บทที่ ๒ พระพรหมยังไม่ลิขิต(๔)

1737 คำ
กลิ่นหอมฉุยของข้าวต้มกุ้งคืออาหารมื้อเช้าในวันนี้ สองพ่อลูกแต่งตัวเตรียมไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่ก่อนจะออกจากบ้านก็โดนคนที่รักและเป็นห่วง ‘สั่ง’ ให้มานั่งทานข้าวต้มชามโต โดยคอยควบคุมอยู่ห่างๆ ไม่ปล่อยให้คลาดสายตา จนตอนนี้ข้าวต้มชามใหญ่ก็พร่องจนเกือบจะหมด “เฟนย์ กาแฟไหมลูก” เสียงเนย์ญรินทร์ดังขึ้น นางวางถ้วยกาแฟของสามีลง ก่อนจะเอ่ยปากถาม เพลิงอัคคีพยักหน้าเป็นคำตอบ “ขอเข้มๆ แรงๆ นะครับคุณแม่ เมื่อคืนผมไม่ได้นอน...” “ไปทำอะไรมาหลานย่าถึงไม่ได้นอน หรือนั่งคิดถึงหนูมัสยาอยู่จ้ะ” น้ำเสียงนุ่มนวลของย่าแพรวพัตราดังขึ้น เอิ๊ก...เสียงสำลักกาแฟดังขึ้น คงไม่ใช่จากใครที่ไหน ก็จากบุตรชายแสนสวาทพ่อนกอินทรีที่สำลักจนหน้าดำหน้าแดงเมื่อได้ยินคำถามของคนเป็นแม่ ส่วนลูกชายน่ะหรือไม่ต้องพูดถึงรีบหนีออกจากวงสนทนาอย่างรวดเร็ว “เป็นอะไรพ่อไฟ สำลักแต่เช้า” “คงเพราะกินข้าวต้มเยอะไปน่ะครับ เนยผมไปทำงานก่อนนะ แล้วเย็นนี้จะรีบกลับจ้ะ” สองพ่อลูกรีบตามกันไปติดๆ เรียกได้ว่าใส่เท้าไฟหนีกันซึ่งๆ หน้า ปล่อยให้แม่เลี้ยงแพรวพัตรามองตามไปอย่างหนักใจระคนหนักอก เมื่อดูๆ แล้วอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง “เฮ้อ...ปีหน้า หรือปีต่อๆ ไป ฉันก็คงอดอุ้มเหลน” “คุณแม่อย่าคิดมากเลยค่ะ กินข้าวดีกว่านะคะ” ลูกสะใภ้แสนรักเอ่ยปาก มีหรือแม่ย่าจะกล้าขัด ไม่ถึงนาทีพ่อเลี้ยงเพลิงอาจก็เดินเข้ามาร่วมโต๊ะเพิ่มอีกคน เพราะฉะนั้นคนที่รับฟังเรื่องราวทั้งหมดก็คงไม่พ้นคู่ชีวิตที่อยู่ร่วมกันมาหลายสิบปี ส่วนเนย์ญรินทร์ลูกสะใภ้ที่น่ารัก ก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี อาจจะมีแสดงความคิดเห็นบ้างเมื่อถูกไถ่ถาม แต่คนเป็นแม่อย่างเธอก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของพรหมลิขิตเพราะไม่คิดจะบังคับจิตใจใคร เธอพร้อมที่จะยืนอยู่เคียงข้างลูกรักทั้งสองคนเสมอ รถกระบะโฟร์วิลคันใหญ่แล่นออกจากบ้านอภิศิรานนท์ ตรงดิ่งไปยังออฟฟิศที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางไร่ รถเคลื่อนตัวมาได้ไม่ถึงห้านาที คุณเพลิงอินทรีก็จ้องหน้าบุตรชายนิ่ง “เฟนย์ เย็นนี้ไปงานเลี้ยงแทนพ่อหน่อยนะ” “งานเลี้ยงอะไรหรือครับคุณพ่อ ตัวจังหวัดหรือว่าในอำเภอ” ลูกชายสุดสวาทเอ่ยปากถาม “ในตัวจังหวัด งานเริ่มห้าโมงเย็นเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ผู้ส่งออกผลไม้ของภาคเหนือเรา พ่ออยากให้เฟนย์ไปเปิดหูเปิดตาแลกเปลี่ยนความคิดกับคนอื่นๆ อย่างน้อยมันก็เป็นผลดีกับไร่ของเรา และอีกอย่างพ่อก็แก่มากแล้วคงต้องงดงานสังสรรค์ อายุอานามคงเกินวัย” “คุณพ่อยังดูหนุ่มและหล่อเหลาเหมือนเดิม” “ลูกคนนี้ปากหวานจริงๆ พ่อคิดว่าจะไปลากตัวตาฟิวส์ออกจากถ้ำสักที ปล่อยให้ใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นสักวันคนที่จะทนไม่ได้ก็คือแม่ของเรา ส่วนคุณย่าจะเป็นแรงสนับสนุนอย่างดี” ในขณะที่รถโฟร์วิลวิ่งไปข้างหน้า บุตรชายคนโตก็หันกลับมามองใบหน้าคนเป็นพ่อ ก่อนน้ำเสียงราบเรียบจะดังขึ้น “ตามใจคุณพ่อครับ ถึงยังไงสักวันนายฟิวส์ก็ต้องออกมาจากถ้ำ เอ่อ...คุณพ่อครับเรื่องของคุณปู่ทวด” สิ่งที่รับปากคุณปู่ทวดไว้เริ่มทำให้ชายหนุ่มเป็นกังวล “เรื่องนั้นพ่อก็ยังให้คนตามอยู่นะ แต่ก็แปลกเหยี่ยวเวหาหายสาบสูญ พ่อเรียกก็ไม่ปรากฏตัว ตอนนี้เรามืดแปดด้าน สัตว์พิทักษ์ก็เงียบกริบ” สีหน้าคนเป็นพ่อเคร่งเครียดไม่น้อย “พ่อครับ เป็นไปได้รึเปล่าว่าจะมีสัตว์ชนิดอื่นที่พิทักษ์ของสิ่งนั้นอยู่” คำตอบของคนเป็นพ่อก็คือการส่ายหน้าไปมา แม้ว่าภรรยาสุดที่รักจะครอบครองสร้อยเพชรสีดำหัวใจอินทรีแต่ก็ไม่ได้ความว่าสิ่งวิเศษอีกสองอย่างจะเปล่งประกายเพราะคนคนเดียว อาจจะต้องเสาะแสวงหาอีกหลายสิบคน ไม่ว่าจะนานแค่ไหน หน้าที่นี้ก็ต้องสานต่อ มันคงเป็นโชคชะตาหรือวิบากกรรมที่ตระกูลเขาต้องประสบพบเจอ ตกเย็นของวัน... ณ โรงแรมบีเกรส กลางเมืองเชียงราย ป้ายด้านหน้างานและด้านในงานถูกติดประกาศโชว์หราว่า ‘แลกเปลี่ยนความคิด แลกวิถีดำเนินงาน เพื่อคน (รัก) ส้ม’ เวลา 18.30 น. เพลิงอัคคีเดินเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยชุดสูทสีดำดูดีมาดแมนแสนเท่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า และนั่นก็ทำให้ใครบางคนมองตามอย่างไม่คาดสายตา เธอมองชายหนุ่มอย่างสนิทเสน่หาไม่ว่าจะเยื้องย่างไปทิศทางใด มัสยาบุตรสาวท่านปลัดที่ติดตามคนเป็นพ่อมางานเลี้ยงในครั้งนี้ อดที่จะหวั่นไหวหัวใจเต้นแรงไม่ได้ เมื่อคนที่เธอกำลังเมียงมองเดินตรงมาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “สวัสดีครับท่าน” เพลิงอัคคีกล่าวสวัสดีท่านนายอำเภอคนปัจจุบัน นายอำเภอองอาจ เลิศวรเนตร รับไหว้หนุ่มรุ่นลูกอย่างชื่นชมก่อนจะหันไปยกมือไหว้ท่านปลัดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พร้อมทักทายบุตรสาวของท่านตามมารยาทที่พึงมี ไม่มากไม่น้อยจนน่าเกลียด “ว่าไงหลานชาย คุณไฟไม่มาด้วยเหรอ” ท่านนายอำเภอเอ่ยปากถาม “นั่นสิ พักนี้ไม่ค่อยเห็นออกงานสังคมสักเท่าไหร่” ท่านปลัดเสริมอีกคน ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ทั้งสองท่าน “คุณพ่อไม่สะดวกครับ ฝากผมมากราบสวัสดีท่านทั้งสองคนแทน” ท่านนายอำเภอเปิดรอยยิ้มให้ ก่อนจะเอ่ยชวนทุกคนไปต้อนรับท่านผู้ว่าที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง โดยมีมัสยามองตามแผ่นหลังของหนุ่มที่หมายปองไปเรื่อยๆ ไม่เกินห้านาทีขบวนท่านผู้ว่าก็มาถึงและแน่นอนพิธีเปิดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เนื้อหาพูดคุยกันส่วนมากก็ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่วางกันไว้ โดยมีหัวเรือใหญ่อย่างท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอของแต่ละอำเภอ รวมทั้งท่านปลัดและเครือข่ายคนไร่ส้ม การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเริ่มขึ้นเมื่อตอนสองทุ่มตรงกว่าจะเสร็จสิ้นก็กินเวลานับสองชั่วโมง บรรยากาศในงานไม่ได้เคร่งเครียดอย่างที่คิด ออกจะดูสนุกสนานเสียอีก เมื่อสมควรแก่เวลาชายหนุ่มก็ปลีกตัวออกจากวงสนทนา อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็คงต้องขอตัวกลับ “เครื่องดื่มครับ” เสียงบริกรเสิร์ฟดังขึ้น ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบแก้วบรั่นดีมาถือไว้ในมือ แต่ก็จิบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะต้องขับรถกลับบ้านเพียงลำพัง หลังจากนั้นขายาวๆ ก็ก้าวออกไปด้านนอก เพื่อหาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปหล่อเลี้ยงปอด “พี่เฟนย์คะ” เสียงหญิงสาวดังขึ้นด้านหลัง เพลิงอัคคีหันมามองก่อนจะเปิดรอยยิ้มนิดๆ มันเป็นยิ้มที่เจ้าตัวนึกคิดในใจว่า ‘น่าจะชิ่งกลับเมื่อห้านาทีที่แล้ว จะได้ไม่ต้องปั้นหน้าเป็นเทพบุตร’ “พอดีมัสหายใจไม่ออก ก็เลยมาสูดอากาศข้างนอกค่ะ ดีใจที่ได้เจอพี่” คนพูดเปิดเผยอย่างชัดเจนว่าคิดอย่างไรกับชายหนุ่มตรงหน้า รอยยิ้มหวานหยดส่งให้เพลิงอัคคี ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงฉีกยิ้มจนกามค้าง “ครับ อีกสักครู่ผมก็คงต้องขอตัวกลับ” เอื้อนเอ่ยเสร็จ บรั่นดีในมือก็ถูกกระดกลงลำคอแข็งแกร่งจนหมดแก้ว “มัสดีใจที่ได้เจอพี่อีก มัสยังนึกถึงอาหารฝีมือของคุณย่า อร่อยมากเลยนะคะ” “ครับ” คำตอบรับสั้นๆ ไม่หือไม่อือใดๆ เพิ่มเติม บุตรสาวท่านปลัดหน้าเสียเธอส่งยิ้มจืดเจื่อนไปให้ ชายหนุ่มรู้ตัวว่าตัวเองทำเกินไปจึงรีบเอ่ยขึ้น “ขอโทษนะครับพอดีผมปวดหัวนิดๆ” “พี่เฟนย์ปวดหัวมากรึเปล่าคะ” มัสยาถามอย่างห่วงใยแต่เพลิงอัคคียังไม่ทันเอื้อนเอ่ย เพราะขบวนท่านผู้ว่าทยอยกันออกมาหน้างาน ถึงเวลาที่งานเลี้ยงควรจะสิ้นสุด เพลิงอัคคีขอตัวเดินไปล่ำลาท่าน ก่อนจะหันมาขอตัวจากท่านนายอำเภอและท่านปลัดตามลำดับ พร้อมกับส่งยิ้มอำลาให้กับมัสยาตามมารยาท “มัสกลับกันเถอะลูกดึกมากแล้ว” ท่านปลัดเอ่ยชวนบุตรสาว ก่อนจะเดินไปส่งท่านนายอำเภอที่ขอตัวกลับเช่นกัน หญิงสาวมองตามแผ่นหลังชายหนุ่มด้วยท่าทีหงอยเหงา ท่านปลัดหันมายิ้มให้กำลังใจบุตรสาวก่อนจะพากันขึ้นรถกลับบ้านมณีกาญน์ เพลิงอัคคีออกจากงานในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มตระเวนขับรถชมบรรยากาศรอบด้านในตัวเมืองเชียงรายด้วยท่าทางเซ็งกะตาย ชีวิตของเขาจะมีอะไรมากกว่านี้ นอกจากคอยเปิดลูกตากลมๆ มองผู้หญิงที่คุณย่าหามาให้ มัสยาไม่ใช่คนแรกทั้งไร่ต่างรู้ดี ที่ผ่านมายังมีอีกหลายคน ชายหนุ่มรู้ว่าคุณย่าหวังดีและอยากเห็นหลานรักเป็นฝั่งเป็นฝา แต่ในเมื่อเธอไม่ใช่อย่างไรก็คงไม่ใช่ ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งกระบะโฟร์วิลคันโปรดผ่านโรงแรมมากมายรวมทั้งผ่านผับชื่อดังหลายแห่งและสายตาลูกพญาอินทรีก็ได้เห็นชีวิตของหนุ่มสาวที่วนเวียนเข้าออกผับเป็นว่าเล่น นั่นทำให้นึกย้อนถึงวัยหนุ่มคะนองยามอยู่ต่างประเทศ จะว่าไปเขากับน้องชายแทบจะไม่ได้นอนหอพักแม้แต่คืนเดียว เพราะอะไรน่ะหรือ ก็ใช้ชีวิตตามประสาหนุ่มโสดที่ไม่มีพันธะใดๆ รวมทั้งไม่มีใครมาเจ้ากี้เจ้าการในชีวิต รถโฟร์วิลยังไม่ทันได้มุ่งหน้าออกจากเมืองจู่ๆ ชายหนุ่มก็ต้องเหยียบเบรกจนตัวโก่ง เมื่อมีผู้หญิงบ้าทะเล่อทะล่ากระโดดลงมาขวางทาง หนำซ้ำเจ้าหล่อนยังกางแขนออกกว้างและก้มหน้าก้มตาราวกับคนอยากจบชีวิตลง พระเจ้า! ถ้าเขาแตะเบรกไม่ทันหล่อนได้ตายไปแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม