บทที่ ๒ พระพรหมยังไม่ลิขิต(๓)

1429 คำ
“คุณย่าท่านหวังดี เฟนย์อย่าคิดมากนะลูก” ปู่เพลิงออกปาก “ผมรู้ครับ แต่ตอนนี้เหมือนชีวิตจะสนุกอยู่กับงาน ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนี้” “อดทนหน่อยก็แล้วกัน ตอนนี้ตาฟิวส์ชิ่งหนี คุณย่าก็เลยมาลงกับเรา และอีกอย่างเราเป็นพี่ก็ย่อมต้องโดนก่อนตาฟิวส์อยู่แล้ว” ‘แค่สามนาทีเท่านั้นเอง’ “ผมน่าจะเตะนายฟิวส์ออกมาก่อนนะครับพ่อ” สิ้นคำพูดของเพลิงอัคคี คนเป็นพ่อและคนเป็นปู่ก็เปิดเสียงหัวเราะดังลั่น มือหนาของเพลิงอินทรีตบเข้าที่ไหล่หนาแน่นของบุตรชายอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะกอดคอกันกลมเดินเข้าบ้าน โดยมีปู่เพลิงอาจเดินตามหลังไปติดๆ ด้วยสายตาที่ทอดมองอย่างอ่อนโยน พลางนึกขำอยู่ในใจกับพฤติกรรมของหลานคนเล็ก ‘เจ้าฟิวส์หนีตลอด’ เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงมกันทั่วผืนป่า เพลิงอัคคีเดินลัดเลาะมาด้านหลังเรือนไม้สักในเวลาดึกสงัดของค่ำคืน โดยมีพยัคฆ์ขาวและพยัคฆ์ดำเฝ้ามองอยู่บนหอคอยสูงเสียดฟ้าและก็เป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด จนตอนนี้จะกลายเป็นน้าแก่ๆ ที่เฝ้าสมบัติเพราะไม่ยอมมองสตรีคนไหนเลยแม้แต่คนเดียว และแน่นอนเพลิงอัคคีจะต้องได้ระบายความทุกข์ใจให้กับน้องชายตัวดีได้ฟัง หลังจากที่ชิ่งหนีปล่อยให้คนเป็นพี่อย่างเขาเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง เสียงเศษกิ่งไม้หักเปราะทำให้คนที่อยู่ในถ้ำรู้สึกตัว ก่อนจะทำเป็นนิ่งเงียบนั่งขัดสมาธิอย่างใจเย็น นั่นเพราะเจ้าตัวรู้ดีว่าคนเป็นพี่ต้องวิ่งแจ้นมาในเวลานี้ เพราะอะไรน่ะหรือ เรื่องที่คุณย่ามาตามหาเขาถึงเรือนไม้สักนั้นมีพรายกระซิบอย่างลุงธงคอยบอกกล่าว ลุงธงพรานล่าสัตว์ที่ผันตัวเองมาเป็นคนเลี้ยงเสือ ก็ลูกเจ้าเขี้ยวยักษ์อดีตสัตว์เลี้ยงคู่ใจของคุณพ่อ ตอนนี้ลุงธงก็ทำหน้าที่เลี้ยงเสือได้ราวๆ ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีก็ว่าได้ ตอนนี้ถ้าหากว่าไม่ได้เข้าข้างตัวเองมากเกินไป เพลิงอัคนีคิดว่าวิญญาณเจ้าเขี้ยวยักษ์ก็ยังวนเวียนอยู่แถวๆ นี้ หลังจากสิ้นใจไปเมื่อสิบปีก่อน พร้อมๆ กับการหายสาบสูญของนกอินทรี ‘เหยี่ยวเวหา’ เสือโคร่งตัวใหญ่สัตว์เลี้ยงคู่ใจของเพลิงอินทรีจบชีวิตลงเมื่อสิ้นอายุขัยของมัน พ่อไฟเคยบอกว่าก่อนที่มันจะตายนั้นส่งเสียงร้องโหยหวนจนคนทั้งไร่หวั่นกลัว แต่พอมันเห็นหน้าคุณแม่และสัมผัสที่คุณพ่อลูบหัวของมัน ร่างเสือใหญ่ก็ค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นก่อนจะสิ้นใจตายในที่สุด ส่วนเรื่องลูกที่เขานึกถึงไม่ใช่ลูกที่เกิดจากการผสมพันธุ์หรอก แต่อยู่ๆ เจ้าเสือโคร่งตัวน้อยอายุราวๆ ขวบกว่าๆ ก็วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาในไร่หลังจากที่เจ้าเขี้ยวยักษ์ตายไปเพียงหนึ่งวันและสุดท้ายมันก็ยอมให้คุณพ่อจับเข้ากรง เห็นคนงานลือกันให้สนั่นว่าเหมือนเจ้าเขี้ยวยักษ์ไม่มีผิด ดังนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่า ‘เขี้ยวปักษา’ และสุดท้ายก็เป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจของคุณพ่อ “ยืนมองผมนานแล้วเมื่อไหร่พี่จะพูด” เมื่อนั่งคิดอะไรอยู่นาน แต่คนเป็นพี่ก็ไม่เปิดปากพูดขึ้นมาสักที น้องชายที่แกล้งนั่งสมาธิจึงลืมตาขึ้นมามอง แต่คงต้องเสียวสันหลังเย็นวาบไปถึงกระดูกเมื่อเห็นแววตาของพี่ชายอย่างเพลิงอัคคี ผู้ชายผมยาวดกดำเหมือนรากไทร ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา หนวดเคราเริ่มยาวเขียวครึ้ม บดบังความหล่อไม่ต่างจากโจรป่า และแน่นอนหลานเปอร์เซ็นต์ เจ้าฟิวส์ที่ถีบชายหนุ่มออกมาก่อนจนต้องได้รับสิทธิ์เป็นพี่ และยังได้ของรางวัลตบท้ายอีกหลายๆ อย่างและที่สำคัญที่สุดคุณย่าหมายมั่นให้มีเหลนตัวน้อยๆ ในเร็ววัน “เจ้าตัวดีเมื่อไหร่จะออกจากถ้ำ” เพลิงอัคคีเปิดปาก ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับโขดหิน “ก็เมื่อพี่มีหลานให้ผมอุ้ม” น้ำคำกวนๆ ดังขึ้น ก่อนคนพูดจะลุกหนีจากระยะ ‘ถีบ’ ของพี่ชายแทบไม่ทัน เพลิงอัคคีง้างเท้าเต็มที่หวังจะเตะโด่งเข้าให้ เผื่ออะไรในความคิดจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น “โหดตลอดนะพี่เฟนย์” น้องชายโอดครวญ “อยากกวนก่อนทำไม หลานเหรอ เมียฉันยังไม่คิดอยากจะมี ผู้หญิงเรื่องมาก ปากจัด เจ้ากี้เจ้าการ ตอนเป็นแฟนก็อีกอย่างพอแต่งงานก็อีกอย่าง วันๆ เอาแต่เสริมสวย ช้อปปิ้ง เดินห้าง หรือไม่แม่คุณเธอก็ร้องไห้กระซิกๆ น้ำตาเป็นเผาเต่าเมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ สรุปแล้วน่ารำคาญ!” “ผมจะฟ้องคุณย่ากับคุณแม่รวมทั้งน้าลิ้นจี่” เสียงทะเล้นดังขึ้นอีกครั้ง “เพลิงอัคนี!” คนถูกเรียกชื่อเต็มยศสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างเป็นการยอมแพ้ หลังจากนั้นก็มาทรุดกายลงนั่งข้างๆ พี่ชาย ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาแบบเถื่อนๆ จ้องหน้าคนเป็นพี่แล้วก็ส่ายหน้า “รู้แล้วน่า ผมถึงได้ชิ่งมาอยู่ในนี้ไง ถ้าคุณย่าบังคับก็กะว่าจะหนีไปให้หลวงตาศุภสิตปลงผม หลังจากนั้นก็จะห่มผ้าเหลืองไปนั่งสมาธิในวัดให้รู้แล้วรู้รอด” “เราบวชไปแล้วนี่” คนเป็นพี่เอ่ยปาก เพราะเขากับน้องชายเพิ่งบวชพระไปเมื่อสามปีที่แล้ว พอสึกออกมาน้องชายก็บวชต่อ ตอนนั้นยังจำได้ดี คุณย่ากับคุณปู่ รวมทั้งคุณพ่อและคุณแม่ยิ้มแก้มแทบปริ “ผมก็พูดไปอย่างนั้น รู้อย่างนี้ไม่น่าสึก น่าจะอยู่เป็นพระรับรู้ในรสพระธรรมจนลาขาดจากโลกภายนอก” “ทำอย่างนั้น น้ำตาของคุณแม่คงท่วมวัด” คนเป็นพี่เอ่ยปาก เพลิงอัคนีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ไม่มีทางที่คุณแม่จะปล่อยให้เขาสองคนทำอะไรอย่างนั้น และอีกอย่างเขาทั้งสองคนก็ทำไม่ได้ด้วย กิจการของครอบครัวภาระหน้าที่ของลูกกตัญญูยังค้ำคออยู่ ความรักที่คุณพ่อคุณแม่มีให้ทดแทนอย่างไรก็ไม่มีวันหมด และยิ่งความรักจากคุณปู่และคุณย่าต่อให้ทดแทนทั้งชีวิต อีกร้อยชาติก็ไม่รู้จะหมดรึเปล่า เฮ้อ! เสียงถอนหายใจของสองหนุ่มดังขึ้นพร้อมๆ กัน “พี่เฟนย์แล้วสาวๆ ที่คุณย่าแนะนำให้สวยรึเปล่า” เสียงคนเป็นน้องถาม และแน่นอนเพลิงอัคคีตวัดดวงตาเขียวปั๊ดเป็นคำตอบ “สวย แต่...” “แต่อะไรพี่เฟนย์” น้องชายรีบถาม “แต่พี่ไม่ชอบ คนพี่ชื่อมัสยาเธอดูธรรมดาไม่น่าค้นหาเลยสักนิด ส่วนคนน้องชื่อมีนมีนาเปรี้ยวจี๊ดเหมือนมะขามเปรี้ยวที่ปลูกอยู่หลังบ้านเรา” “พี่เรา พูดซะเห็นภาพ” เสียงแผ่วๆ ของน้องชายดังขึ้น “ถ้าอยากเห็นนายก็กลับบ้านสิ คุณย่าคงรีบจัดแจงให้ทันใจนาย” คำตอบของน้องชายก็คือการส่ายหน้า “ไม่มีทางครับพี่ ผมยังอยากโสด โฉด เลว และเถื่อน ขี้เกียจไปปั้นหน้าเป็นเทพบุตรทั้งๆ ที่ตัวตนเป็นปีศาจ” “หึๆ ฉันก็อยากเป็นปีศาจ” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเบาๆ “ไม่ต้องเลยครับ พี่เป็นเทพบุตรในคราบอสูรน่ะดีแล้ว” “นายฟิวส์” เสียงแข็งๆ ของคนเป็นพี่มาพร้อมกับการง้างฝ่ามือเต็มกำลัง คนเป็นน้องหลับตาเตรียมรับกรรมช่วยไม่ได้ก็ดันปากไม่ดีเอง แต่แรงตบที่ไหล่เบาๆ นั้นทำให้เพลิงอัคนีลืมตาขึ้นมามอง และแน่นอนเขาได้เห็นรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกถึงกระดูกดำ “พี่คงไม่เป็นจริงๆ ใช่ไหม” “เป็น” น้ำเสียงหนักแน่นมั่งคงดังขึ้น น้องชายได้แต่ยิ้มแหยๆ งานนี้สตรีในประเทศคงต้องกินน้ำตาต่างข้าวเป็นแน่ เวรกรรม อยากเห็นหน้าพี่สะใภ้ที่โชคร้าย เอ๊ย โชยดีจริงๆ สองพี่น้องพูดคุยกันสักพักใหญ่ๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนผ้าพรมที่ปูด้วยขนสัตว์ คืนนี้ในถ้ำที่เงียบสงัดคงได้ยินเสียงสองพี่น้องเจื้อยแจ้วกันจนรุ่งสางก่อนเพลิงอัคคีจะกลับเข้าบ้านในรุ่งเช้าของวัน ปล่อยให้เจ้าตัวดีนายฟิวส์น้องรักเป็นโจรโฉดเฝ้าถ้ำต่อไปเพียงคนเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม