“นี่มัน...”
พอมาถึงคอนโด เดียร์น่ากลับต้องยืนมองกระดาษที่แปะเอาไว้หน้าห้องของเธออย่างไม่อยากเชื่อว่าบริษัทจะทำงานกันได้ไวขนาดนี้เมื่อกระดาษแผ่นนั้นแจ้งให้เธอซึ่งเป็นคนอาศัยย้ายออกทันทีเพราะห้องที่เธออยู่นั้นเป็นสมบัติของทางบริษัท
เดียร์น่าเปิดประตูเข้าไปด้วยความโมโหจากนั้นเธอก็เอากระเป๋าออกมาเริ่มเก็บของที่เป็นของเธอทั้งหมดแล้วออกจากห้องที่ไม่ใช่ของเธออีกต่อไป เธอเดินออกทางด้านหลังคอนโดแทนเมื่อด้านหน้านั้นเต็มไปด้วยนักข่าว เธอคงต้องหาที่อยู่ใหม่แต่คงต้องหาโรงแรมอยู่ชั่วคราวไปก่อน
จากนั้นข่าวของเดียร์น่าก็ค่อยๆเงียบลง เมื่อทางเรวัติก็ไม่อยากให้บริษัทเสียหายไปมากกว่านี้ ส่วนด้านปันปันก็ถูกแบนจากวงการจนหมดหนทางทำมาหากิน ซึ่งเดียร์น่าเองก็ไม่ต่างกัน แต่ละบริษัทที่เธอพยายามติดต่อไปของานทำก็พากันปฏิเสธกันหมดเพราะข่าวฉาวของเธอทั้งๆที่เธอพยายามบอกไปแล้วว่าข่าวนั้นมันไม่จริงแต่ดูท่าจะไม่มีใครฟังเลยสักนิด
“เฮ้อออออ ขืนเป็นอย่างนี้คงต้องหาที่อยู่ใหม่อีก...โอ๊ย ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยยยยย”
เดียร์น่าได้แต่ตะโกนกับตัวเองในห้องที่เธอเช่าอยู่ เมื่อเงินที่มีก็เริ่มหมดลงเพราะเธอไม่เคยคิดว่าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลยใช้เงินที่หามาได้ปรนเปรอตัวเองจนแทบไม่เหลือเก็บ และพอเริ่มคิดอะไรไม่ออกท้องก็เริ่มหิวเธอจึงใส่หมวกปิดหน้าปิดตาเพื่อออกไปหาของกิน
“เอ๊ะ! รถคันนี้มัน...”
พอกำลังจะเดินออกจากคอนโดซึ่งต้องผ่านลานจอดรถ เดียร์น่าถึงกับต้องหยุดเดินเมื่อดันเจอรถยนต์สุดหรูสีเหลืองซึ่งตอนนี้เธอก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอมีสมบัติแสนแพงอยู่ชิ้นหนึ่ง นั่นคือรถยนต์
“ฉันลืมแกไปได้ยังไงเนี่ย!! แล้วคันนี้มัน...รถฉันไม่ใช่เหรอ!!!”
เดียร์น่าถึงกับอ้าปากค้างเมื่อมันไม่ใช่แค่เหมือนแต่นี่มันรถของเธอแน่นอน แล้วทำไมมันมาจอดอยู่ที่นี่ หรือใครเอามาจอดให้ ซึ่งก็คงไม่ใช่เพราะไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่นี่นอกจากเดซี่
“อะไรกัน...แล้วทำไม...”
เดียร์น่าเดินกลับเข้าไปในคอนโดเพื่อสอบถามหาเจ้าของรถทันทีเพราะที่จอดรถทุกที่นั้นมีเจ้าของของมัน
“ใครนะคะ?”
“ห้อง 2020 ค่ะ แต่ตอนนี้เจ้าของห้องน่าจะไม่อยู่นะคะ”
“เหรอคะ ขอบคุณค่ะ”
พอได้คำตอบ เดียร์น่าถึงกับท่องจำเบอร์ห้องเมื่อยังไงวันนี้เธอต้องได้คุยกับคนที่เอารถของเธอไปก่อนจะเดินกลับออกมาเพื่อซื้อของเข้าไปกินในห้อง
“จอดรถ”
เอี๊ยดดดด!
“เอ่อ ขอโทษครับ...”
คำสั่งที่อยู่ๆก็ดังขึ้นทำเอาคนขับรถถึงกับต้องจอดกะทันหัน เมฆาที่มองตามร่างบางที่ถึงแม้จะปกปิดตัวตนแค่ไหนแต่แปลกที่เขาจำเธอได้เพียงแค่แว๊บแรกที่เห็นแบบนี้
“มีอะไรรึเปล่าครับบอส?”
“เดี๋ยวกลับไปเลยก็ได้ ผมจะเดินเข้าไปเอง”
“ครับ...”
พูดจบเมฆาก็ลงจากรถทันทีแล้วเดินตามคนที่เขาคิดว่าต้องเป็นเดียร์น่าอย่างแน่นอนไป ก่อนจะขวางหน้าของเธอเอาไว้
“ว๊าย!!”
เดียร์น่าถึงกับตกใจที่อยู่ดีๆก็มีคนมาขวางทาง เธอเลยรีบก้มหน้าเพราะกลัวว่าจะเป็นพวกนักข่าว
“หลีกทางด้วยค่ะ ฉันไม่ใช่คนที่คุณคิดหรอก”
เธอรีบบอกเพราะอุตส่าหนีมาอยู่เงียบๆได้แล้วแท้ๆ
“งั้นเหรอผมว่าผมดูไม่ผิดนะ”
“ผิดแล้วๆๆๆ ถอยไปฉันจะ...คุณ!!...”
เดียร์น่าถึงกับตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองคนตรงหน้า
“หึหึ ว่าแล้ว”
เมฆาที่ปกติพูดน้อยกลับเอาแต่พูดไม่หยุดเมื่ออยู่ต่อหน้านางแบบสาว เขามองเธออย่างแปลกใจที่เห็นเธอมาอยู่แถวนี้
“ถอยไปนะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ”
เดียร์น่ารีบบอกพร้อมกับจะเดินหนี แต่เมฆายืนขวางเอาไว้
“แต่ผมมี”
“แต่ฉันไม่อยากคุย”
หมับ!
เมฆาคว้าแขนของเดียร์น่าเอาไว้ ทำเอาเธอถึงกับหันมามองเขาอย่างไม่พอใจ
“นักข่าวนี่”
“!!!!”
หมับ...
เมฆาพูดขึ้นเมื่อรู้ว่าเดียร์น่ากำลังหลบพวกนักข่าวอยู่ ทำเอาเดียร์น่าถึงกับตกใจเผลอดึงเขาเข้าไปกอดเอาไว้แน่นเพื่อหลบพวกนักข่าว
“อย่าขยับนะ ถ้าพวกนั้นรู้ว่าฉันอยู่นี่มีหวังต้องย้ายที่อยู่อีกแน่...”
เดียร์น่าบอกขึ้นพร้อมกับมุดหน้าซ่อนอยู่ที่อกของเขาจนได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“อะแฮ่ม...ยิ่งทำอย่างนี้ยิ่งเป็นจุดสนใจมากกว่านะ”
เมฆาบอกออกมา เมื่อเขาเองก็ทำตัวไม่ถูก กะว่าจะแกล้งหลอกเธอเล่นแต่ดันกลายเป็นตัวเองที่ต้องทำตัวไม่ถูกแทน
“บ้าจริงที่ต้องมาเจอคุณ!!”
เดียร์น่ารีบดันตัวเองออก ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับคอนโดทั้งๆที่ท้องยังหิวอยู่โดยมีเมฆามองตามด้วยความแปลกใจเข้าไปอีก
“นี่! จะเดินตามมาทำไมห๊ะ?”
เดียร์น่าที่เห็นเขาเดินตามมาหันไปต่อว่าทันที
“ก็...”
เมฆาได้แต่มองไปยังคอนโดที่อยู่ตรงหน้าอย่างเป็นคำตอบจนเดียร์น่าที่เห็นถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเรื่องบังเอิญมันจะเกิดขึ้นกับเธอขนาดนี้ เธอหันหลังกลับแล้วเดินจ้ำอ้าวนำหน้าเขาไปทันที
“ถ้าเจ้าของห้อง 2020 กลับมาแล้วรบกวนแจ้งหน่อยได้ไหมคะ”
เดียร์น่าเดินเข้าไปบอกพนักงานต้อนรับที่เคาเตอร์
“ได้ค่ะ อ่าว นั่นไงคะมาพอดีเลย”
พนักงานของคอนโดที่หันไปเจอเมฆาเดินเข้ามาพอดีรีบบอกขึ้น ก่อนที่เดียร์น่าจะหันไปมองและเธอก็ต้องอึ้งอีกรอบเมื่อเป็นคนที่เธอไม่อยากคุยด้วยที่สุด
“คุณเมฆาคะ พอดีคุณเดียร์น่าต้องการพบ...”
“มาคุยกันหน่อย”
พนักงานยังพูดไม่จบเดียร์น่าก็เดินมาคว้าแขนของเมฆาแล้วดึงให้เดินตามเธอไปโดยไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเธอนั้นถูกบันทึกภาพเอาไว้หมดแล้วจากพนักงานที่ต่างก็รู้ว่าเดียร์น่ากำลังเป็นที่พูดถึงเกี่ยวกับการหายตัวไป
“ทำไมรถของฉันถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วทำไมต้องเป็นคุณด้วยที่อยู่ที่นี่ห๊ะ?”
พอเดินออกมาไกลจากคนอื่นแล้วเดียร์น่าก็เปิดฉากพูดทันที
“อ่าว ก็...”
“หรือว่าคุณขโมยรถฉันมา หรือว่าซื้อต่อจากใคร นั่นเป็นรถของฉันแสดงว่าคุณกำลังรับซื้อของโจรนะเข้าใจไหม”
เมฆาได้แต่มองเดียร์น่าอย่างไม่อยากเชื่อว่าเธอจะพูดโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดเลยสักนิดแบบนี้
“แต่ถ้าคุณยอมคืนมาดีๆฉันจะไม่เอาเรื่อง ว่าไง?”
“กุญแจอยู่บนห้อง แล้วอีกอย่างผมไม่ได้ขโมย”
“ถ้าไม่ขโมยก็รีบเอามาคืนฉันสิ”
เมฆาได้แต่ส่ายหัวกับความคิดเองเออเองของนางแบบสาว ก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์โดยมีเดียร์น่าเดินตามเข้ามา
“ฉันไปเอาที่ห้องคุณดีกว่า ถ้าคุณหายไปฉันจะทำยังไง”
เมฆาไม่ได้พูดอะไร ไม่นานก็มาถึงหน้าห้องของเขา เดียร์น่าถึงกับมองไปรอบๆอย่างแปลกใจเพราะชั้นที่เขาอยู่มันต่างจากชั้นที่เธออยู่เหมือนไม่ใช่คอนโดเดียวกัน
“ทำไมห้องคุณถึง...”
“ชั้นนี้มีแค่ห้องเดียว รอตรงนี้ก็ได้เดี๋ยวผมเอาออกมาให้”
พูดจบเมฆาก็เดินไปกดรหัสเข้าห้องปล่อยให้เดียร์น่าได้แต่มองตามอย่าไม่อยากเชื่อ เพราะขนาดเธอแค่เช่าอยู่ยังเดือนละเป็นแสน แต่เขาอยู่ทั้งชั้นคนเดียวแบบนี้คงจะแพงมากแน่ๆ
“นี่ แล้วก็นี่ของๆคุณ”
เมฆาเดินกลับออกมาพร้อมกระเป๋าและกุญแจรถยื่นให้กับเดียร์น่าที่เอาแต่มองเขาอย่างแปลกใจ จนเขาต้องขมวดคิ้วมองเธอกลับ
“คุณเป็นใครเหรอ? ทำงานอะไรทำไมถึงอยู่หรูหราแบบนี้ได้...”
เธออดที่จะถามไม่ได้
“จำเป็นต้องบอกด้วยเหรอ รถคุณอยู่ด้านล่างคงเห็นแล้ว เชิญตรวจดูได้ตามสบาย”
ไม่พูดเปล่าแต่เมฆายังเดินไปกดลิฟต์ให้เธอเมื่อเขาอยากพักเหลือเกินแถมยังต้องคุยงานกับน้องชายต่ออีกเลยต้องส่งแขก
ส่วนเดียร์น่าพอได้กุญแจรถเธอก็รีบลงมาสำรวจดูทันที พบว่ารถของเธออยู่ในสภาพปกติ แต่ติดอยู่แค่ยางแบนราบไปทั้งสี่เส้น
จากนั้นเธอก็เดินขึ้นมาบนห้องด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนไป เพราะถ้าเกิดเธอขายรถคันนี้ก็อาจได้เงินกลับมาหลายล้านซึ่งอาจจะใช้ดำรงชีวิตได้อีกนานพอสมควร
จ๊อก ครืด จ๊อกกก...
“อ๊า หิว...”
พอจบเรื่องรถ ท้องที่ยังว่างเปล่าก็เริ่มประท้วงอีกครั้ง เดียร์น่าเดินไปเปิดตู้เย็นและก็พบว่ามันยังคงว่างเปล่าไม่มีแม้แต่น้ำดื่ม เธอเริ่มคิดที่จะออกไปหาอะไรกินอีกครั้ง และพอลงมาถึงชั้นล่างเธอก็เจอเข้ากับพวกนักข่าวสองสามคนที่กำลังคุยอยู่กับพนักงานของคอนโด เดียร์น่าถึงกับกดปิดลิฟต์แล้วกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้งอย่างตื่นตระหนก
“มาได้ไง! อ๊ายยยย อุตส่าเลือกที่นี่เพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุดแล้วแท้ๆ”
เธอแทบอยากกรีดร้องออกมาเพราะที่ก่อนๆที่เธอไปพักอยู่ปกปิดนักข่าวไม่ได้เลย แต่ที่นี่น้องสาวแนะนำมาเธอเลยคิดว่าจะปลอดภัย แต่ที่ไหนได้ก็คงไม่ต่างกัน
“ต้องรีบขายรถแล้วย้ายออก แต่จะไปขายที่ไหนยังไงล่ะ พวกนั้นรู้ก็ลงข่าวว่าเราขายของกินอีก โอ๊ย ทำไมมันยุ่งยากแบบนี้เนี่ย!”
พอกลับเข้ามาในห้อง เดียร์น่ากลับต้องคิดหนักเรื่องรถ เพราะการที่เธอจะขายของที่มีอาจถูกเอาไปเป็นประเด็นนินทากันอีกได้
“โอ๊ย!! หิวก็หิว เรื่องให้คิดก็เยอะ ฮื่อๆๆๆ ทำยังไงดี ให้เดซี่เอาอาหารมาส่ง...ไม่ๆๆเป็นพี่จะทำตัวให้น้องเดือดร้อนได้ยังไง...เฮ้ออออ”
เดียร์น่าได้แต่เดินวนไปวนมาในห้องเมื่อตอนนี้เธอแทบทำอะไรไม่ได้ งานก็ไม่มี สังกัดไหนก็ปฏิเสธเธอจนหมด ดีที่ยังมีรถแต่จะขายก็กลัวเป็นข่าวอีกนี่สิ ทั้งวงการคนที่ช่วยเธอได้ก็ไม่มีเลยสักคน
ส่วนเมฆาที่พึ่งคุยกับเมฆินทร์เสร็จก็อดนึกไปถึงเดียร์น่าไม่ได้ เขาไม่ได้ยินข่าวของเธอมาพักใหญ่ๆแล้วหลังจากที่สื่อประโคมข่าวว่าเธอขายตัวและถูกไล่ออกจากสังกัดแถมไม่มีใครให้งานอีก
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊งงงงงงงง
เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น เมฆาขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อแน่นอนว่าคนที่มาหาเขาเป็นใครไม่ได้นอกจากเดียร์น่า
“คุณ...เอ่อ คือว่า...”
พอประตูเปิดออกมาเดียร์น่าถึงกับยิ้มกว้างไปให้เมฆาทันที ทำเอาหัวใจของเขาแอบกระตุกกับยิ้มเสแสร้งของเดียร์น่าอย่างช่วยไม่ได้ เขามองเธอนิ่ง
“คือว่า...ฉัน เอ่อ ฉันลงไปหาข้าวกินแต่ดันเจอคุณ ทำให้ฉันไม่ได้กินอะไรเลย ตอนนี้ฉัน เอ่อ ฉัน...หิว...ห้องคุณพอจะมีมาม่า หรือไม่ก็อาหารง่ายๆผลไม้ก็ได้บ้างไหม เดี๋ยวฉันซื้อมาคืน”
เดียร์น่าบอกขึ้นอย่างเขินอาย เมื่อเธอคิดหาทางออกไม่ได้แล้วจริงๆเลยบากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากเขา เมฆามองเดียร์น่าที่ท่าจะหิวจริงๆอย่างเข้าใจ ก่อนจะเปิดประตูกว้างให้เธอเข้ามา
“ฉันไม่เข้าไปหรอก เอามาให้...”
“เข้ามา”
ปากที่กำลังจะปฏิเสธหุบลงทันทีเมื่อเจ้าของห้องบอกขึ้น ก่อนเธอจะเดินเข้ามาในห้องของเมฆาเมื่อคิดว่าเขาทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนี้คงไม่ทำเรื่องเลวๆกับเธอ และพอเข้ามาข้างในเดียร์น่าถึงกับตะลึงกับห้องอันใหญ่โตและสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบจนเธอยังต้องอาย
“ไปนั่งรอก่อน ไม่นานหรอก”
เมฆาบอกออกมา ก่อนจะเดินตรงไปที่ครัวสไตล์ยุโรปอันหรูหรา แล้วพันผ้ากันเปื้อนรอบเอว จากนั้นเขาก็เริ่มทำอาหารอย่างช่ำชองและรื่นไหลจนเดียร์น่าที่ยืนมองอยู่อดอึ้งตะลึงค้างไม่ได้
‘หรือว่าเขาเป็นเชฟ...’
เธอคิดขึ้นเมื่อดูยังไงเขาก็ดูช่ำชองเรื่องในครัวมากกว่าคนปกติทั่วไป และกว่าที่เธอจะรู้ตัวอาหารจานด่วนก็มาวางตรงหน้าของเธอเรียบร้อยแล้ว
“กินสิ ผมไม่มีหรอกอาหารขยะพวกนั้น”
เมฆาบอกออกมาพร้อมกับนั่งลงตรงกันข้ามกับเดียร์น่า
“ขอบคุณ...แล้วคุณไม่กินเหรอ”
“ผมทานมาจากข้างนอกแล้ว”
เมฆาบอกขึ้น ก่อนจะรินน้ำให้กับเธอ
จากนั้นเดียร์น่าก็เริ่มลงมือทานอาหารที่เขาทำอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมชมไม่ขาดปากจนคนทำอดที่จะดีใจไม่ได้เมื่อมีไม่กี่คนที่เขาทำอาหารให้ทาน และหนึ่งในนั้นก็เป็นเธอด้วย
“ขนมหวานไหม ในตู้มีพุดดิ้ง”
“มีเหรอ! เอ่อ ก็ได้นะ...”
พออาหารหมดลงเมฆาที่เห็นว่าเธอเหมือนจะยังไม่อิ่มเลยบอกขึ้นและเดียร์น่าก็ไม่ปฏิเสธเมื่อพุดดิ้งเป็นอาหารหวานที่เธอชอบมาก ไม่นานพุดดิ้งก็มาวางอยู่ตรงหน้าพร้อมกับองุ่นลูกโตราคาแสนแพงของเขา
“เกรงใจจัง...เอาไว้ถ้ามีโอกาสฉันจะตอบแทนนะ”
“ไม่เป็นไร”
เมฆาได้แต่มองเธอกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยจนเขาอดยิ้มมุมปากไม่ได้ เมื่อเธอดูจะมีความสุขกับการกินเหลือเกินทั้งๆที่ตัวก็ผอมบางขนาดนั้น จนกระทั่งทุกอย่างหมดเกลี้ยง เดียร์น่าที่พึ่งรู้ตัวว่ากินจนไม่เหลือก็ยิ้มแหยๆออกมา
“พอดีฉันก็อยากลงไปหาอะไรกินอยู่นะ แต่นักข่าวน่ะสิมาได้ยังไงก็ไม่รู้ อุตส่าคิดว่าปลอดภัยแล้วแท้ๆ...”
“ถ้าไม่ได้ทำผิดจะหนีทำไม”
เมฆาพูดขึ้น เมื่อเดียร์น่าดูเดียงสามากกว่าจะมาอยู่ในวงการมายาพวกนั้นด้วยซ้ำ
“ก็ไม่ได้อยากจะหนีหรอก แต่ไม่มีใครยอมฟังฉันเลยนี่สิ พวกนั้นตัดสินฉันไปหมดแล้ว...ฉันไม่เหลืออะไรแล้วกับวงการนี้...”
เดียร์น่าถึงกับก้มหน้าลงเพื่อซ่อนน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมา เมื่อเธอไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะได้มาอยู่จุดนี้ จากชีวิตที่โลดแล่นเมื่อไม่กี่วันก่อนกลับดับลงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเพียงเพราะเรื่องที่เธอไม่ได้ทำผิด
“สู้สิ”
เมฆาบอกขึ้น เพราะเท่าที่เขาดูมาเธอยังไม่ได้ออกมาพูดอะไรเลย
“เอาอะไรไปสู้ล่ะ เงินก็ไม่มี ห้องจะอยู่ยังจะไม่มีเงินจ่ายเลย ฮื่อๆๆๆ”
และเดียร์น่าก็กลั้นไม่ไหวปล่อยน้ำตาออกมาอย่างหมดความอดทน เธอพยายามจะเข้มแข็งแล้วแต่พอมาเจอคำพูดพวกนี้ทุกอย่างมันกลับพังลงไม่เป็นท่า ส่วนเมฆาก็ได้แต่นั่งมองเธอนิ่ง เมื่อเขาดันเกิดความรู้สึกไปกับเธออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจที่เคยแน่นิ่งไม่เคยไหวติงกับสิ่งใดแต่กำลังเต้นรัวกับเดียร์น่าเข้าเสียแล้ว
“มาทำงานให้ผมสิ”
อยู่ดีๆเขาก็พูดออกมา ทำเอาเดียร์น่าที่ร้องไห้อยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นมองเขา
“ทะ...ทำงาน ฮึก งานอะไร...ฮึก”
เธอถามขึ้นอย่างแปลกใจ นอกจากเดินแบบแล้วเธอก็ไม่รู้จะทำงานอะไรได้อีก
“อืม ก็เธอบอกไม่มีเงิน ผมจะจ้างคุณมาเป็นนางแบบโฆษณาให้กับบริษัทของผมเอง”
“ฮึก...เหรอ แล้ว...แล้วบริษัทคุณทำอะไร ฉัน ฮึก ฉันก็ต้องดูงานก่อนสิ”
“ไหนบอกไม่มีเงิน ยังจะเลือกงานอีกรึไง”
เมฆาอดที่จะว่าให้ไม่ได้ เขาอุตส่าเอาตำแหน่งที่ดารานางแบบทั้งประเทศต้องการมายัดใส่มือเธอแท้ๆกลับจะมาเรื่องมากอีก
“ก็...ฉันกลัวจะเป็นงานไม่ดีอีก...”
เดียร์น่าบอกขึ้น เมื่อเธอกลัวว่าจะไปเจองานนั่งดื่มนั่งดริ๊งเสียเนื้อเสียตัวเข้าอีก
“พรุ่งนี้ก่อนแปดโมงเตรียมตัวให้พร้อม เราจะเข้าไปดูงานและพูดเกี่ยวกับสัญญางานกัน”
“แต่ฉัน...ฉันกำลังมีข่าวไม่ดี แถมใครก็ไม่อยากจ้างงานอีก ฉันกลัวว่าจะทำให้บริษัทคุณเสียไปด้วย...”
“ผมเป็นคนตัดสินใจ ถ้ามันจะทำให้บริษัทเสียชื่อหรือขาดทุนก็เป็นงานของผมที่ต้องแก้ คุณแค่ทำงานให้ผมให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ ทำได้ไหมล่ะ”
“อื้อๆๆ ทำได้สิ”
เดียร์น่ารีบพยักหน้าตกลงทันที เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เธอเคยตั้งแง่เกลียดอย่างเมฆาจะช่วยเหลือเธอแบบนี้
“ว่าแต่...คุณชื่ออะไรเหรอ...”
เจอกันมาตั้งหลายรอบแต่เธอกลับไม่เคยรู้จักชื่อของเขาเลย
“เมฆา...”
“อ้อ...คุณก็ดูเป็นคนดีกว่าที่ฉันคิดนะ ไม่เหมือนที่เจอกันครั้งแรก”
เมฆาอยากบอกเหลือเกินว่าที่เธอเจอน่ะเมฆินทร์ไม่ใช่เขา แต่ก็เลือกที่จะเงียบเมื่อเธอดูจะไม่ได้เกลียดเขาเหมือนครั้งแรกที่เจอกันแล้ว
จากนั้นเดียร์น่าก็เอ่ยลาเมื่อคิดว่ารบกวนเขานานเกินพอแล้ว เธอกลับลงมาที่ห้องของเธอด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ความหนักอึ้งของปัญหาที่มีดูจะทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด
“ก็เป็นคนดีนี่ แล้วทำไมตอนนั้นถึงเจ้าเล่ห์แบบนั้นได้ล่ะ ไม่เหมือนคนเดียวกันเลย”
เธอได้แต่คิด เมื่อยังไงตอนนี้เธอก็มีงานให้ทำแล้ว
ทางด้านเมฆาพอเดียร์น่ากลับไปเขาก็เริ่มคิดโปรเจคใหม่ทันที เมื่ออันที่จริงบริษัทของเขาไม่ได้ต้องการคนเลย แต่เขาอยากช่วยเธอเลยพูดออกไปแบบนั้น