เพลิงอัคคีไหวไหล่น้อยๆ แน่ล่ะตอนนี้แม่ยายยืนเป็นเกราะกำบังชั้นดี พ่อตามีหรือจะกล้าหือ หากแต่อดแหย่น้องชายไม่ได้
“นายก็เหมือนกัน ระวังพ่อตาแกจะโหดกว่าพ่อตาของพี่”
“ผมว่า...ไปเสาะแสวงหา ผู้หญิงที่ไม่มีพ่อมีแม่ไม่ดีกว่าเหรอ ง่ายกว่ากันเยอะ”
“คงเจอหรอก ระวังเจอตอก็แล้วกัน”
“พอๆ เถอะ พี่เลิกพูดเรื่องนี้ ฟิวส์จะเข้าถ้ำสักหน่อย”
เพลิงอัคนีรีบเปลี่ยนเรื่อง ยิ่งคุยเรื่องนี้เขายิ่งกลุ้ม ตอนนี้ในใจฝักใฝ่หาความเงียบสงบ อยากนั่งสมาธิทำใจให้สงบ แต่เสียงพี่ชายก็ทำลายสวรรค์ตรงหน้า
“เลิกกบดานเถอะ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเอง ผู้หญิงที่ถูกใจหายากนะไอ้น้องชาย แล้วผมเผ้า หนวดเคราน่ะ จัดการซะบ้าง หมดหล่อแล้วรู้ตัวรึเปล่า พวกคนงานเห็นนายแต่ละคนส่ายหน้าพรืด กลัวขนลุกขนพอง ระวังเขาจะเข้าใจผิด คิดว่านายเป็นโจรป่าเถื่อน ดีไม่ดี เกิดเอาปืนลุกขึ้นมากราดยิงเข้าอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน”
“ผมไม่กลัวหรอกครับ ถึงยังไงผมก็มีรูปร่างหน้าตาเป็นอาวุธ”
อวดสรรพคุณเสร็จสรรพ หากแต่มีหรือใครจะกล้าแหย่ คนอย่างเพลิงอัคนี อภิศิรานนท์ เพียงแค่คิดก็ผิดแล้ว ชายหนุ่มอารมณ์ร้อยยิ่งกว่าพี่ชาย ถึงสีหน้าและแววตาจะมีทะลึ่งทะเล้น หากอีกมุมคนในไร่ศิรานนท์รู้ดี ว่ามันช่างแตกต่างจนน่าสะพรึงกลัว
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อย กับดวงตาทะมึนรัตติกาล เพียงแค่สบมองศัตรูอีกฝ่ายก็อ่อนปวกเปียกในพริบตา ไหนจะความสามารถลึกลับที่ปู่ทวดทิ้งไว้ให้อีก เรียกได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคำนิยายของความน่ากลัวทุกรูปแบบ
“แล้วพี่จะมาบ่นแทนคุณแม่ทำไมเนี่ย อุตส่าห์หนีมาอยู่ท้ายไร่แล้วแท้ๆ”
โอดครวญออกมาเบาๆ หากคนโดนต่อว่ายกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ พร้อมคิ้วทั้งสองข้างเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม
“จะให้พี่มาหรือจะให้คุณแม่มาเองล่ะ”
เพลิงอัคนีส่ายหน้ารัวเร็วโดยไม่ต้องขบคิด
“อย่าดีกว่า เดี๋ยวคุณแม่ท่านจะองค์ลง”
จบประโยคสองพี่น้องก็กลั้วหัวเราะในลำคอเบาๆ แทบพร้อมเพรียงกัน ใครบอกว่าคุณแม่เนยไม่กล้าดุด่าว่ากล่าว หากเกิดอาการทนไม่ไหว แม้แต่คุณพ่อที่คุณแม่รักนักรักหนา ยังต้องศิโรราบ อีกอย่างเมื่อใดที่แม่เนยออกฤทธิ์ คุณย่าแพรวก็เป็นกำลังเสริมชั้นดี ข้อนี้ใครๆ ก็รู้กันทั่วทั้งจังหวัด ว่าแม่ย่ากับลูกสะใภ้ตระกูลนี้ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เรียกได้ว่าหากผสมโรงกันเมื่อไหร่ ผู้ชายในบ้านรวมถึงคนงานในไร่ ต้องพ่ายแพ้ไม่มีชิ้นดี
เสี้ยวหน้าหล่อเหลาของพี่ชายแหงนเงยมองท้องฟ้ากว้าง ผละจากเก้าอี้ที่หย่อนก้นลงนั่งมาหมาดๆ
“เหลือเวลาอีกไม่มาก หาให้ได้นะเมียน่ะ พี่เอาใจช่วย”
น้องชายแค่นยิ้มส่งให้พร้อมถ้อยคำประชดประชัน
“ครับ ได้กันทุกคน คุณย่าได้หลานสะใภ้ คุณแม่ได้ลูกสะใภ้ ส่วนพี่ชายที่เคารพรักก็จะได้น้องสะใภ้ด้วย พอใจไหมขอรับ”
“เร็วๆ ด้วยล่ะ ทุกคนรออยู่”
พี่ชายย้ำสำทับอีกรอบ เล่นเอาสีหน้าน้องชายเกิดอาการบึ้งตึงขึ้นมา หากแต่ยังอุตส่าห์เหน็บแนมพี่ชายอีกเล็กน้อย
“เอาน่า ถ้าเจอรับรอง แถมเจ้าตัวเล็กให้ด้วย ลูกผมจะได้เกิดไล่เลี่ยลูกของพี่ไง”
“ฮ่าๆ ได้แบบนั้นคุณย่าคงต้องปิดจังหวัดเลี้ยง”
เสียงหัวเราะของพี่ชายเล่นเอาใบหน้าที่ยิ้มกริ่มเมื่อครู่หุบฉับ เมื่อปล่อยระเบิดลูกโตเสร็จ เพลิงอัคคีก็ขอตัวกลับเพราะตอนนี้ใกล้ถึงเวลามื้อเช้าเข้ามาทุกที หากไปช้ามีหวังโดนภรรยาสุดที่รักบ่นอุบ พร้อมงอนให้อีกยกใหญ่แน่ เพลิงอัคนีได้แต่มองตามแผ่นหลังพี่ชายด้วยสีหน้ายิ้มๆ เมื่อต้องอยู่คนเดียว ความเครียดก็เข้ามาคุกคามอีกครั้ง ยกกาแฟที่เหลือค่อนแก้วขึ้นจิบจดหมด ก่อนจะพ่นหายใจทิ้งอย่างเซ็งๆ
เมื่อคล้อยหลังพี่ชายผู้ประเสริฐ เพลิงอัคนีก็นำพารูปร่างสูงใหญ่ พร้อมลำขากำยำ ก้าวออกจากบ้าน ไม่คิดจะใส่ใจสำหรับอาหารมื้อเช้าที่มีคนนำมาส่งให้ทุกวันเลยด้วยซ้ำไป เลือกที่จะหลบเงียบปลีกวิเวกเหมือนเช่นเคย หนุ่มหน้าโจรกับดวงตาดำทะมึนก้าวยาวๆ ไปยังบริเวณด้านหลังของบ้าน ลัดเลาะไปตามลำธาร มุ่งสู่ใจกลางป่า
เสียงฝีเท้าที่ดังแว่วเข้ามาทำให้หน่วยพยัคฆ์ตื่นตัว แต่เสียงสัญญาณอันคุ้นเคยนั้นส่งผลให้หนุ่มใหญ่นับห้านายก้าวออกจากที่ซ่อน พยัคฆ์ขาวและพยัคฆ์ดำรีบออกมารับหน้า
“สวัสดีครับ คุณฟิวส์”
ทักทายพร้อมค้อมตัวให้ คนมาใหม่กวาดสายตาดุกร้าวไปทั่วทั้งผืนป่า ก่อนจะยิ้มเย็น
“ผมเบื่อๆ น่ะน้าขาว เรามาซ้อมมือกันหน่อยดีไหม”
คนถูกชวนทำหน้าเหยเก ซ้อมมือที่ว่าคงไม่พ้นพวกหมัดมวยเข่าศอก หรือไม่ก็ซ้อมยิงปืนตามเป้าเคลื่อนที่เช่นเคย บ่อยครั้งที่เพลิงอัคนีมักชวนฝึกอาวุธและศิลปะป้องกันตัว
“วันนี้จะซ้อมอะไรดีครับ”
“มีดบินครับ”
นายหนุ่มพูดโดยไม่ต้องคิด
“แต่ขอเป้ามีชีวิตหน่อย”
พยัคฆ์ขาวจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป้าที่ว่าหมายถึงใคร ก็พวกเขาทั้งหลายนี่แหละ ถึงแม้จะมั่นใจฝีมือเจ้านาย แต่หากพลาดขึ้นมาจะทำยังไงกัน อารมณ์และสมาธิคุณฟิวส์ยิ่งไม่อยู่กับร่องกับรอย อดคิดไม่ได้ทำไมวันนี้โปรแกรมซ้อมมือเปลี่ยนไป ยังไม่ทันเอ่ยถามเจ้านายน้อยก็ส่งแววตาดุกร้าวส่งให้
พยัคฆ์ขาวพยักหน้าให้ลูกน้องออกมาจากที่ซ่อน พร้อมๆ กับเตรียมมีดขนาดเล็กให้กับเจ้านาย ก่อนจะส่งผลส้มให้ลูกน้อง ทุกคนย่อมรู้ดีว่าควรทำอย่างไร มือสั่นๆ ของหน่วยพยัคฆ์ผู้โชคร้าย เอื้อมมารับผลส้ม พร้อมก้าวไปยังตำแหน่งพิกัด หยิบผลไม้เจ้ากรรมวางไว้บนศีรษะ อดที่จะกลั้นใจไม่ได้ ไม่รู้ว่านาทีข้างหน้าจะเป็นหรือจะตาย
“อย่าสั่นนักสิ เดี๋ยวฉันก็ปาพลาดหรอก!”