สิบนาทีต่อมาหลังจากชายหนุ่มใบหน้าหนวดเคราเหยียบคันเร่งมาด้วยความเร็วที่มากพอสมควร ถึงกับต้องเหยียบเบรกจนตัวโก่ง เมื่อนึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นได้ ชายหนุ่มหมุนพวงมาลัยชิดริมขอบทาง พร้อมกับหันมาจ้องร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ เขม็ง เป็นฝ่ายนิศากรที่ต้องหวาดหวั่นพร้อมละล่ำละลักถามเสียงสั่น
“นะ...นาย จะทำอะไร”
คนฟังยิ้มกริ่มแกมยั่วเย้า หากมือหนานั้นล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลเข้มในกระเป๋า ดวงตาทั้งสองข้างยังไม่ละไปจากกรอบหน้าสวย จนอีกฝ่ายต้องจ้องตาปริบๆ
“นายจะทำอะไรฉัน นี่อย่านะ”
รอยยิ้มที่ผ่านหนวดเคราออกมาช่างไม่น่าไว้วางใจสักนิดเดียว เพราะมันชวนขนลุกประหลาด และคำพูดที่หลุดออกมาจากปากหยักก็ยืนกรานได้อย่างดี ว่ามันเป็นเรื่องจริง
“อย่าทำเหมือนผมเป็นฆาตกรข่มขืนสิคุณ ผมแค่ไม่อยากให้คุณจดจำเส้นทางที่ผมจะพาคุณไปได้ก็แค่นั้น!”
บอกพร้อมเอื้อมคว้าแขนเล็กให้ขยับกายเข้ามาใกล้
“มานี่ ผมต้องปิดตาคุณ อ้อ! แล้วนั่งนิ่งๆ ถ้าไม่อยากให้ผมมัดคุณทั้งตัว”
คำขู่นั้นไม่ได้กระโชกโฮกฮากสักนิด แต่มันแฝงความน่าสะพรึงกลัวไว้ไม่น้อย เมื่อดวงตาคู่นั้นจดจ้องเธออย่างไม่วางตา กิริยานั้นทำให้ร่างระหงยอมนิ่งแต่โดยดี หากเมื่ออีกฝ่ายออกแรงรัดแน่น เรียวปากสั่นระริกจำต้องทัดทานออกมา
“เบาๆ สิ ฉันเจ็บนะ”
คนฟังแค่นยิ้มส่งให้ แต่ไร้ซึ่งคำตอบ พยายามผูกผ้าอย่างเบามือ หลังจากนั้นก็จัดการหมุนพวงมาลัยวิ่งไปตามเส้นทางที่คุ้นชิน แม้สายตาจะแน่วแน่อยู่กับท้องถนน หากแต่หางตานั้นปรายมองร่างเล็กบ่อยครั้ง นาทีนี้เธอเชิดหน้าขึ้น ลำตัวตรง ลำคอขาวๆ นั้นตั้งดิ่งเชียว ดูท่าทางไม่หวั่นกลัวสักนิด อดอยากรู้ไม่ได้ ว่าตุ๊กตาหน้ารถคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ถึงได้กล้าหาญไม่ขลาดเขลาสักนิด เขาคิดว่าหล่อนจะร้องคร่ำครวญแหกปากโวยวายจนน่าสะอิดสะเอียน แต่นี่บางเวลายอมอ่อนแต่ไม่ยอมงอ รู้จักเอาตัวรอดเป็นอย่างดี แตกต่างจากรูปร่างหน้าตาที่เป็นคุณหนูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าซะเหลือเกิน
เรามาดูกันสักตั้งทูนหัว เธอจะแน่สักแค่ไหน
นั่งมาสักพัก ร่างบางก็เริ่มดิ้นขยุกขยิก นาทีต่อมาก็ร้องถาม
“นายจะพาฉันไปไหน เมื่อไหร่จะถึงสักที ฉันเมื่อยจะแย่อยู่แล้วนะ”
โอดครวญเล็กน้อย หากคนฟังนั้นยิ้มเอ็นดู หากหญิงสาวไม่มีผ้าปิดตาไว้แล้วละก็ เธอต้องได้เห็นแววตาพึงพอใจที่ปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด เรียวปากหยักสวยยิ่งกว่าอิสตรียิ้มบางๆ
“ทนหน่อยน่า เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
เงียบไปเพียงอึดใจเมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าตอบโต้ราวกับยอมรับชะตากรรม ร้อนจนเสียงห้าวทุ้มต้องเอ่ยเย้าอีกประโยค
“ถ้าเมื่อยมาก ผมให้ซบไหล่ดีไหมคุณ”
“ไม่ย่ะ เก็บไหล่ของนายไว้ให้คนอื่นซบเถอะ ฉันไม่ต้องการ”
ตะเบ็งเสียงแข็งพร้อมกับสะบัดหน้าพรืดใส่ เพลิงอัคนียิ้มกริ่ม สีหน้าและแววตามีความสุขอย่างประหลาด หากหล่อนไม่ปากเสียแล้วพูดจาเพราะพริ้ง เขาคงไม่ต้องทำท่าทางเย็นชากระด้างและป่าเถื่อนใส่ ลองอ้อนนิดอ้อนหน่อย สาบานได้ว่าจะประเคนให้ทุกอย่างตามแต่ปรารถนา แต่ดูท่าทางเขาต้องฟัดกับเจ้าหล่อนอีกนานทีเดียว กว่าจะมีโอกาสแบบนั้น
บนรถเงียบไปเมื่อสองคนไม่คิดจะขยับปากถกเถียงปัญหากัน ณ ปัจจุบันอีก ใบหน้าของคนถูกปิดตาบ่ายเบี่ยงคล้ายหันหลังให้ หากโจรหนุ่มผู้คุกคามความอิสรเสรีก็ได้แต่กระตุกยิ้มน้อยๆ เท่านั้น ปล่อยให้เวลาล่วงเลยผ่านไป พร้อมกับมาตรวัดระยะกิโลของรถโฟร์วิลพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ นานทีเดียวกว่านิศากรจะรู้ตัวว่ารถจอดสนิท
หัวใจดวงเล็กกระตุกด้วยความหวาดหวั่น ถึงแล้วเหรอ สถานที่ที่โจรใจทรามพูดถึง ไม่รู้ว่าวินาทีข้างหน้าเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง เสียงประตูอีกฝั่งเปิดออกไม่นาน ด้านข้างๆ ตัวก็รับรู้ว่ามีใครบางคนเปิดประตูออก พร้อมกับความปลดปล่อยให้ดวงตาเธอได้พบกับแสงสว่าง หากแต่รอบๆ ตัวนั้นทำไมมันถึงได้โพล้เพล้น่ากลัวขนาดนี้ ทั้งที่พระอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้าสักหน่อย
“เอ้า! นั่งบื้ออยู่ได้ ลงมาสิ หรือจะให้ผมอุ้ม”
เสียงเข้มห้วนที่หลุดออกมาเล่นเอาสาวสวยสะดุ้ง ดวงตากลมๆ นั้นกวาดมองรอบๆ ตัวราวกับประเมินสถานการณ์ หันหน้ามองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้น้อยใหญ่หนาทึบไปหมด หันไปมองด้านหลังเส้นทางที่ผ่านมาก็ดำมืดน่ากลัว นี่เธออยู่กับอันตรายรอบด้าน แค่อยู่ในเมืองเธอก็สู้รบตบมือกับเขาไม่ได้ แต่นี่ในถิ่นอันคุ้นเคยของเขา เธอจะต้องถูกฆ่าหมกป่าแน่ๆ คุณพ่อขา...ช่วยลูกจันทร์ด้วย ลูกจันทร์กลัว...เสียงวอนขอแผ่วๆ ดังก้องอยู่ในห้วงความคำนึง
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ ปล่อยสิ!”
แต่แล้วเธอก็ต้องร้องครวญออกมาเสียงดัง เมื่ออีตาโจรเถื่อนตะปบเข้าที่เรียวแขน พร้อมรั้งลงจากรถค่อนข้างรุนแรง อีตานี่สะกดคำว่าอ่อนโยนกับผู้หญิงไม่เป็นเลยรึไง เมื่อพ้นลงมาจากตัวรถด้วยความทุลักทุเล สะบัดแขนเรียวหลุดจากพันธนาการของอีกฝ่าย นิศากรก็ร้องถามเสียงดัง
“ที่นี่ที่ไหน”
รอยยิ้มเยือกเย็นประดับบนเสี้ยวหน้าของโจรเถื่อน พร้อมกับคำตอบน่าตบ
“ป่า รู้จักไหมคุณ ป่าร้อนชื้นน่ะ”
“รู้จักย่ะ แต่ที่ฉันอยากรู้ก็คือที่นี่อยู่ส่วนไหนของจังหวัด”
ถามแล้วก็ต้องทำหน้าหมั่นไส้ เมื่อชายหนุ่มผู้พกพาใบหน้าถมึงทึงนั้นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“ทำไมจะหนีกลับว่างั้น”
เพลิงอัคนีจ้องคนถามตาเขม็ง ก่อนจะชี้นิ้วไปกราดไปทุกทิศทาง
“เอาสิ รอบๆ สี่ทิศมันมีแต่อันตรายที่คุณต้องขนหัวลุก อ้อ! ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายนะคุณ ไอ้เตียงนุ่มๆ ที่คุณฝันถึงมันไม่มีหรอก”
“ฉันไม่ได้ฝันถึงเตียงสักหน่อย อย่าทำเป็นรู้ดี”
เถียงออกมาทั้งที่ในใจร่วงหล่นไปที่ตาตุ่ม นอน คำนี้ทำให้ใบหน้าที่ทระนงตัวเมื่อครู่หดเหลือแค่สองนิ้ว เธอต้องอยู่กลางป่า กับผู้ชายมหาโจรคนนี้จริงๆ เหรอ เธอจะอยู่รอดปลอดภัยสักกี่วันกันเชียว
“อ้าวเหรอ! ผมคิดว่าคุณคงเคยชินกับการห้ำหั่นสวาทบนเตียงนอนนุ่มๆ ซะอีก แต่เสียใจด้วยนะ คราวนี้เผอิญมันไม่ใช่”
เอ่ยออกมาด้วยสีหน้ายิ้มๆ และนั่นก็ได้ผลเมื่อรัศมีความโกรธพุ่งเข้าร่างเล็ก ดวงตากลมๆ นั้นตวัดมอง ท่าทีราวกับแมวป่าขู่ฟ่อ เป็นไปได้หล่อนคงจะง้างกรงเล็บแล้วฝากเส้นแดงๆ ประดับบนใบหน้าแถมลุกลามลงมายังลำคอของเขา นาทีต่อมาเสียงแว้ดๆ ของหล่อนก็ดังลั่น