บทที่ ๑ วันคืนหนาวเหน็บ(๑)
เสียงฟ้าร้องครืนๆ คำรามดังก้อง เม็ดฝนโปรยปรายให้ทั้งแผ่นดินเย็นฉ่ำ ต้นไม้ใบไผ่เอนไหวไปตามกระแสแรงลม ตอนนี้เกิดพายุโหมกระหน่ำทำให้ทุกคนทั้งไร่ศิรานนท์ตื่นกลัว ทว่า...ทั้งไร่กลับได้ยินเสียงร้องของสัตว์ใหญ่กระจายดังก้อง ชวนขนลุกขนพองกันทุกผู้ทุกคน
เด็กชายฝาแฝดสองคนอายุขวบกว่าๆ ส่งเสียงร้องไห้ไม่หยุดหย่อน ในห้องนอนแสนโออ่า เนย์ญรินทร์กอดลูกน้อยแฝดคนพี่แนบอก เฝ้าปลอบประโลมโดยมีแม่เลี้ยงแพรวพัตราพัดวีอยู่ข้างๆ ส่วนแฝดคนเล็กนั้นคนเป็นสามีพะเน้าพะนอไม่ห่างกาย เพลิงอินทรีกระชับอ้อมกอดเมื่อเสียงร้องไห้ไม่ลืมหูลืมตาดังสนั่น
“ไฟเจ้าตัวเล็กเป็นอะไรร้องไห้ไม่มีหยุด”
เสียงพ่อเลี้ยงเพลิงอาจดังขึ้น บุตรชายส่ายหน้าเป็นคำตอบ คืนนี้ฝนฟ้าพิโรธลงมาอย่างบ้าคลั่ง หนำซ้ำบุตรชายฝาแฝดทั้งสองคนยังส่งเสียงร้องไห้ราวกับเจ็บปวดอย่างหนัก
“โอ๋....หนูฟิวส์หลานปู่ไม่ร้องนะลูก” เสียงคนเป็นปู่กระซิบข้างๆ หลานชายตัวเล็ก
แต่น่าแปลกเหลือเกิน ยิ่งได้รับคำปลอบประโลม เด็กน้อยวัยขวบเศษสองคนยิ่งส่งเสียงร้องไห้ดังสนั่น สร้างความโกลาหลกันทั้งครอบครัว ทั้งสี่คนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ต่างคิดหาหนทางจะทำอย่างไรดีให้เจ้าตัวเล็กหยุดกรีดร้องอย่างนี้ อาจเป็นเพราะฟ้าฝนเทกระหน่ำลงมาไม่ลืมหูลืมตา หนำซ้ำฟ้ายังผ่าลงอีกหลายจุด เจ้าตัวเล็กทั้งสองคนคงตกใจ
“พ่อเลี้ยงครับ คุณไฟครับ!” เสียงตะโกนโหวกเหวกเรียกพ่อเลี้ยงดังลั่นอยู่บริเวณหน้าบ้าน
คุณเพลิงอาจมองหน้าบุตรชายก่อนจะผละออกไปดูข้างนอกว่าเกิดอะไรขึ้น เพลิงอินทรีมองคนเป็นแม่ก่อนจะโอบอุ้มบุตรชายคนเล็กส่งให้ แม่เลี้ยงแพรวพัตรารับตาหนูฟิวส์มาไว้ในอ้อมอก แล้วได้แต่มองตามแผ่นหลังของบุตรชายไปด้วยความเป็นห่วง
“โอ๋...ตาเฟนย์ตาฟิวส์หลานย่าไม่ร้องนะลูก...แต่ช้าแต่...” เสียงคนเป็นย่าปลอบหลานชายหัวแก้วหัวแหวน
“คนงานคงมีเรื่องเดือดร้อนนะคะคุณแม่”
เนย์ญรินทร์กล่าวขึ้นอย่างเป็นกังวล เกิดพายุหนักขนาดนี้ไม่รู้ว่าบ้านพักคนงานจะพังตามลมไปกี่หลัง ถึงแม้จะถูกปลูกสร้างอย่างปลอดภัยและมั่นคงแต่พายุพัดแรงขนาดนี้อะไรก็คงจะไม่แน่นอน แววตาคู่งามเลยเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
“หนูเนยดูตาหนูเถอะลูก ปล่อยให้สองคนนั้นเขาจัดการ”
แม่เลี้ยงแพรวพัตราเอ่ยปากก่อนจะหันมาปลอบหลานรัก ที่เปิดปากกว้างร้องไห้งอแงทั้งสองคน จนกระทั่งเสียงเพลงกล่อมดังขึ้น เจ้าตัวเล็กทั้งสองคนค่อยๆ นิ่งเงียบก่อนจะมองใบหน้าของคนเป็นย่าตาปริบๆ
“เจ้านกกาเหว่าเอย.... ฯลฯ”
“มองตาแป๋วเชียวนะ” เนย์ญรินทร์เอ่ยปากเมื่อเห็นลูกรักทั้งสองคนเลิกร้องไห้ มือเรียวเล็กลูบไล้เรียวแขนน้อยๆ ของลูกชายทั้งสองอย่างแสนรัก
“สงสัยจะชอบ เพลงกล่อมโบราณของไทยเรา ตาเฟนย์กับตาฟิวส์ชอบใช่ไหมลูก?”
คนเป็นย่าคุยกับหลานรัก เจ้าตัวเล็กก็หัวเราะชอบใจ หยอกเย้าไม่ถึงสิบนาทีดวงตาที่เคยเบิกโตก็ค่อยๆ พริ้มลงจนกระทั่งฤทธิ์เดชหมดลง จากเสียงอ้อแอ้ก็เงียบกริบ
“หลับซะแล้ว เนยพักเถอะลูกเหนื่อยกับสองหนุ่มมาทั้งวัน เดี๋ยวแม่จะออกไปรอสองคนนั้นข้างนอก”
“ค่ะ คุณแม่”
แม่เลี้ยงแพรวพัตราก้าวออกจากห้องนอนของบุตรชายก่อนจะหันมาปิดประตูให้อย่างแผ่วเบา เนย์ญรินทร์ได้แต่ยิ้มอยู่ในหัวใจ ตั้งแต่ฝากชีวิตเป็นคนของอภิศิรานนท์ เธอก็ได้รับความเมตตาจากทุกคนมาโดยตลอด โดยเฉพาะจากคุณแม่แพรวพัตราที่ให้เธอมากเหลือเกิน
หญิงสาวค่อยๆ ล้มตัวลงนอนด้านข้างบุตรชายคนโต อ้อมกอดนั้นพาดผ่านเอวของลูกรัก อีกไม่นานสามีก็คงจะมานอนชิดใกล้บุตรชายคนเล็กให้ได้รับความอบอุ่น นาทีนี้ใครจะมีความสุขเท่ากับเนย์ญรินทร์ อภิศิรานนท์ เธอได้ครองหัวใจของพญาอินทรีตัวใหญ่ยักษ์ หนำซ้ำยังเป็นเจ้าของสร้อยเส้นงามหนึ่งในตำนาน
เมื่อท้องฟ้าข้างนอกเรือนโกรธอย่างหนัก ชุดกันฝนก็ถูกสองพ่อลูกหยิบมาสวมใส่ ก่อนทั้งคู่จะก้าวขึ้นรถกระบะทรงสูงตรงดิ่งไปยังเรือนไม้สักที่อยู่ท้ายไร่ ลูกน้องที่ตะโกนเรียกอยู่บริเวณหน้าบ้านแจ้งว่าเจ้าเขี้ยวยักษ์ที่อยู่ในกรงกระแทกตัวของมันจนประตูกรงที่หนาแน่นจวนจะพัง
“นายครับ เจ้าเขี้ยวกำลังจะหลุดออกจากกรง”
เพลิงอินทรียังจำสีหน้าหวาดหวั่นนั้นได้เป็นอย่างดี นายธงทนผู้มีหน้าที่เลี้ยงดูให้อาหารเสือหลังจากได้รับคำสั่งเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะปล่อยให้หน่วยพยัคฆ์ได้พักผ่อนหลังจากพบสร้อยเพชรสีดำหัวใจอินทรีในตำนาน หน้าที่เลี้ยงดูเสือตัวใหญ่เลยตกเป็นของนายธงทน ซึ่งเป็นบุตรชายของพรานธงมือฉมัง และดูเหมือนเจ้าตัวจะเก่งกาจเทียบเท่าคนเป็นพ่อ
หลังจากนั้นเขาและพ่อก็ต้องรีบเตรียมตัวและเหยียบคันเร่งเจ้ากระบะที่ยกสูงลุยฝ่าฝนที่เทลงมาอย่างบ้าคลั่ง ด้วยกระแสฟ้าฟาดหนำซ้ำเม็ดฝนยังเทลงมาไม่หยุด การเดินทางภายในไร่จึงค่อนข้างล่าช้าและยากลำบาก เพลิงอินทรีเป็นห่วงลูกน้องทุกคนที่อยู่ในบริเวณกรงเสือ ถ้าไม่มีเขาสักคนมันก็จะสร้างเรื่องให้ผู้คนตื่นกลัว
“นายธง เมื่อตอนเย็นไม่ได้ให้อาหารเจ้าเขี้ยวยักษ์หรือยังไง”
พ่อเลี้ยงเพลิงอาจถาม ลูกน้องที่นั่งอยู่ตอนหลังของรถส่ายหน้า เขาให้อาหารมันทุกเวลาไม่ได้ขาด สถานที่หลบฝนก็มีให้พร้อมสรรพ กรงใหญ่นั่นได้รับการดูแลรักษาอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าอยู่กินสบายมากกว่าคนทั่วไปเลยด้วยซ้ำ
“ให้ทุกเวลาเลยครับนาย ไม่มีขาด” ลูกน้องละล่ำละลักตอบ
“หรือจะมีเหตุการณ์อะไรอีกครับพ่อ”
เสียงบุตรชายคนเดียวเอื้อนเอ่ย พ่อเลี้ยงเพลิงอาจใจแป้ว ถ้าเสือหนุ่มตัวนั้นเกิดบ้าคลั่งขึ้นมาแสดงว่าต้องมีเรื่องร้ายแรง ดวงตาของพ่อเลี้ยงแห่งไร่ศิรานนท์พยายามจับจ้องมองไปยังท้องฟ้ากว้าง ถ้าหากว่าตาไม่ฝาดพ่อเลี้ยงเพลิงอาจกำลังเห็นนกสีดำฝูงใหญ่บินวนรอบป่า
แต่ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ท่านก็ไม่อยากจะคิดมากจนเกินไป รีบออกปากให้บุตรชายเหยียบคันเร่งไปยังเรือนไม้สักที่ตอนนี้ให้ต้นกล้ามาพักพิงดูแล