บทที่ ๒ โจรปล้น(หัวใจ)จริงหรือ(๓)

1146 คำ
ขู่ออกมาเสียงเขียว เมื่อเป้าที่ควรจะนิ่ง เกิดอาการสั่นขึ้นมา ริมฝีปากหยักนั้นเหยียดยิ้มเย็น “เอาน่า ถ้าพลาดโดนตรงไหน จะส่งไปหาหมอให้ทัน แต่ถ้าไม่ทัน เดี๋ยวจะทำศพให้อย่างงดงาม ไอ้เขี้ยวยักษ์มันอดอาหารมาหลายวัน” ยิ่งผู้เป็นนายพูดออกมามากเท่าไหร่ ลูกน้องก็ทำหน้าอยากตายซะให้รู้แล้วรู้รอด ผ่านไปหลายชั่วโมง เป้านิ่งก็ผ่อนลมหายใจได้สะดวกสบายขึ้น เมื่อฝีมือผู้เป็นนายยังคงแม่นยำราวจับวาง นาทีนี้การซ้อมเปลี่ยนเป็นการสู้แบบตัวต่อตัว เพลิงอัคนีระบายความเครียดไปได้เยอะทีเดียว จวบจนตะวันใกล้ตกดินนั่นแหละถึงได้หยุด และขอตัวกลับด้วยใบหน้าที่ดีขึ้น ชายหนุ่มจะรู้ตัวบ้างไหม ว่าหน่วยพยัคฆ์ทุกนายเปิดรอยยิ้มกว้างแค่ไหน ที่รอดจากการบาดเจ็บในครั้งนี้ มีแผลแค่ฟกช้ำนิดหน่อย ดีกว่าเลือดอาบไปทั้งตัว ชายหนุ่มนำพาร่างกายเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อก้าวผ่านหน่วยพยัคฆ์ทุกคน ตรงไปยังน้ำตกซึ่งอยู่ด้านหลังของเรือนไม้ จัดการสลัดอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกาย ให้เหลือเพียงชั้นในสีน้ำตาลเข้ม กระโจนลงไปในน้ำตกจนน้ำแตกซ่ากระเด็นฟุ้งรอบกาย แหวกว่ายอยู่ในนั้นดุจปลาหนุ่มที่ไร้ซึ่งความเหน็ดเหนื่อย ดูเหมือนวันนี้เพลิงอัคนีจะใช้เวลาไปกับการออกกำลังกายให้เหน็ดเหนื่อย มากกว่าจะคิดฟุ้งซ่านเรื่องหาหลานสะใภ้ให้คุณย่า เล่นน้ำจนชุ่มฉ่ำปอด ก้าวขึ้นมาสวมเพียงกางเกงยีนตัวเดียว พาดเสื้อยืดไว้บนไหล่ เส้นผมที่เปียกชื้นนั้นถูกสะบัดไล่หยาดน้ำให้ร่วงหล่น นาทีนี้คงตรงดิ่งกลับสู่บ้านพัก พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ทั้งๆ ที่คิดไว้แล้ว จะไม่ออกจากบ้านไปท่องผับในเมือง หากแต่ความเบื่อหน่ายก็ส่งผลให้เปลี่ยนความคิด บางทีออกไปคราวนี้อาจจะเจอผู้หญิงที่ใช่เข้าสักครั้ง ทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเจ้าเสื้อโคร่งตัวยักษ์ รอยยิ้มที่ห่างหายไปบนใบหน้ากลับมาอีกครั้ง ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ขายาวๆ ก็นำพาร่างสูงเพรียวกำยำหนั่นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ มุ่งตรงไปยังตำแหน่งกรงเจ้าเขี้ยวอย่างที่ต้องการ นาทีที่ชายหนุ่มไปถึง ลุงธงก็เดินมาพร้อมกับเนื้อไก่นับสิบกิโล พรานธงทนจัดการส่งอาหารให้เจ้าเสือตัวยักษ์ พร้อมยิ้มให้เจ้านายด้วยความห่วงใยเช่นเคย “เมื่อครู่มันคงหิวครับนาย ถึงได้คำราม” เพลิงอัคนียิ้มบางๆ หันไปมองเสือโคร่งที่ตะปบฉีกเนื้อไก่ กลืนเข้าลำคอ “ไงไอ้เขี้ยว กินให้มันน้อยๆ หน่อย ไก่เป็นสิบๆ กิโล อย่าตะกละให้มากนัก” จู่ๆ สุ้มเสียงเกรงใจของพรานธงก็เอ่ยถาม “หายแฮงก์เหล้าแล้วหรือครับ” ชายหนุ่มถึงกับยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ “เจอพี่เฟนย์สวดยับนะสิลุงธง ผมยังไม่ได้ต่อว่าเลยนะครับ ที่กรุณาไปยกพระมาเทศน์ชุดใหญ่แต่เช้า” ประโยคท้ายนั้นดูคล้ายไม่จริงจังมากนัก หากพรานธงก็ตีสีหน้าลำบากใจ พร้อมพึมพำอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษครับ” “ช่างเถอะ ผมรู้ว่าลุงเป็นห่วง” จบประโยคนี้ เพลิงอัคนีก็เงียบไป เพ่งสายตามองไปยังกรงเสือตัวใหญ่ ที่เคี้ยวเนื้อไก่เข้าปากด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย สักพักสีหน้าและแววตาดูเหมือนจะหมองหม่นลง พรานธงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับคุณฟิวส์” “เปล่าครับ แค่คิดว่าจะไปหาหลานสะใภ้ให้คุณย่าได้ที่ไหน” ชายหนุ่มบอกอย่างที่คิด “ผมจะเข้าไปในเมือง ฝากไอ้เขี้ยวยักษ์ด้วยนะครับ ดึกๆ ผมคงกลับมาให้ลุงหิ้วขึ้นบ้านพักอีก แต่คราวนี้ไม่ต้องรบกวนไปบอกใครนะครับ หูผมยังไม่หายชาเลย” ลูกพญาอินทรีได้รับรอยยิ้มขอโทษขอโพยเป็นสิ่งตอบแทนกลับมา ก่อนพรานธงจะเอ่ยขึ้น “แล้วผู้หญิงคนที่สาม คุณฟิวส์มีสัมผัสพิเศษเกิดขึ้นบ้างรึเปล่าครับ” เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่สำคัญ ภาระหน้าที่ของตระกูล ใบหน้าก็เครียดยิ่งกว่าเดิม “เรื่องนี้ก็เหมือนกันครับ ดูเหมือนญาณวิเศษของผมมันจะหายไป ท่าทางเราคงไม่เจอเธอง่ายๆ เพราะรอบๆ ตัวผม มันไร้ร่องรอยเหลือเกิน” “คงอีกไม่นานหรอกครับ” “ผมหวังว่าให้เป็นแบบนั้น แต่ดูท่าทางเธอยังเป็นวุ้นในอากาศ หวังว่าไอ้เขี้ยวคงไม่ตรอมใจตายไม่ซะก่อน” ท้ายประโยคหันไปพาดพิงถึงเสือหนุ่ม เพราะรู้กันดี ว่าเจ้าเขี้ยวปักษากับเหยี่ยวเวหา ก็รอคอยผู้หญิงในตำนานคนที่สามเช่นกัน ดูคล้ายเสือโคร่งหนุ่มจะรับรู้ ถึงได้ละจากอาหาร นำพาร่างใหญ่ๆ ของตัวเอง ก้าวมาประชิดกรง “ไม่พอใจฉันรึไงไอ้เขี้ยว” เพลิงอัคนีต่อว่าพร้อมพูดคุยอย่างเป็นนิสัย และรู้ดีว่าเจ้าเสือตัวนี้มันรู้เรื่อง “เจ้านายก็รีบหาสิคร้าบ ผมจะได้ไม่ตาย ผมจะได้อยู่กับนายนานๆ” “ถ้าเป็นเสือสาว ฉันคงคิดว่าแกหลงรักฉันนะโว้ย! ไอ้เสือกลัดมัน” ต่อว่าออกมาด้วยสุ้มเสียงที่ไม่จริงจังนัก ก่อนจะยกคิ้วให้เสือหนุ่มนิดๆ หมุนกายหันหลังหนีห่าง ก้าวออกมาพร้อมเอ่ยเบาๆ กับพรานธงที่จ้องอยู่เป็นนิจ “ผมไปก่อนนะครับ” “คุณฟิวส์จะไปตามหาหลานสะใภ้ให้แม่เลี้ยงแพรวพัตราจริงๆ หรือครับ” “คงต้องอย่างนั้นแหละ ไม่อยากฟังคุณย่าบ่น แค่ผมหายไปขลุกอยู่ในถ้ำหูคนอื่นก็ชาจะแย่อยู่แล้ว” หากแผ่นหลังทรงพลังก้าวไปเพียงเมตรเศษก็หมุนกายกลับมาเผชิญหน้า แล้วน้ำคำแกมเหน็บแนมก็ดังขึ้น “แต่บางที ผู้หญิงโชคร้ายคนนั้นอาจไม่มีอยู่บนโลกก็ได้ครับ ดีเหมือนกันผมจะได้อยู่เป็นโสด” “คงครองความโสดได้ไม่นานหรอกครับคุณฟิวส์” พรานธงได้แต่ครุ่นคิดไปตามหลัง มองแผ่นหลังสูงใหญ่ไปจนลับสายตา อยากเห็นภรรยาคุณฟิวส์ใจแทบขาด เธอคงสวยหยาดฟ้ามาดิน นิสัยใจขอราวกับเทพธิดา ทุกคนในไร่ ต่างก็ลุ้นระทึก ว่าผู้หญิงใดจะโชคดีทำให้คุณฟิวส์ตัดผม โกนหนวดโกนเคราได้ เพราะเจ้านายได้โพล่งออกมาแล้วว่า หากเมื่อใดมีหญิงที่ถูกใจ ความหล่อเหลากระชากใจจะกลับมาแทนความป่าเถื่อนที่ฉาบไปทั้งเนื้อทั้งตัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม