่นจางหาย ตรงหน้าของเธอก็คือแอ่งน้ำขนาดเล็ก ที่รายล้อมด้วยโขดหิน อันที่จริงก็คล้ายน้ำตกเลื่องชื่อของทางจังหวัด แต่ที่ต่างออกไปเพราะดูเหมือนจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อน นอกจากมหาโจรหนุ่ม และในเวลานี้คงมีเธออีกคน
“ไง สวยไหมคุณ”
ใครบางคนกระซิบอยู่ด้านหลัง หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าให้ ทุกอย่างของที่นี่ลงตัวเหลือเกิน ต้นไม้น้อยใหญ่ดูอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ ดอกไม้ป่าเกาะหนาทึบอยู่บนต้นไม้ใหญ่ นกนานาชนิดเปล่งเสียงแข่งกันขับขาน บางทีที่นี่ก็น่าอยู่ไม่น้อย แต่แล้วภวังค์ทุกอย่างก็ถูกทำลายด้วยน้ำมือคนคนเดียว
“ยืนจ้องอยู่นั่น เดี๋ยวธรรมชาติตรงหน้าก็สลายหมด ไปอาบน้ำได้แล้ว”
นิศากรค้อนขวับ หันซ้ายแลขวา เลือกสรรที่ที่เหมาะจะเพื่อชำระร่างกาย หากใครบางคนก็ยืนนิ่งเป็นหินผา ไม่รู้จักกาลเทศะเลยสักนิด
“นี่อีตาบ้า! นายจะยืนจ้องฉันอาบน้ำรึไง”
แว้ดออกไปเต็มเสียง แต่โจรหน้าเถื่อนก็ยังอุตส่าห์ยิ้มระรื่น พร้อมโน้มใบหน้าเข้ามาจนแทบจะชนกับเธอ
“ไม่ดีรึไง ผมหวังดีอยู่เป็นเพื่อน คุณจะได้ไม่เหงา”