บทที่ ๒ โจรปล้น(หัวใจ)จริงหรือ(๕)

1352 คำ
ดวงตาคมกริบสีดำทะมึนกราดมองร่างระหงขึ้นๆ ลงๆ พร้อมเบะปาก “หน้าตาก็ไม่ดี ยังจะทำอวดเก่ง” ใครบอกว่าหล่อนหน้าตาไม่ดี สวย...สวยราวเทพธิดาทีเดียว สัดส่วนกลมกลึงน่าขย้ำชะมัด แต่เมื่อได้ฟังเสียงเจ้าหล่อนเมื่อครู่ ความงามก็ดูคล้ายจะติดลบ คู่กรณีสาวยังกัดปากข่มฟันไว้แน่น หากมือทั้งสองข้างรวบเข้าหากันคล้ายก้อนกลมๆ ก่อนจะชี้กราดมาตรงหน้า “อ๊าย! นายนี่มัน...” “ทำไม จะด่าว่าอะไรอีก” เพลิงอัคนีย่างสามขุมเข้าหา ขณะคนถูกคุกคามถอยร่นประชิดตัวรถคันโปรด “ไอ้มหาโจร! หลุดมาจากโลกเถื่อนๆ รึไง ถึงได้ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษขนาดนี้ ถอยไปห่างๆ ฉันนะ!” เชิดหน้าใส่แม้ในใจจะหวาดหวั่น บุตรสาวสุดรักสุดหวงของพลตำรวจเอกฤทธิ์ เทพฤทธิ์หัวใจเต้นโครมคราม เธอหวาดหวั่นกับดวงตาของคนตรงหน้า ว่าใบหน้าเถื่อนถ่อยน่าขยะแขยง หากรัศมีดวงตาที่เพ่งมองเธอนั้นน่ากลัวยิ่งกลัวเป็นร้อยเท่า คนไม่เคยถูกชายแปลกหน้าแตะต้องตัวมาก่อนถึงกับสะดุ้งสุดตัว เมื่ออุ้งมือร้อนผ่าววาดพันธนาการรัดเรียวแขนนุ่มนิ่ม พร้อมรั้งเข้ามาใกล้สุดตัว คุณหนูลูกจันทร์หลับตาปี๋ ตวาดออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “อ๊าย! นายอย่ามาถูกต้องตัวฉัน ยี๋ไม่รู้มีเชื้อโรคอยู่รึเปล่า หน้าตาก็เถื่อน กิริยาก็ถ่อย ไปห่างๆ เลยนะ” “เธอดีตายล่ะ แต่งตัวยังกับจะไปมั่วผู้ชายที่ไหน” คนฟังกัดฟันกรอด จ้องมองหน้าชายหนุ่มด้วยความเคืองขุ่น เธอก็แค่ใส่ชุดเดรสสีชมพูหวาน ความยาวเหนือเข่าเพียงคืบเดียว มันไปหนักหัวอีตานี่ตรงไหน ใครๆ เขาก็ใส่กันทั้งนั้น “ฉันจะไปมั่วกับใครมันก็สิทธิ์ของฉัน นายเกี่ยวอะไรด้วย” “เผอิญว่าตอนนี้ผมอยากเกี่ยว” ทั้งหน้าทั้งตาเต็มไปด้วยความหมาย อยากเกี่ยว อย่างเห็นได้ชัด อุ้งมือร้อนผ่าวขวาหมับที่ข้อมือเล็กพร้อมร้องบอก “มานี่เลย แม่ตัวดี! เราควรจะเกี่ยวข้องกันทั้งเนื้อทั้งตัว มานี่!” คนอยู่ในโหมดไม่พอใจในคำพูดของหญิงสาวเมื่อครู่ รั้งร่างบางกระแทกกับอกกระด้าง หากสาวน้อยก็ขืนตัวเองไว้อย่างเต็มความสามารถ ใบหน้าสะสวยด้วยเครื่องสำอางบางเบาส่ายกระจาย เส้นผมที่รังสรรค์ปั้นแต่งมาอย่างดีเริ่มหลุดลู่ วันนี้เธอมีนัดกินมื้อเย็นกับเพื่อนรัก ถึงได้ออกมาจากบ้านเพียงลำพัง หากรู้ล่วงหน้านิศากรคงโทรเลื่อนนัดเพื่อนเป็นอีกร้อยชาติพันชาติ จะได้ไม่ดวงซวยมาเจอกับผู้ชายหน้าทรามใจทรามคนนี้ “ปล่อยนะ” สะบัดแขนเท่าไหร่ก็ไม่หลุดพ้น “จะพาฉันไปไหน อย่ามาแตะฉันนะ ไอ้บ้า! ปล่อยเซ่!” “ปล่อยเหรอ ฝันกลางวันไปเถอะ!” ดวงตาสำรวจพุ่งมองสัดส่วนของหญิงสาว พุ่งเป้าหมายไปที่ก้อนกลมกลึงของอกอวบที่ผลิออกมาอะร้าอร่ามอย่างปิดไม่มิด เล่นเอาคนถูกมองถึงกับหน้าร้อนผ่าว หากคำที่หลุดออกมานี่สิ หนูลูกจันทร์อยากจะฝากเรียวนิ้วประดับบนใบหน้ายิ่งนัก “คุณรู้อะไรไหม ผมกำลังอยากได้ผู้หญิงสักคนอยู่พอดี คุณนี่มาได้จังหวะจริงๆ” “อ๊าย! ถ้าอยากมากนัก นายก็ไปกว้านเงินซื้อตามซ่องสิ หรือไม่มี ฉันให้เอาไหม กระเป๋าตังอยู่ในรถ ฉันจะไปหยิบให้ เท่าไหร่ล่ะหมื่นหนึ่งพอไหม หรือสองหมื่น หน้าเถื่อนๆ อย่างนายต้องใช้เงินเยอะหน่อย ฉันพกติดตัวมาสามหมื่นยกให้หมดเลย แต่นายต้องปล่อย...” “หุบปาก!” หญิงสาวผู้ไม่คุ้นเคยกับน้ำเสียงเกรี้ยวกราวหุบปากฉับพลัน อ้าปากค้าง ยิ่งน้ำเสียงทระนงที่สาดใส่ใบหน้า สาวน้อยคนงามเพิ่งผจญกับโลกภายนอก และได้รับอิสระในการไปไหนมาไหนเพียงลำพังยังไม่ถึงหนึ่งเดือน อยากลงไปนอนแดดิ้นตายซะตอนนี้ อดนึกถึงปืนคุณพ่อที่อยู่ในห้องนอนไม่ได้ เธอน่าจะใจกล้าพกติดตัวมาด้วย แม้จะยิงไม่เป็นแต่ขอลองกับผู้ชายคนนี้เป็นครั้งแรก หากนาทีต่อมาภวังค์ความคิดกลับถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ เพราะน้ำเสียงกะลิ้มกะเหลี่ยที่มาพร้อมกับดวงตาปรารถนา “เก็บเงินคุณไว้เถอะ เพราะผมเลือกแล้ว ผมอยากได้คุณ” ได้ฟังแล้วนิศากรก็ออกแรงฮึด สะบัดเรียวแขนออกจากพันธนาการที่แน่นหนานั้น ไม่รอช้าตะเบ็งเสียงต่อว่าให้สาสมกับความหยาบคายที่ได้รับ “ไอ้บ้า! นายถามฉันสักนิดบ้างไหม ว่าอยากได้นายรึเปล่า” “เอาน่า ผมจะทำให้คุณลืมไม่ลง ผมอึดนะเจ็ดวันเจ็ดคืนยังไหว รับรองฟิตปั๋ง” คำโอ้อวดนั้นทำให้ลูกจันทร์ถึงกับกะพริบตาปริบๆ เธอไม่เคยเจอผู้ชายแบบนี้ ยิ่งคำพูดส่อไปทางอนาจารยิ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน ปกติพี่ชายเธอก็ทะเล้นอยู่แล้ว แต่เทียบกับอีตาบ้านี่ไม่ติดฝุ่น ปลายนิ้วเรียวข้างที่เป็นอิสระ พยายามแกะไม้แกะมือของอีกฝั่ง แต่ยิ่งออกเรี่ยวแรงก็ต้องทำหน้าเบ้ เมื่อฝ่ามือร้อนผ่าวนั้นบีบซะแขนเธอเป็นรอยแดงปื้นไม่น่ามอง “ฉันเจ็บ ปล่อยนะ!” ฝ่ามือร้อนๆ นั้นยอมปลดเธอให้เป็นอิสระ แต่อึดใจเดียวร่างเธอก็ลอยละลิ่วห่างจากพื้นถนนนับเมตร พาดบนไหล่กระด้าง คนถูกอุ้มในระยะเวลาที่พระอาทิตย์จวนเจียนจะลาลับพ้นขอบฟ้า ดิ้นพล่านสุดแรง เรียวขานั้นตะบี้ตะบันเตะอีกฝ่ายไม่ออมแรง กำปั้นหนักๆ ทุบไปตามเนื้อตัวคนทำหน้าที่แบกเธอขึ้นไหล่ หากทำไมอีกฝ่ายไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด “ปล่อยนะ โอ๊ย!...” ดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องโอดครวญเมื่ออุ้งมือใหญ่ฟาดเข้าที่แก้มก้นงอน คนไม่เคยถูกตบตีมาก่อนถึงกับน้ำตาเล็ด มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นหลุดออกจากเรียวปากเต้นระริก พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลนองอาบแก้ม เพลิงอัคนีได้แต่หัวเราะในลำคอ พร้อมส่ายหน้า เจ้าหล่อนทำราวกับเขาลงมือฟาดเต็มแรง ก็แค่ตีเบาๆ พร้อมบีบเคล้นนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง ก้าวมาถึงตัวรถประตูเปิดออกกว้างเสร็จสรรพก็จัดการยัดคนสะดีดสะดิ้งเข้าไปเต็มแรง ให้สาสมกับแรงมดที่ยุ่มย่ามกับเนื้อตัว เล่นซะเขาแทบจุก “โอ๊ย! ไอ้บ้าโยนมาได้ ฉันไม่ใช่สิ่งของนะ ฉันเป็นคน!” ร้องด่าเสียงดังหากอีกฝ่ายก็ปิดประตูปังใส่หน้า วิ่งเร็วๆ อ้อมมายังอีกฝั่ง หันมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้พร้อมชี้นิ้วสั่ง “นั่งนิ่งๆ แล้วปากน่ะ ก็หัดหุบให้เงียบๆ ซะบ้าง ถ้าหลุดออกมาอีกประโยคเดียว ผมจะปล้ำคุณในรถนี่ มีอะไรกันในรถมันก็ไม่เลวหรอกนะ คุณลองไหม! ผมว่าสักยกสองยกก็ไม่เลว!” คนที่จ้องจะอ้าปากต่อว่าถึงกับเงียบกริบ ถอนหายใจฮึดฮัด รู้สึกอยากตะบันหน้าอีกฝ่ายด้วยหมัดน้อยๆ ของเธอสักทีสองที “จะพาไปตายที่ไหน ก็ไปสิ! แต่ขอเตือนไว้ ถ้าพ่อฉันรู้เรื่องนี้ ศพนายเละยิ่งกว่าหมาเน่าๆ ข้างถนนแน่!” คำขู่นั้นทำให้เพลิงอัคนีได้แต่หัวเราะขำๆ อยู่ในลำคอ ในใจอดลิงโลดไม่ได้ เสียงกระซิบบางอย่างแว่วเข้ามาในโสตประสาท บางทีเขาอาจจะได้หลานสะใภ้ไปฝากคุณย่าแพรวพัตราสมใจ อาการยิ้มหน้าเป็นของคนข้างๆ ทำให้คุณหนูลูกจันทร์แทบปล่อยโฮ ปากอิ่มเม้มแน่นพลางร้องภาวนาในใจ ให้เธอรอดพ้นจากไอ้โจรหน้าเถื่อนคนนี้ สาบานถ้าหลุดรอดไปได้ เธอจะขอปืนคุณพ่อกราดยิงอีตานี่ให้ตายดับ!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม